ตอนที่ : 6 คำขอร้องของยายเฉลาลักษณ์ 3

1542 Words
      “อื้อ !” นิภาส่ายหน้าจนเส้นผม กระจายเต็มหมอนหนุน ส่วนธาวิศก็เป่าลมออกปากอยู่เป็นระยะ หยาดเหงื่อเริ่มผุดเต็มขมับ ลมหายใจเริ่มติดขัด เพราะถูกโอบรัดด้วยความอ่อนนุ่มแสนรัดรึงใจ            “น้องภา พี่ อา !” จากที่จะเบามือในตอนแรก ธาวิศเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาบดสะโพกเข้าใส่นิภาแบบไม่ยั้ง เม็ดเหงื่อที่ผุดมันปลาบไปทั้งตัว บ่งบอกว่าทั้งคู่เดินทางร่วมรัก กันมาอย่างหนักหน่วง นิภากลั้นเสียงร้องไม่อยู่อีกต่อไป เพราะเขากระแทกเข้าใส่ จนเธอตัวสั่นตัวคลอนไปหมด            “พี่ภูมิ อื้ม” เธอเริ่มตาลายจากการเคลื่อนตัวแบบถี่ ๆ ของเขา มองผนังรอบข้างเป็นสีขาวโพลนไปหมด            “พี่ใกล้แล้วน้องภา ทนอีกนิด อื้อ !” พูดแทบไม่จบเขาก็แทรกพรวดเข้ามา แล้วปล่อยเสียครางทุ้มต่ำออกมาเป็นระยะ สะโพกที่บดสะบัดเข้าใส่เริ่มคร่อมจังหวะ ลมหายใจขาดห้วงจากการควบคุมไม่อยู่ เพราะบางอย่างในกายเริ่มกระตุก เขากระแทกใส่แบบรัวเร็ว ๆ ก่อนจะกระตุกถี่ ๆ ในจังหวะสุดท้าย            “อ๊ะ โอ !” เขากดตัวตนแช่นิ่ง กระตุกทีสองที จากนั้นก็ค่อย ๆ ถอดถอนออกมาอย่างช้า ๆ ทิ้งตัวซบนิ่งบนเนินอกอวบอิ่ม ซึ่งกำลังสะท้อนลมหายใจขึ้นลงแรง ๆ ไม่ต่างจากเขา สักพักหนึ่งทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ธาวิศจึงพลิกตัวลงไปนอนด้านข้างของหญิงสาว            ในความมืดต่างคนต่างนอนเงียบ ๆ นิภาหันหลังให้เขาพร้อมกอดผ้าห่มเอาไว้แน่น ไม่มีหยาดน้ำตาแห่งความสูญเสีย คิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะความหวังของยายเฉลาลักษณ์ เธอจะไม่ร้องไห้เพราะความเสียใจเด็ดขาด ขณะที่ธาวิศก็นอนลืมตามองเพดานคล้ายคนตาค้าง เขาได้ทำเรื่องนี้ลงไปแล้วจริง ๆ            ‘ยายขอหลาย ๆ ครั้งนะภูมิจะได้มีลุ้นหน่อย’          เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาค่อย ๆ หันไปมองคนที่หันหลังให้ตนเอง ไม่มีคำพูดไหนออกมาจากปากของนิภาในตอนร่วมรัก มีเพียงกายสัมผัสที่รัดแน่น ยามเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว เขาเอื้อมมือไปวางบนหัวไหล่ของอีกคน แรงสะดุ้งเบา ๆ ทำให้เขาสะท้อนใจตาม            “คุณยายได้บอกไหมว่าให้พี่ทำหลาย ๆ รอบ” ความเงียบชนิดที่ว่า ได้ยินแค่เสียงลมหายใจของกันและกันเกิดขึ้น หลังจากชายหนุ่มเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา            “บอกค่ะ” คำตอบเบาหวิวอีกเช่นเคย หัวไหล่มนถูกดันให้หันไปทางเขา ธาวิศทาบตัวลงมาอีกครั้ง ความเจ็บก่อนหน้ายังไม่บรรเทาเขาก็เริ่มบทรักครั้งใหม่อีกแล้ว ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่เขาทำมันถึงสามครั้ง จนเธอต้องร้องขอว่าพอแล้วเธอไม่ไหวแล้ว เขาถึงยอมปล่อยให้เธอนอนหลับไป                        ตื่นเช้ามาไร้ซึ่งคนนอนเคียงข้างตลอดทั้งคืน นิภาหลับลึกเพราะความอ่อนล้า จนไม่รู้สึกตัวตอนธาวิศตื่นและลุกออกจากห้องไป ก้มลงมองดูร่องรอยความยับย่นของผ้าปูที่นอน กับเสื้อผ้าของเธอ ที่หล่นเกลื่อนพื้นห้อง มันจบลงแล้วไม่มีความรู้สึกใดต่อกันอีก ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง หลังจากนี้คงต้องแล้วแต่โชคชะตา            “ภายายเข้าไปได้ไหมลูก” เสียงของยายเฉลาลักษณ์ดังอยู่หน้าประตู นิภาก้มลงมองตัวเองแล้วหลับตาลงแน่น คงไม่เป็นไรหรอก หากคนหน้าประตูจะมาเห็นเธอในสภาพนี้            “เข้ามาได้ค่ะคุณยาย” หญิงสาวขานตอบท่านออกไป หญิงชราเปิดประตูเข้ามา เห็นนิภานั่งอยู่บนเตียงนอน ก็นึกเจ็บแปลบอยู่ในอก นิภาควรจะได้มีครอบครัวของตัวเอง เหมือนหญิงสาวคนอื่น เพราะตนแท้ ๆ ทำให้สาวน้อยน่ารัก ต้องแปดเปื้อนรอยราคีจากผู้ชายที่ไม่ใช่สามี            “ยายขอโทษนะภา” ยายเฉลาลักษณ์เอ่ยแล้วก็นั่งลงบนขอบเตียงด้านข้าง นิภาโถมตัวเข้าหาท่านด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อัดแน่นเต็มหัวใจ            “ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย ภาไม่เป็นไรจริง ๆ” ฝ่ามือของยายเฉลาลักษณ์ลูบศีรษะปลอบเบา ๆ            “อาบน้ำอาบท่า แล้วลงไปกินข้าวนะลูก ยายลุกมาทำข้าวต้มไว้ให้ตั้งแต่เช้าแล้ว ตาภูมิก็กินก่อนกลับบ้านแล้ว เห็นว่าภายังไม่ตื่น เลยไม่อยากรบกวน”          “เรียกภาก็ได้นี่คะ ลุกไปทำข้าวต้มเองแบบนี้เกิดลื่นล้มไปจะทำยังไงคะคุณยาย” นิภาดันตัวเองออกจากอกของท่าน นึกเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ของยายเฉลาลักษณ์ขึ้นมา            “ไม่เป็นไรหรอกภา ยายเต็มใจทำให้” หรืออีกนัยหนึ่งก็คืออยากไถ่โทษ ที่ทำให้นิภาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ในตอนนี้            “ยายออกไปก่อนดีกว่าภาจะได้อาบน้ำนะลูก”            “ค่ะคุณยาย”            ยายเฉลาลักษณ์ออกจากห้องนอนของนิภาไป ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เพราะเรื่องที่คุยกับธาวิศก่อนหน้านั้น ไม่เป็นไปตามที่ท่านต้องการ            ‘ครั้งนี้ครั้งเดียวพอนะครับคุณยาย ผมไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว’          ‘ตาภูมิพรุ่งนี้มาอีกสักวันนะลูก บางคนปล่อยเป็นปียังไม่ติดเลย นี่แค่ครั้งเดียวจะได้ผลเหรอ’            ‘ไม่ครับคุณยาย เมื่อคืนผมก็ทำตั้งหลายครั้งไม่เชื่อถามน้องภาดูก็ได้ ถ้ามันจะติดมันก็ติดเองนั่นแหละครับ แค่นี้ผมก็รู้สึกผิดต่อลิลมากแล้ว ผมลานะครับคุณยาย ตอนเย็นก็จะกลับกรุงเทพฯ เลย’          เพราะธาวิศตัดรอนอย่างไร้เยื่อใย จึงทำให้ยายเฉลาลักษณ์หมดหวัง ที่จะให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันอีก ความยากในการมีเหลนสืบสกุล ก็ยิ่งยากหนักไปกว่าเดิม          สักพักใหญ่ ๆ นิภาก็ลงมากินข้าวต้มมื้อเช้า สภาพดูอิดโรยจนยายเฉลาลักษณ์นึกสงสารขึ้นมา            “ยายไม่รู้ว่าภาจะท้องได้ไหม”            “คะคุณยายว่าอะไรนะคะ” เพราะมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่ทันได้ยิน ว่ายายเฉลาลักษณ์เอ่ยอะไรออกมา            “ยายบอกว่ายายไม่รู้ว่าภาจะท้องได้ไหม แค่คืนเดียวมันแทบไม่มีหวังเลยลูก”            “คืนเดียว ?” นิภาไม่เข้าใจกับคำพูดนี้ของยายเฉลาลักษณ์            “ก็ตาภูมิน่ะสิ บอกว่าจะกลับกรุงเทพฯ เลย ยายรั้งยังไงก็ไม่ยอมอยู่ มันเลยยากที่จะท้องได้ในคืนเดียว”            นิภาก้มหน้าตักข้าวต้มเข้าปาก เขาคงไม่ชอบเธอจริง ๆ ถึงได้รีบหนีกลับกรุงเทพฯ ไปอย่างนี้            “ตาภูมิท่าจะรักแฟนมาก ถึงได้รู้สึกผิดขนาดไม่อยากมาหาภาที่นี่อีก พูดไปแล้วยายก็รู้สึกผิดจริง ๆ หากว่าภาไม่ได้ท้องมันก็เหมือนยายทำร้ายภา โดยที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยจากเรื่องนี้” ยายเฉลาลักษณ์พูดออกมาแบบนี้ ยิ่งทำให้นิภารู้ซึ้ง ถึงสถานะของตนเอง ระหว่างเธอกับเขาคงเป็นได้แค่เส้นขนานระหว่างกันจริง ๆ            “อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะคุณยาย หากจะท้องคืนเดียวก็ท้องได้ค่ะ เว้นแต่ว่าเขาจะไม่มีวาสนามาเกิดเป็นลูกภาจริง ๆ”            “ก็คงจริงอย่างที่ภาว่านั่นแหละนะลูก ยายคงไม่กล้าฝืนใจภาให้ทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ตามแต่บุญแต่กรรมเถอะ” หญิงชราแลดูจะปลงตก หลังเรื่องนี้ได้ผ่านพ้นไป เห็นสีหน้าและแววตาแห่งความเจ็บปวดของนิภาแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยายเฉลาลักษณ์ อยากให้เกิดขึ้นมาเลย            “โอ๊ะ !”            “คุณยาย !” นิภารีบลุกไปประคอง คนที่ทำท่าเซระหว่างลุกขึ้นยืน            “นั่งลงก่อนค่ะ อย่าเพิ่งรีบลุกสิคะ รอก่อนนะคะภาไปชงยาหอมให้ก่อน” หญิงสาวกระวีกระวาด ไปชงยาหอมมาให้ยายเฉลาลักษณ์ได้ดื่ม            “ดีขึ้นไหมคะ”            “ดีขึ้นแล้วล่ะภา หมู่นี้ยายเป็นอะไรก็ไม่รู้มันวูบ ๆ วาบ ๆ อยู่ตลอดเวลา”            “ภาก็จัดยาให้ครบแล้วนะคะ งั้นเดี๋ยวเราไปหาหมอก่อนนัดดีไหมคะคุณยาย” นิภาเป็นห่วงในอาการของยายเฉลาลักษณ์ขึ้นมา            “ไม่ต้องหรอกยายภา โรคคนแก่ เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหายนั่งพักสักแป๊บก็ดีขึ้นแล้วล่ะ” คนขี้เกียจไปโรงพยาบาลก็หาทางเลี่ยงไป            “แน่นะคะ”            “แน่สิ ภาก็กินข้าวให้อิ่มก่อนเถอะลูก ไม่ต้องห่วงยายหรอก”            “ก็ได้ค่ะ แต่คุณยายนั่งตรงนี้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งลุกไปไหนเดี๋ยวหน้ามืดอีก”            “เรื่องมากจริงเลยเรา”            ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ยายเฉลาลักษณ์กลับเป็นกังวล ในสุขภาพของตนเองเหมือนกัน ท่านได้เตรียมการเรียกทนายความประจำตระกูลเข้าพบ แต่ว่าทนายกลับไปเที่ยวกับครอบครัวที่ต่างประเทศ ต้องรออีกห้าวันถึงจะมาพบท่านได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD