EP.1 เอญ่า
เอญ่า (aya) ลูกเสี้ยว ไทย-อังกฤษ-จีน
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอญ่า อายุ20ปี ส่วนสูง 167 ซม.
ใบหน้าสวยได้รูป ตาโต ผมยาวสสวย ผิวที่ขาวจัด
หุ่นนาฬิกาทราย เอวคอด สะโพกผาย หน้าอกอวบอิ่มเกินตัว
นิสัย นิ่งๆ เหมือนจะหยิ่ง ไม่ค่อยสนใจใคร แต่จะคุยเก่งเวลาอยู่กับคนที่สนิท
ฉันเกิดที่ไทยแต่ไปเติบโตที่ที่ประเทศอังกฤษ ฉันย้ายไปอยู่อังกฤษกับมามี้ตั้งแต่ฉันอายุได้ 12ขวบ สาเหตุที่ฉันและมามี้ต้องย้ายไปอยู่ที่อังกฤษก็เพราะป๊ากับมามี๊ของฉันนั้นเลิกรากัน ฉันเลือกที่จะไปอยู่กับมามี้ (เลิกที่หมายถึงเลิกปลอมเพราะทั้งคู่ทั้งแอบมาเจอกันและยังใช้เวลาร่วมกันเหมือนคู่สามีภรรยาปกติ เหมือนที่จดทะเบียนหย่าก็เพราะอากงที่ไม่ค่อยจะชอบมามี้ของฉันที่ทำอาชีพเป็นนางแบบสักเท่าไร ป๊ากับมามี้ก็เลยต้องทำแบบนี้เพื่อตัดปัญหา)
ฉันมีพี่สาวฝาแฝด 1คน ชื่อเอวา (Ava) พี่สาวของฉันเลือกที่จะอยู่กับป๊าที่เมืองไทย ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เราสนิทกันมาก เราทั้งคู่จะคุยและปรึกษากันทุกเรื่อง เอวาและป๊ามาหาฉันและมามี้อยู่ประจำ บางทีฉันกับมามี้ก็บินไปหาเอวาและป๊าที่เมืองไทยอยู่ที่ว่าช่วงไหนใครว่าง จริงๆก็ถือได้ว่าพวกเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากเพราะเราอยู่ด้วยความเข้าใจ
ฉันกับเอวาเราเป็นฝาแฝดที่แทบจะไม่มีที่อะไรเหมือนกันเลย ทั้งหน้าตาและนิสัย เอวาบุคลิกร่าเริง พูดเก่ง หน้าตาจะออกไปทางหมวยๆน่าจะเหมือนป๊าเพราะป๊าเป็นลูกครึ่งไทย-จีน
ส่วนฉันเป็นประเภทพูดน้อย นิ่งๆจะออกไปทางหยิ่งๆกับคนที่ไม่สนิท แต่ถ้าสนิทแล้วจะคุยเก่งและสนุกสนาน หน้าตาจะออกแนวลูกครึ่งมากกว่า ฉันจะเหมือนกับมามี้ที่เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ
วันนี้ฉันบินกลับมาที่ไทยเพื่อที่จะมาศึกษาต่อที่นี่ ฉันย้ายจากมหาลัยที่อังกฤษกลับมาต่อมหาวิทยาลัยที่ไทย คณะบริหารธุรกิจ ปี2
สาเหตุที่ต้องย้ายกลับมาที่ไทยก็เพราะอากงสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงท่านอยากให้ฉันกลับมาอยู่ที่ไทย ท่านคงอยากใกล้ชิดกับฉันให้มากกว่านี้นี่ก็ผ่านมา8ปีแล้วที่ฉันไม่ได้เจออากงกับอาม่าเลย อีกอย่างท่านก็คงอยากปรับความเข้าใจและรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำกับมามี้ ทั้งสองครอบครัวก็ได้ปรึกษากันและตกลงให้ฉันมาอยู่ที่ไทย คนที่ดีใจที่สุดก็น่าจะเอวาที่เร่งวันเร่งคืนให้ฉันบินมาไวไว
ฉันลงจากเครื่องเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากทางเดินผู้โดยสารขาออก ผู้คนที่เดินผ่านต่างหันมามองที่ฉันเป็นระยะอาจจะด้วยหุ่นและหน้าตาที่โดดเด่นนี้สามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างดี
อากาศเมืองไทยร้อนมากๆ ดีที่วันนี้ฉันเลือกใส่เสื้อครอปเอวลอยสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้น มีแจ็คเก็ตยีนส์แขนยาวแต่ไม่ใส่หรอกนะเพราะร้อนมาก ฉันเดินออกมาไม่นานก็เจอเอวายืนโบกไม้โบกมือแล้วก็วิ่งมากอดฉันทันที
“คิดถึงจังเลยญ่า” เธอกอดฉันไว้แน่นด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างดีใจ
“อืม คิดถึงเหมือนกัน รีบไปกันเถอะร้อนมากๆ”
“ไปสิ ญ่าเอากระเป๋ามาแค่นี้เองเหรอ”
“แค่นี้แหละ เดี๋ยวค่อยซื้อเอาใหม่”
“วันนี้เราเข้าไปที่บ้านตอนค่ำนะ วาจะพาญ่าไปที่สนามแข่งรถ วันนี้เขาจัดงานใหญ่มากเลยนะญ่า”
“โห่ ที่เร่งให้มาก่อนตั้งสองวันเพื่อที่จะพาไปดูแข่งรถเนี้ยนะ”
“ ญ่าก็รู้ว่าวาชอบแข่งรถมาก ญ่าไปดูด้วยกันนะวาอยากให้ญ่าไปด้วยจริงๆ”
“ก็มาซะขนาดนี้แล้วจะปฏิเสธยังไงหละ”
“ไปขึ้นรถก่อนเถอะ”
ยัยวาพาฉันเดินมาที่รถฉันมองแล้วไม่ใช้รถของยัยวาหรือรถของที่บ้าน ฉันมองไปที่รถแล้วก็เริ่มบ่นให้ยัยวา
“คิดไงเอารถคันนี้มารับฉัน กระเป๋าฉันจะใส่เข้าไปยังไง”
“ก็มาแบบรีบไง ถ้าเอารถวามาก็มารับญ่าไม่ทันแน่”
“อย่าบอกนะว่าวาดูแข่งรถจนลืมญ่า”
“อย่าพึ่งบ่น เรารีบขึ้นรถกันเถอะ”
“ แต่กระเป๋าญ่าน่าจะใส่รถไม่ได้นะ”
ระหว่างที่ฉันกำลังคุยยัยวาอยู่ ประตูรถด้านคนขับก็เปิดออกมาพร้อมผู้ชายที่ก้าวเท้าลงมา เขาจัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ตัวสูง ผิวขาว หน้าตาดุดัน ดูแบดบอย เขามองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่งไม่มีการทักทายใดๆ ออกไปทางหยิ่งเสียด้วยซ้ำ
“จะยืนอยู่กันอีกนานไหม?” คำพูดแรกที่พูดออกมาบ่งบอกได้เลยขึ้หงุดหงิดดูท่าจะไม่ค่อยเป็นมิตร
“ใจเย็นสิเตอร์” วาหันไปพูดกับผู้ชายที่ชื่อเตอร์
“เอาแบบนี้เตอร์พาญ่าไปรอเราที่สนามแข่งก่อน เดี๋ยวเราจะนั่งแท็กซี่ตามไป”
“ได้ไงวา ทำไมเราไม่ไปด้วยกัน”
“กระเป๋าญ่าใบใหญ่มากอ่ะ ตกลงตามนี้ญ่า” ฉันยังไม่ทันตอบอะไรยัยวาก็ลากประเป๋าฉันไปที่รถแท็กซี่ทันที
“จะขึ้นรถได้ยังหรือจะยืนอยู่ตรงนี้ต่อ” พูดจบเขาก็เดินขึ้นรถไป ฉันจะทำอะไรได้หละก็ต้องเดินตามเขาขึ้นรถไป
ขึ้นรถมาก็ยังไม่มีการพูดคุยระหว่างเราสองคน ปกติฉันก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอนายคนนี้ยิ่งไม่อยากจะพูดขึ้นไปอีก ฉันทอดสายตามองออกไปด้านนอกรถ การจราจรที่ติดและอากาศที่ร้อน
“นาย.. เปิดแอร์เพิ่มให้หน่อยได้ไหม”
“อืม..” คำตอบสั้นๆแล้วเขาก็ปรับเพิ่มความเย็นใจ
“นาย เราหิวน้ำอ่ะ จอดซื้อน้ำก่อนได้ไหม” เขาหันมามองหน้าฉันสายตาที่ส่งมาเหมือนเขาเริ่มจะรำคาญฉันแน่ๆ
“เราชื่อฮันเตอร์ เรียกเราเตอร์ก็ได้” อย่างน้อยเขาก็รู้จักแนะนำตัวเอง
“อืม เราเอญ่า เรียกเราญ่าก็ได้” ฉันเอ่ยบอกชื่อกลับเหมือนกัน
นั่งรถไปไม่นานเขาก็จอดรถที่7-ELEVEN ให้ฉันเดินลงไปซื้อ จะทำไงดีละฉันไม่มีเงินไทยติดตัวเลย
“เตอร์เราไม่มีเงินอะ” พาลงไปซื้อหน่อยได้ไหม ส่งสายตาอ้อนวอนไปที่เขา
“ลงมาสิ จะได้รีบไป” ใจดีเหมือนกันนะเนี้ยถึงหน้าจะดุไปหน่อย
เราสองคนเดินเข้าไปที่เซเว่น สายตาของผู้หญิงในเซเว่นต่างมองมาที่เขาแล้วปลายตามองมาที่ฉันอีกที ฉันเข้าใจแหละก็เขาหล่ออะนะ ขนาดฉันมองเขาครั้งแรกยังใจสั่นเลย เขาเดินไปหยิบตะกร้าแล้วเดินตามฉันที่กำลังเลือกของ
“ซื้อขนมด้วยได้ไหม?”
“อยากได้อะไรเธอก็หยิบได้เลย”
“เคร”
ฉันซื้อน้ำและขนมอีกหลายอย่าง เขาก็ถือตะกร้าไปจ่ายเงินพนักงานมองหน้าเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้ยิ้มตอบยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาก็คงจะชินกับสายตาแบบนี้
ขึ้นรถมาฉันก็แกะน้ำดื่มทันที ดื่มน้ำเสร็จก็แกะขนมกินต่อไม่ได้ถามเขาหรอก ตอนแกะขนมกินก็แอบมองไปที่เขาอยู่เหมือนกันแต่เห็นว่าเขาไม่ได้ว่าอะไรก็เลยกินต่อ
นั่งรถมาเรื่อยๆ บรรยากาศก็อึดอัดเหมือนกัน ฉันไม่คุยเขาก็ไม่คุยนั่งมาด้วยกันด้วยความเงียบสงบ ไม่นานรถหรูก็แล่นเข้ามาที่สนามแข่งรถ เป็นสนามแข่งที่มองไปมันใหญ่มากๆ
รถแล่นเข้ามาจอดที่จุดจอดรถมองดูแล้วน่าจะมีไว้สำหรับรถของเขาโดยเฉพาะ พอก้าวเท้าลงจากรถสิ่งแรกที่รับรู้ได้คือสายทุกคู่จ้องมองมาที่เราทั้งคู่ทันที เสียงเครื่องยนต์ที่ดังสนั่นชวนให้ปวดแก้วหู อีกทั้งเสียงกองเชียร์และพิธีการที่บรรยายการแข่งขันในสนามอีก
มองไปรอบๆ ถัดจากจุดจอดรถเดินไปไม่กี่ก้าวก็เหมือนจะเป็นคลับ เขาพาฉันเดินเข้าไปภายในคลับ ด้านในมีห้องรับรองพร้อมร้านอาหาร บาร์และอื่นๆ จัดและตกแต่งอย่างสวยงาม มองลงไปเหมือนจะมีชั้นใต้ดินน่าจะเป็นผับสำหรับนักท่องราตรี เดินขึ้นมาชั้นสองจะเป็นห้องพักสำหรับลูกค้าVIP และห้องพักสำหรับนักแข่ง
เขาพาฉันเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม ชั้นนี้มีห้องพักไม่เยอะเหมือนชั้นสอง ชั้นนี้น่าจะมีห้องไม่เกินห้าห้อง ฉันเดินตามเขาเข้ามาภายในห้องไม่มีใครอยู่เลยสักคน ห้องนี้เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่มากภายในห้องมีโซนทำงานทำและยังมีมุมสำหรับรับแขกและน่าจะมีห้องนอนส่วนตัวอีกด้วย การตกแต่งเป็นกระจกเกือบทั้งห้องมองออกไปภายนอกสามารถมองเห็นวิวทั่วทั้งสนามแข่ง
“ลิฟต์ก็มีทำไมพาเดินอ่ะ เมื่อยนะเนี้ย” ฉันบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา ฉันเหนื่อยกับการเดินทางและเขายังจะพาฉันเดินขึ้นมาชั้นสามนี้อีก