บริษัทISSARA INC.
หญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่บริษัท วันนี้เป็นวันแรกที่เธอมาถึงบริษัทในเวลาสายกว่าปกติ เธอยืนปาดเหงื่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบเดินดุ่มๆ ตรงไปที่ประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิด มือเรียวเอื้อมออกไปกดปุ่มเพื่อให้ประตูลิฟต์เปิดออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในเข้าไปด้านในทันที
“เดี๋ยวค่ะ! รอก่อนค่ะ!” เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเข้ามาในลิฟต์ได้ทันเวลา
กลิ่นน้ำหอมในความทรงจำลอยเข้ามาเเตะจมูกทำให้เธอยืนชะงักนิ่งไปชั่วขณะ เหตุการณ์ในคืนนั้นวนลูบเข้ามาในสมองทันที เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มซึมออกมาตามกรอบหน้ารวมถึงฝ่ามือที่เริ่มชื้นเหงื่อขณะที่หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ใจหนึ่งก็อยากหันกลับไปดูด้านหลังแต่อีกใจหนึ่งก็ละล้าละลัง ลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาถึงชั้น 5ที่เป็นแผนกของเธอก่อนที่ประตูลิฟต์จะค่อยๆ เปิดออก อันโดรเมดาที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดรีบเดินออกมาจากตัวลิฟต์ทันทีเมื่อคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังขยับตัวเดินออกมา
หญิงสาวตัดสินใจหันกลับมามองที่ลิฟต์ทันทีแต่ก็เห็นเพียงผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านใน3-4คน ขณะที่ประตูลิฟต์ใกล้จะปิดสนิทแล้ว เธอยืนมองลิฟต์ที่ค่อยไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ อันโดรเมดาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นพิมพ์ดาวเพื่อนพนักงานที่กำลังก้าวเท้าออกมาจากตัวลิฟต์ข้างๆ เธอเดินเข้ามาทักพร้อมกับรอยยิ้ม
“อ้าว! เมย์เพิ่งมาถึงเหมือนกันเหรอ”
“ใช่”
“คืนวันเสาร์เมามากอะดิ เคาะห้องเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิดสักที” พิมพ์ดาวยิ้มแซว
“เอ่อ.. คงจะแบบนั้น แหะๆ ขอโทษดาวด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไปนอนที่ห้องเมเปิ้ลแทนอะ”
“มีอะไรจะถามพิมพ์หน่อย ไว้หลังพักเที่ยงเดี๋ยวค่อยคุยกันดีกว่า”
“เรื่องอะไร?” พิมพ์ดาวเอียงหน้ามองเธออย่างสงสัย
“ว่าจะถามเรื่องงานปาร์ตี้นั่นแหละ”
“อืม”
สองสาวรีบเดินเข้าไปที่แผนกของตัวเองทันที
หญิงสาวนั่งมองงานออกแบบในหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง สายตากับมือทำงานแต่สมองเธอก็สลัดเรื่องพวกนั้นออกจากสมองไม่ได้เลย ตลอดช่วงเช้าเธอไล่แวะเวียนเข้าไปพูดคุยกับคนนั้นทีคนนู้นทีทำตัวราวสุนัขดมกลิ่นเพื่อหาตัวบุคคลปริศนา ตอนนี้เธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ในแผนกเธอไม่มีใครใช้น้ำหอมกลิ่นนั้นเลย ไม่งั้นเธอคงจะต้องจิตตกมากแน่ๆ แต่เมื่อเช้าในลิฟต์มีคนใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้สังเกตว่าลิฟต์เคลื่อนไปหยุดตรงชั้นไหนเพราะพิมพ์ดาวเข้ามาทักเสียก่อน
สุดท้ายความคิดพวกนั้นก็หายไปทันทีเพราะงานด่วนที่ต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนเที่ยง
ที่บริษัทมีโรงอาหารขนาดใหญ่ให้พนักงานทานอาหารฟรี ที่บอกว่าสวัสดิการเยี่ยมนี่รวมทุกอย่างจริงๆ ไม่แปลกใจที่บริษัทนี้มีแต่คนอยากเข้ามาทำงานด้วย แต่อย่างว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน ถึงแม้เงินเดือนดี สวัสดิการเยี่ยมแต่งานที่นี่มีการแข่งขันสูง ความกดดันมีมาก ทุกอย่างต้องทุ่มเทจริงจังและงานก็ต้องทำสุดความสามารถเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแต่คนเลือกจะทำงานที่นี่กันแทบทั้งนั้น
ช่วงกลางวันและช่วงเย็นโรงอาหารของบริษัทมักจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมพนักงานจากทุกแผนกที่จะเข้ามาทานอาหารกัน นอกจากเป็นที่ทานอาหารแล้วยังเป็นสถานเหมาะที่สุดในการสอดส่องสายตาหาชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่ตัวเองแอบปิ๊งอยู่ และหลายคนก็ได้แฟนจากที่นี่แทบทั้งนั้น
แต่ไม่ใช่กับฉันแน่ๆ เพราะผู้ชายที่เข้าหาฉันแต่ละคนมักจะเข้ามาตีสนิทเพราะหวังอย่างอื่นเสียมากกว่า เพราะอย่างนี้เลยทำให้ฉันรู้สึกหวาดระแวงทุกครั้งเวลามีหนุ่มๆ เข้ามาตีสนิทตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ยอมรับตรงๆ ว่าฉันไม่ค่อยชอบรูปร่างแบบเนื้อนมไข่ของตัวเองสักเท่าไหร่ ถึงจะพยายามแต่งตัวมิดชิดเท่าไหร่มันก็ยังดูเป็นจุดสนใจอยู่ดี เดินไปไหนมาไหนคงไม่มีใครชอบหรอกที่มีแต่สายตาหื่นๆ จ้องมองแต่หน้าอกกับก้นน่ะ และเพราะหน้าตากับหุ่นแบบนี้ถึงมีแต่คนเข้าใจผิดคิดว่าฉันมันคงผ่านสมรภูมิรักมาอย่างโชกโชน แต่ความจริงแล้วประสบการณ์ด้านนี้ของฉันเป็นศูนย์
หญิงสาวนั่งทานอาหารกลางวันกับเพื่อนที่แผนกตรงโต๊ะมุมหนึ่งของโรงอาหาร พิมพ์ดาวนั่งมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นถาม
“เมย์มีอะไรจะถามเหรอ?”
“คืนวันงานปาร์ตี้ ดาวเห็นใครอยู่กับฉันบ้างไหมอะ จำได้แค่ว่านั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์”
พิมพ์ดาวนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง พยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันงานปาร์ตี้บริษัท
“อืม.. ไม่นะ เห็นเมย์เดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์อะ หลังจากนั้นก็เห็นเดินออกไปข้างนอก ตอนแรกก็คิดว่าไปเข้าห้องน้ำแต่ไม่เห็นกลับมาสักที ฉันกับเมเปิ้ลเลยเดินไปตามหาแต่ไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับโทรศัพท์ พอตามไปที่ห้องก็เห็นว่าอยู่ที่ห้องแล้ว เลยกลับลงไปที่งานปาร์ตี้ต่ออะ โห! นี่เมาขนาดจำอะไรไม่ได้เลยเหรอไง”
“อืม แหะๆ สงสัยจะเมามากจำอะไรไม่ได้เลยอะ” ฉันแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน ตอนนี้ในหัวยิ่งมึนหนักกว่าเดิม เพราะหลังจากที่เดินออกมาจากเคาร์เตอร์บาร์ ฉันก็แทบจำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกมึนศีรษะ ร้อนวูบวาบทั้งตัว ใจสั่น แล้วเหมือนทุกอย่างรอบตัววูบดับลง
“ติดใจบาร์เทนเดอร์เหรอไง? เห็นนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งนานแน่ะ” พิมพ์ดาวแกล้งพูดกระเซ้าเย้าแหย่
“เปล่า”
“แต่หล่อจริงอะ ฉันเห็นยังใจสั่นเลย บอกว่าเป็นดารานายแบบยังเชื่อเลย ใครจะคิดว่าบาร์เทนเดอร์จะหน้าตาดีขนาดนั้นอะ”
“อืม หล่อก็หล่ออยู่ แต่ช่างเถอะ..” เมย์พูดตัดบทอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
‘..มันก็จริงตามที่พิมพ์ดาวบอก บาร์เทนเดอร์หนุ่มคนนั้นหล่อมากจริงๆ ยิ่งดวงตาสีเทาอมเขียวคู่นั้นยิ่งสะกดสายตา จริงสิ.. ถ้าถามเขาดูอาจจะพอรู้เรื่องฉันบ้างหรือเปล่านะ แต่คนออกจะเยอะแยะเขาจะจำฉันได้เหรอไง ลองกลับไปที่โรงแรมอีกทีไหมหรือว่าปล่อยให้เรื่องนี้มันจบแค่นี้ดี อยากรู้ไปก็ไม่มีผลดีอะไรเลย ช่างมันเถอะถือว่าคราวซวยก็แล้วกัน..’ ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบทานอาหารต่อทันทีเมื่อสายตาเหลือบเห็นว่าใกล้หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว