ยิม
หลังจากยัยเด็กนั่นเดินออกไปจากห้อง ผมก็ทิ้งตัวลงนอนที่ผมทันที แต่นอนเท่าไหร่มันก็นอนไม่หลับ ใจหนึ่งมันก็อดเป็นห่วงยัยนั่นไม่ได้ เห็นว่าไม่สบาย แล้วไปนอนแบบนั้นจะไม่หนาวตายหรือไงวะ
“บ้าเอ้ย!” ผมสบทออกมาเสียงเบาเมื่อนอนยังไงก็นอนไม่หลับ นอนพลิกไปพลิกมา จนสุดท้ายต้องลุกไปเปิดตู้เอาผ้าออกไปให้ยัยนั่น
ผมเดินออกจากห้องนอนมาที่โซฟาหน้าทีวีก็เห็นมัตซีนอนหลับไปแล้ว แต่ด้วยชุดที่เธอใส่นอนอยู่ตอนนี้ มันทำให้เอ่อ...
ผมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆก่อนจะวางผ้าห่มไปบนตัวมัตซีแล้วเดินกลับเข้าห้องคืน
“ยัยเด็กบ้า เธอทำฉันเสียเวลา” ผมคาดโทษกับยัยเด็กนั่นไว้ทันที ข้อหาที่ทำให้ผมนอนดึก แล้วยังมารู้สึกไม่สบายตัวตอนนี้อีก
มัตซี
“อื้อ” ฉันบิดขี้เกียจก่อนจะลืมตาขึ้นมา แต่เดี๋ยวนะ...
ฉันมองที่ร่างกายตอนนี้มีผ้าห่มห่มอยู่ ซึ่งเมื่อคืนฉันไม่ได้เอาออกมาด้วย แล้วห้องนี้ก็อยู่แค่ฉันกับพี่ยิมเท่านั้น จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่พี่ยิม ฉันยิ้มออกมาทันทีที่เค้ายังแสดงออกว่าเป็นห่วงฉันอยู่
แกรก เสียงประตูที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินผ่านโซฟาที่ฉันนอนอยู่ และเป็นไปไม่ได้ที่พี่ยิมจะไม่หันมามอง แต่พอเค้าเห็นฉันมองเค้าอยู่เค้าก็ทำนิ่งๆแล้วเดินเข้าครัวไปด้วยชุดนักศึกษาเรียบร้อย
“ซีขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ” ฉันลุกนั่งแล้วพูดกับพี่ยิมออกไป ถึงแม้ว่าเค้าจะยังอยู่ในครัวแต่เสียงของฉันมันก็เข้าไปได้อยู่แล้ว
“รถเธอก็มี” พี่ยิมตอบกลับมา
“ซีปวดหัว ไม่อยากขับ” ฉันสำออยตอบกลับไป เพราะอาการไม่สบายเมื่อคืนมันยังไม่หายดีไง
“เพื่อนเธอก็มี” นี่จะไม่ให้ฉันไปด้วยกันจริงๆใช่ไหม
“ไม่เป็นไรค่ะ ซีขับไปเองก็ได้” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แบบ อื้ม ไม่เป็นไรหรอก แค่ปวดหัวเอง เดี๋ยวขับไปเองก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“อืม” อืม! ไม่เห็นใจฉันจริงๆหรอ นี่เค้าจะไม่รู้สึกอะไรกับฉันจริงๆหรอ
ฉันลุกเดินเข้าห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดี เออฉันยอมรับแล้วว่าพี่ยิมแม่งใจแข็งจริงๆ ขนาดฉันเล่นบทคนป่วยขนาดนี้เค้ายังไม่สนใจฉันเลย แล้วชุดนอนที่ฉันใส่ถึงแม้ว่าเค้าจะมีมองบ้าง แต่เค้าก็ยังควบคุมตัวเองไม่ทำอะไรฉันได้อีก
มหาลัย...
“พวกมึง กูถามจริงนะ กูสวยไหม สาระนะ” ฉันถามยัยสองคนนี้ออกไป แล้วพวกมันก็หันมองหน้ากันประมาณว่า มันเป็นอะไรของมัน ตอนนี้หมดคาบเรียนแล้วพวกฉันก็เลยนั่งเม้าส์กันก่อนกลับ เพราะยังบ่ายอยู่ยังไม่อยากกลับห้อง
“สวย” ยัยเฟอตอบ
“สวยมากเลยก็ว่าได้” ยัยน้ำริน ที่ได้คำตอบแบบนี้ก็คงเพราะพวกมันเห็นฉันทำหน้าจริงจังอยู่ไง ไม่งั้นเพื่อนฉันมันคงด่าฉันแล้วแหละ
“แล้วกูเซ็กซี่ไหม” ฉันถามกลับไปอีก
“ถ้าอย่างมึงไม่เรียกเซ็กซี่ จะให้มาเรียกแบบกูว่าเซ็กซี่ไหมล่ะ” ยัยน้ำรินตอบกลับมาอีก ที่มันตอบแบบนี้ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ยัยนี่อ่ะมันนมเล็กมันก็เลยชอบมองว่าตัวเองไม่เซ็กซี่(ทั้งที่จริงๆความเซ็กซี่ของมันไม่ต่างกับพวกฉันสองคนหรอก)
“เออ แล้วมึงจะถามทำไมเนี่ย” ยัยเฟอ
“ก็เมื่อคืนอ่ะ กูใส่ชุดนอนที่เราไปซื้อกันมาเมื่อวานไง แต่คือพี่ยิมเค้าแค่มอง แต่กลับไม่ทำอะไรกูเลยว่ะ”
“กูเคยบอกแล้ว ถึงพี่ยิมจะกินไปทั่ว แต่สิ่งที่เค้ากินคือเค้าเลือกมาก่อนมึงก็ไม่เชื่อกู” ยัยน้ำรินพูด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหายสงสัยอยู่ดี ยังไงก็ผู้ชายปะ ยิ่งเป็นผู้ชายที่กินผู้หญิงเป็นว่าเล่นอยู่แล้วอ่ะ ต่อให้ไม่ได้เลือกแต่มีของสวยๆงามๆอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ยังไงก็ต้องหวั่นไหวบ้างแหละ
“มึง พี่ยิมชอบผู้หญิงจริงๆหรอวะ” แล้วฉันก็ถามสิ่งที่สงสัยที่สุดออกไป อย่างน้อยยัยน้ำรินมันก็รอบรู้ทุกเรื่อง
“พี่ยิมควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าขนาดนี้มึงยังจะถามอีกหรอ” ยัยเฟอตอบฉันกลับมา
“ก็แบบอาจจะแค่บังหน้าไง ให้คนอื่นคิดว่าเค้าชอบผู้หญิง แบบต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไรแบบนี้อ่ะ” ฉันตอบไปตามความคิด
“แต่พี่ยิมเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมึงอย่าลืม” ยัยน้ำรินพูดต่อ
“ก็ใช่ไง พวกมึงเคยบอกกูเองว่าคนแบบพี่ยิมจะจริงจังกับความรักมาก แล้วอาจจะพอผิดหวังกับรักแรกก็เลยไม่กล้ารักผู้หญิงอีก ควงผู้หญิงบังหน้าแต่หันไปกินผู้ชายด้วยกันเองอะไรแบบนี้อ่ะ” พอฉันพูดจบ เพื่อนสองคนของฉันมันก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างงั้นแหละ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากถามว่าพวกมันเป็นอะไรก็มีเสียงแทรกขึ้นมาก่อน
“ไอ้ยิมชอบผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นครับ น้องมัตซีไม่ต้องกังวล” ฉันหันไปยังต้นเสียงนั้น ก่อนจะพบเข้ากับรอยยิ้มของสองหนุ่มรูปหล่อ กับใบหน้านิ่งๆที่กำลังมองฉันด้วยสายตาที่เดาไม่ถูก
และตอนนี้ฉันก็เข้าใจแล้วว่ายัยสองคนเมื่อกี้ทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง ฉันเลยส่งยิ้มหวานไปให้พี่มีคุณคนที่ตอบฉันเมื่อกี้ ก่อนจะตอบเค้ากลับไป
“ถ้าเป็นพี่มีคุณช่วยยืนยัน ซีเชื่อก็ได้ค่ะ” ฉันตอบพี่มีคุณเสียงหวาน
“อ่อย” แล้วเสียงนิ่งๆก็ดังแทรกอีกครั้ง ไม่ต้องเดาว่าเสียงใคร ก็เสียงของพี่ยิมนั่นแหละค่ะ
พอฉันได้ยินแบบนั้นฉันก็เลยลุกขึ้นจากที่นั่งเดินไปหยุดตรงหน้าพี่ยิม พร้อมกับลูบมือไปตามแผงอกแน่นๆของพี่ยิม ก่อนจะเขย่งขาเพื่อเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนปากแทบจะชนปากพี่ยิม ฉันเลยเลื่อนหน้าไปด้านข้างที่หูของพี่ยิม พร้อมกับพูดเสียงเบาๆที่ข้างหู
“ถ้าอ่อย ต้องแบบนี้ค่ะ” พอพูดจบฉันก็ขยับมายืนตรงพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้พี่ยิมอีกครั้ง
“ว้าวๆๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าน้องมัตซีเป็นคู่หมั้นเพื่อนพี่นี่พี่คงจีบไปแล้วนะครับ” พี่มีมิวเรย์พูดอย่างไม่จริงจัง
“แหม ถ้าพี่มิวเรย์ไม่ใช่เพื่อนพี่ยิม ซีก็อยากให้จีบอยู่เหมือนกันค่ะ” ฉันหันไปตอบพี่มิวเรย์
“จะไปได้หรือยัง” แล้วเสียงแข็งๆก็แทรกขึ้นมากลางวงก่อนจะมองหน้าฉันนิ่งๆแล้วเดินออกไป
“งั้นพวกพี่ไปก่อนนะครับ” แล้วพี่มิวเรย์ก็โบกมือให้พวกฉันก่อนจะเดินตามพี่ยิมไปพร้อมกับพี่มีคุณ
แต่ประเด็นคือฉันมองตามเค้าไปจนสุด พวกเค้าไม่ได้เดินกันไปสามคนเหมือนเดิมไง พอเดินออกไปจากโต๊ะพวกฉันได้ไม่ไกล ก็มีผู้หญิงสามคนเดินเข้ามาหาพวกพี่เค้าทันที นั่นหมายความว่า พี่ยิมจะควงผู้หญิงใหม่อีกแล้ว
“ทีนี้มึงมั่นใจได้หรือยัง ว่าพี่ยิมชอบผู้หญิงจริงๆ” ยัยเฟอที่เห็นเหตุการณ์อยู่ด้วยพูดขึ้นมาเหมือนกับหนักใจแทนฉัน
“เออ กูคงไม่มีอะไรสงสัยแล้วแหละ” ฉันตอบพวกมันไป แต่มันก็หน้าเจ็บใจจริงๆนะ ผู้หญิงที่พี่ยิมควงแต่ล่ะคนสวยสู้ฉันไม่ได้เลย ยิ่งเรื่องความสดด้วยแล้วล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง พวกนั้นผ่านสังเวียนมานับไม่ถ้วน แต่พี่ยิมกลับเลือกพวกนางมาควงเล่น แต่กลับไม่อยากลองฉันบ้างเนี่ยหรอ มันรับไม่ได้จริงๆนะ
“งั้นกลับกันเลยไหม” ยัยน้ำรินพูดขึ้น
“เออ อยู่ไปก็ไม่มีอะไรทำแล้ว” ฉันตอบ พวกเราพากันเก็บของเตรียมแยกย้าย แต่...
“ซี” เสียงเข้มที่เอ่ยดังขึ้นด้านหลังฉัน ทำให้ฉันหันไปมอง
“อ้าวไนท์ มีอะไรหรอ” ไนท์เป็นเพื่อนร่วมเซคชั่นฉันเองแหละ
“ซีว่างไหม เราอยากชวนไปดูหนังน่ะ” ไนท์พูด ซึ่งฉันก็ไม่ได้แปลกใจอะไรหรอก เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าไนท์คิดกับฉันมากกว่าเพื่อน
“อืมว่างสิ” ฉันตอบกลับไป เพราะฉันไม่ยังไม่อยากกลับห้องอยู่แล้ว แล้วปกติก่อนที่ฉันจะหมั้นกับพี่ยิมฉันก็ทำแบบนี้ประจำ(เด็กในสังกัดชอบไปเที่ยวดูหนัง ฟังเพลง เป็นปกติ)
“งั้นไปกันเลยไหม” ไนท์พูดด้วยความดีใจ ไม่ดีใจก็แปลก เพราะหลายๆคนมักจะชวนฉันแบบนี้บ่อยมาก แต่กว่าฉันจะว่างไปกับพวกเค้าได้ก็ต้องรอนานหน่อยนะ เพราะคิวพี่ยาว
อ่ะๆแต่ได้ยินแบบนี้อย่าพึ่งด่าฉันนะคะ ฉันแค่เฟรนลี่ แต่ฉันไม่ได้มั่วนะ ความบริสุทธิ์ฉันก็เก็บไว้ให้พ่อของลูกเท่านั้นค่ะ พวกผู้ชายพวกนี้ก็ได้พาฉันไปแค่ในที่คนเยอะๆเท่านั้นแหละ ไอ้พวกที่ชวนฉันไปคอนโด พวกแสดงออกชัดเจนว่าหวังฟัน ฉันโล๊ะทิ้งทันทีค่ะ
“อืมไปสิ แต่ไปคนล่ะคันนะ เราเอารถมาขี้เกียจกลับมาเอาอีกรอบอ่ะ” ฉันบอกไนท์ไป นี่ก็เป็นอีกทางเลือกที่เราสามารถเอาตัวรอดจากพวกผู้ชายได้ แค่ไปเที่ยว แต่ไปคนล่ะคันปลอดภัยกว่านะคะ
“ได้สิ งั้นเดี๋ยวซีขับนำเรานะ เราขับตามเอง” ไนท์บอก ซึ่งฉันก็ไม่ได้มีปัญหา ถึงกับไนท์ที่ดูจะไว้ใจได้ แต่เราก็ไม่ควรไว้ใจใครร้อยเปอร์เซ็นนะคะสาวๆ โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่ใช่พ่อ
หลังจากตกลงกันเสร็จ ฉันกับไนท์ก็ขับรถมาห้องสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ไม่ห่างจากมหาลัยมาก ก่อนจะเดินเข้าห้างมาพร้อมกัน ก็มาด้วยกันนี่เนอะ
พวกเราตรงขึ้นมาที่ชั้นบนสุดกันเลย เพื่อจะมาดูรอบหนังก่อน เพราะเดี๋ยวมันจะเต็มก่อน แต่ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือโลกมันแคบที่ต้องมาเจอกันที่นี่อีก