ทั้งคู่อยู่ในท่านี้นานแบบที่ไม่มีใครพูดคุยอะไรกัน จนตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่ง ธรรศภาคย์จึงสะกิดทับทิม และกาแฟร้อนของเขาก็กลายเป็นกาแฟเย็นเรียบร้อย
"ทับทิม"
"ขาาา"
เธอไม่ได้หลับ จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองผู้พูด ชอบจังเลยเวลาเขาเรียกชื่อเล่นเธอเหมือนเราสนิทกันมาก แต่เธออยากให้เขาเรียกอย่างอื่นมากกว่า
"เรียกที่รักไม่ได้เหรอคะ"
"ผมเรียกทับทิมก็ดีอยู่แล้วครับ"
หญิงสาวยู่หน้า
"งั้นหนูเรียกผอ.ว่าที่รักคนเดียวก็ได้ค่ะ"
เพราะอีทับทิมมันคลั่งผอ.ภาคย์จะตายอยู่แล้ว
"เดี๋ยวใครมาได้ยินครับ"
"หนูแอบเรียกตอนอยู่สองต่อสองก็ได้นี่คะ"
บอกพร้อมส่งสายตาปริบๆ ให้ผอ.ภาคย์ใจอ่อน ในห้องสองต่อสองเขาคงไม่ติดหรอกใช่ไหม
"ดื้อ"
เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดกับทับทิมดี บอกอะไรไปไม่เอาสักอย่าง นี่เขาคงห้ามได้มั้ง
"ผอ.น่ารักจังเลยค่ะ" ไม่ห้ามเธอด้วย
โน้มใบหน้าขึ้นไปหอมแก้มสาก คนอะไรตัวหอมมาก อีทับทิมโชคดีสุดๆ ที่ได้มีโอกาสมานั่งกกผอ.ภาคย์ และอีกไม่นานก็คงได้กกไข่ อิอิ
"ลงไปได้แล้วครับ หากมีอะไรก็แชทมาแล้วกัน" สะกิดบอกทับทิมอีกที เพราะวันนี้เธอขึ้นมานานแล้ว
"ยังไม่อยากลงไปเลยค่ะ ที่หนูมาเช้าก็เพราะอยากอยู่กับผอ.นะคะ"
"เดี๋ยวมีใครมาเห็นครับ"
ใครที่ว่าก็คือธนา รับรองว่าหลานชายเก็บความลับไม่อยู่แน่ โดยเฉพาะกับคนที่บ้าน ธนาต้องรีบป่าวประกาศอย่างแน่นอน
"หนูล็อกห้องแล้วค่ะ ไม่มีใครเข้ามาแน่นอน"
"เข้ามาไม่ได้แต่ส่องตาดูเจอแน่นอนครับ"
"หากมีใครเดินผ่านมาจริงๆ หนูจะรีบวิ่งไปซ่อนตัวเลยค่ะ"
ธรรศภาคย์ส่ายหัว หมดคำจะพูดกับเด็กคนนี้จริงๆ ซ่อนได้แค่ตัวสิไม่ว่า กลิ่นน้ำหอมทับทิมชัดเจนขนาดนี้ ธนาได้เอามาถามอีกว่าเขาให้ผู้หญิงคนไหนขึ้นห้องหรือเปล่า
เขาก็คงจะตอบอย่างเดิมว่าน้ำหอมที่มีคนให้มายังใช้ไม่หมด และจะหมดตอนไหนก็ยังไม่รู้
"เอ้อ..หนูทำอาหารมาให้ผอ.ด้วยนะคะ"
ทับทิมที่นึกขึ้นได้รีบลงจากตักผอ.หนุ่มแล้วเดินกลับไปหยิบกระเป๋าเก็บความร้อนที่วางบนโต๊ะทำงานของเขากลับมานั่งลงข้างๆ กัน และสาเหตุที่เธอมาหาเขาแต่เช้าก็เพราะอยากเอาอาหารที่เธอทำเองมาให้เขาชิมด้วย
เช้าๆ แบบนี้เธอทำซุปบักมี่กับเนื้อแดดเดียวทอดมาให้เขาทาน รับรองผอ.ภาคย์ติดใจแน่นอน
(ซุปบักมี่=ซุบขนุน ต้มขนุนอ่อนต่ำใส่กับ พริกย่าง กระเทียม หอมแดง ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ผงชูรส น้ำปลา ข้าวคั่ว และปิดท้ายโรยด้วยต้นหอมเอาลงไปคลุกเคล้า)
เปิดกระเป๋าเก็บความร้อนออก หยิบกล่องกับข้าวสองชั้นที่มีซุปบักมี่และทอดเนื้ออยู่คนละชั้น
ก่อนจะหยิบกระติบข้าวเหนียวที่เธอก็นึ่งเองเหมือนกัน เปิดทั้งสามอย่างออกแล้วหันไปมองหน้าผอ.ด้วยรอยยิ้ม
"เป็นไงคะ กับข้าวฝีมือหนูน่าทานไหมคะ อันนี้ซุปบักมี่ อันนี้เนื้อแดดเดียวทอดค่ะ"
ธรรศภาคย์มองลงอาหารสองอย่างกับกระติบข้าวเหนียว ซึ่งตอนนี้ซุปบักมี่ที่ทับทิมว่าส่งกลิ่นตลบอบอวลในห้องเรียบร้อย โดยเฉพาะกลิ่นต้นหอมและน้ำปลาร้าชัดเลย
"น่ากินมั้ยคะ" เมื่อเห็นเขาไม่ตอบจึงถามอีกที
"ครับ"
ไม่ปฏิเสธว่าเนื้อทอดน่ากินมาก แต่ซุปบักมี่เขาไม่เคยกิน คงเพราะตั้งแต่เด็กเข้าไปเรียนกรุงเทพแล้วติดอาหารไทยมาตลอด
พอกลับบ้านเขาก็ยังกินอาหารอีสานไม่เก่งเหมือนคนที่บ้าน ยิ่งพอแยกออกมาอยู่คนเดียวเขาก็กินแต่อาหารไทย
แต่ไม่อยากเชื่อว่าทับทิมจะทำอาหารพวกนี้เป็น บุคลิกอย่างนี้ไปแอบซื้อร้านไหนมาเทใส่กล่องเพื่อเอาใจเขาหรือเปล่า ข้าวเหนียวนี่ก็ด้วย ซื้อที่ไหนมายัดใส่กระติบ
"ถ้าน่ากินลองหน่อยนะคะเดี๋ยวหนูป้อน"
ลุกเดินไปล้างมือตรงถังขยะแล้วกลับมาปั้นข้าวเหนียวต่อ ก่อนจะหยิบชิ้นเนื้อแดดเดียวทอดเข้าปากผอ.หนุ่ม แล้วใช้ข้าวเหนียวจ้ำซุปบักมี่ตามหลัง
ธรรศภาคย์อ้าปากรับเอา เคี้ยวไปด้วยมองใบหน้าทับทิมไปด้วย ฝ่ายนั้นก็มองตามอย่างลุ้นๆ
"เป็นไงคะ อร่อยหรือเปล่า"
".."
"ยังไม่ได้รสชาติใช่ไหมล่ะคะ งั้นคำใหญ่ๆ เลยค่ะ"
ทับทิมจกเข้าเหนียวแล้วปั้นให้แน่นกว่าเก่า คราวนี้ตุ้ยซุปบักมี่แทบจะปิดคำข้าวไปจ่อปากผอ.หนุ่มอีกครั้ง
"อ้าม"
บอกให้ผอ.หนุ่มเปิดปากออก ธรรศภาคย์ก็ทำตาม คราวนี้ชัดมาก กลิ่นปลาร้า ต้นหอม และอะไรเละๆ เต็มปาก ไม่กลืนก็ยังไงอยู่ในเมื่อคนทำมองมาซะขนาดนี้
"เก่งมากค่ะ" ทับทิมปรบมือรัวๆ "งั้นคำต่อไปเลยนะคะ"
"ผมกินเองดีกว่าครับ"
"หากมีใครมาหนูจะรีบวิ่งไปแอบให้ไวล่ะค่ะ"
ธรรศภาคย์ถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าเขากินเองคงจะหยิบแค่เนื้อทอด แต่นี่ทับทิมเล่นป้อนซุปบักมี่มาทุกคำเลย แล้วแต่ละคำแทบอ้าปากเอาไม่หมด
กินมาสักพักเริ่มแน่นท้องไม่ไหว
แน่สิ มองลงในกล่องอาหารเหลือนิดเดียวจากที่เห็นว่ามีเยอะๆ ข้าวเหนียวในกระติบก็พร่องลงไปถึงครึ่ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สองคนในห้องหันขวับไปทางประตู ทับทิมเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ธนารีบเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเผ่นเข้าห้องนอนของเขา จัดการปิดล็อกประตูให้เรียบร้อย
ธรรศภาคย์ใจเต้นแรง ทว่าสำรวจความเรียบร้อยบนโต๊ะอีกทีแล้วเดินไปเปิดประตูออก ก็เจอกับหลานชายที่ทำหน้าเซ็งมองมา
"ล็อกประตูทำไมครับอา"
ตั้งแต่เขาเข้ามาสอนที่นี่อาภาคย์เคยล็อกประตูสักครั้งไหม ก็ไม่
ถึงไม่ค่อยขึ้นมา แต่ก็ไม่ใช่ไม่เคยขึ้นมาไง มาครั้งไหนก็เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปเลย
"จะเอาอะไร"
ธรรศภาคย์ถามเสียงเรียบ ไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจว่าอีกฝ่ายมาหา ทั้งที่ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายแทบจะทะลุออกมาจากอยู่แล้ว
แต่ธนาดูเซ็งมากนะกับแค่มาเจอเขาล็อกห้อง แล้วไม่ดูห้องทำงานของตัวเอง ล็อกมันทั้งวันเขายังไม่บ่น
แต่เขาก็แอบมีกุญแจห้องทำงานของธนาทุกดอก ต่อให้เปลี่ยนสิบรอบเขาก็จ้างช่างมาทำจนได้
"มาชวนไปกินข้าวไงครับ"
เดี๋ยวน้อยใจ หาว่าเขาแต่งงานแล้วทิ้งให้อาต้องไปกินข้าวคนเดียว วัยทองงอนเก่งชะมัด!
"ไม่หิว"
ธนาเลิกคิ้ว
ไม่หิว?
อาภาคย์น่ะนะไม่หิวข้าว?
ทว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่างลอยออกมาจากในห้องทำจมูกฟุตฟิต
เดินแทรกตัวเองเข้าไปในห้องจนเจ้าของตั้งตัวไม่ทัน อุตส่าห์ไปยืนขวางประตูเอาไว้ไม่ให้ธนาเข้ามาก็ยังเข้ามาจนได้
"กลิ่นอะไรครับ"
ธนามองสำรวจจนทั่วห้อง ทว่าไม่เจอต้นเหตุของกลิ่น แต่ชัดเจนขนาดนี้พบว่ามันคือปลาร้าแน่นอนเขาฟันธง!
"ซุปบักมี่"
จะให้โกหกได้ไงกลิ่นแรงขนาดนี้
"อาซื้อซุปบักมี่มากิน คิดว่าแกคงกินข้าวกับเมียมาจากที่บ้านเลยไม่อยากไปโรงอาหารคนเดียว"
"ฮะ อะ..อาว่าอะไรนะครับ อาซื้อซุปบักมี่มากิน?"
"อืม"
"กินเป็นด้วยเหรอครับอา"
อาภาคย์ไปอยู่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนชายล้วน กินนอนที่นั่น มั่นใจว่าไม่มีเมนูพวกนี้แน่นอน
แถมกลับมาบ้านยังเป็นคนเดียวที่ไม่กินเมนูอีสานเพราะบอกไม่อยู่ท้อง แถมยังเคยเมาข้าวเหนียวด้วย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะย้อนกลับมากิน
"มันมีขายแค่นี้ตรงหน้าปากซอย จะได้ไม่ต้องไปโรงอาหารด้วย"
"อ๋อ น้อยใจเหรอครับ"
ธนาเลิกคิ้วถามยิ้มๆ น้อยใจที่ว่าเขาไม่มีเวลาให้
ทว่าอาภาคย์ก็ไม่เปลี่ยน หน้านิ่งไม่ให้เขาเดาอาการได้เลยว่าน้อยใจ
"เปล่า ก็เข้าใจว่าแกมีครอบครัวแล้วไง"
"แหม ทำไมดูเข้าใจอะไรง่ายดีจังครับ มีอะไรแปลกๆ ปะ"
ธรรศภาค์ส่ายหัว และก่อนที่ธนาจะได้สงสัยอะไรไปมากกว่านี้เขาควรชวนอีกฝ่ายเดินออกจากห้องเพื่อให้ทับทิมกลับลงไปด้านล่าง
"แกจะไปกินข้าวใช่ไหม งั้นก็ไป"
"ไม่เป็นไรครับ ผมแค่กาแฟแก้วเดียวก็อยู่ท้องแล้ว"
ที่เขาต้องไปกินข้าวโรงอาหารพร้อมอาเกือบทุกเช้าเพราะไปเป็นเพื่อนอาต่างหากล่ะ แต่หากอากินแล้วเขาก็จะกลับห้องไปเตรียมตัวสอน
"งั้นผมลงไปแล้วนะครับ"
"เดี๋ยวธนา" ผอ.หนุ่มรีบเรียกหลานชายที่กำลังจะเดินออกจากห้อง ฝ่ายนั้นก็หันกลับมามอง
"ครับ"
"ต่อไปอาจะซื้อข้าวจากข้างนอกมากินเอง"
ธนาเลิกคิ้ว
"หมายความว่าผมไม่ต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนอาที่โรงอาหารแล้วใช่ไหมครับ"
"อืม"
ธรรศภาคย์พยักหน้า อาจารย์หนุ่มจึงพยักหน้าช้าๆ ตอบกลับ ถึงมันจะแปลกก็ตาม
"แล้วข้าวเที่ยงล่ะครับผมยังต้องไปด้วยไหม"
"ต้องไปสิ แกไม่ได้รีบนี่"
อ๋อ แค่ข้าวเช้า
"ได้ครับอา"
อาภาคย์คงกำลังปรับตัวเพราะเขาสินะ หลานชายมีเมียแล้วนี่ ก็คงเข้าใจว่าทำตัวติดกันกับเขาไม่ได้อีกแล้ว