ตอนที่ 2

1638 Words
2 “มะลิ มะลิ มีอะไรหรือเปล่า พี่เรียกหลายครั้งแล้วนะ” กานต์เขตร้องเรียกมะลิวัลย์ที่ยืนเหม่อลอย มือเล็กสั่นจนถาดไม้ที่มีแก้วค็อกเทลวางอยู่เกือบจะหล่นลงบนพื้นห้อง ดีว่าเขารับมันไว้ได้ทัน ชายหนุ่มได้แต่มองตามสายตาของน้องสาวไปก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปรกติ “ปะ...เปล่าจ้ะพี่กานต์” “เหนื่อยมากหรือไงเรา ไปล้างหน้าลางตาก่อนไหมแล้วค่อยมาทำต่อ” กานต์เขตบอกอย่างหวังดี มือใหญ่ดึงถาดออกจากมือเล็ก แต่กลับถูกหญิงสาวส่ายศีรษะปฏิเสธจนเส้นผมหลุดออกจากยางที่มัดไว้ “ไม่เป็นไรจ้ะพี่กานต์ หนูยังทำไหว” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดจนเต็ม ยิ้มแหยๆ ให้ลูกพี่ลูกน้องหนุ่มก่อนจะเดินอย่างช้าๆ ไปรับออเดอร์และเสิร์ฟเครื่องดื่มตามปกติ แต่ภายในหัวใจกลับเหมือนว่ามีใครมาตีกลองอยู่ภายใน ขาสั่นเท่าทุกครั้งที่ต้องเดินผ่านโต๊ะชายหนุ่มผู้นั้น หลายครั้งหลายคราที่หญิงสาวมารับเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเธอมักจะอดใจไม่ได้ต้องหันไปมองยังโต๊ะตัวใหญ่ตัวเดิมที่อยู่ริมห้องทางเดินเข้าไปในห้องผู้จัดการ แล้วเธอก็จะเห็นสายตาวามวาวของเขา ชายหนุ่มที่จ้องมองราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งเนื้อทั้งตัวทุกครั้งไป แม้มะลิวัลย์จะพยายามเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ชินกับสายตาวามวาวของชายหนุ่มที่จ้องมองราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งเนื้อทั้งตัวอยู่ตอนนี้ได้เลย แล้วสายตาของชายหนุ่มก็ยังจ้องมองติดตามเธอไม่ว่าเธอจะยืนอยู่ ณ จุดใดของร้าน สายตาที่กำลังปลุกเร้าอารมณ์บางอย่างในกายเธอให้ลุกโชน และจะมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถดับได้  ใบหน้าสาวน้อยมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามขมับ กลิ่นกายหอมยั่วยวนใจเวลาเดินผ่านทำให้มาคัสเริ่มทนไม่ไหว ชายหนุ่มยกมือขึ้นเหนือศีรษะเล็กน้อยแล้วผู้จัดการวัยกลางคนก็รีบรุดเดินเข้ามาหาพร้อมกับค้อมตัวลงถามอย่างนอบน้อม “อรุณ เรียกเด็กคนนั้นให้หน่อยซิ ฉันอยากคุยด้วย” มาคัสบอกผู้จัดการผับเสียงรื่นรมย์ มือเอื้อมไปหยิบไวน์รสเลิศและราคาแพงที่สุดในร้านขึ้นมาจิบพร้อมกับเอนตัวพิงพนักโฟซาเนื้อนุ่ม ขาใหญ่แข็งแรงข้างหนึ่งยกขึ้นทับอีกข้าง สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กบางราวกับว่ามันเป็นเหยื่ออันโอชะ “เอ่อ...นายครับ” “มีอะไรอรุณ” มาคัสตวัดสายตาคมดุที่แม้จะอยู่ในความมืดแต่ก็ทำให้คนที่ถูกมองถึงกับตัวสั่น อรุณกลืนน้ำลาย หลบสายตานายหนุ่มก้มมองพื้น “มะลิมะ...ใช่ผู้หญิงอย่างที่นายเข้าใจน่ะครับ” “แล้วเป็นผู้หญิงยังไงล่ะถึงได้มาทำงานในไนต์คลับของฉันล่ะ นายก็รู้ไม่ใช่หรือว่าผู้หญิงที่เข้ามาทำงานที่นี้ ต้องทำได้ทุกอย่าง” มาคัสถามเสียงเข้ม เขาไม่ได้ดูถูกผู้หญิงแต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคนที่เข้ามาทำงานที่นี่ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายถ้ามีความพอใจหลังจากเลิกงานก็ต้องออกไปกับแขกได้หมด และถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าของที่นี่ก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามปราม ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือ ห้ามทุกคนยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดทุกประเภทเท่านั้น หากใครไม่เชื่อและเขารู้เข้า ก็มีทางเดียวที่จะเดินได้ก็คือออกไปจากที่นี่เท่านั้นเอง “มะลิเป็นเด็กดีครับนาย เอ่อ...นาย...” “นายจัดการเรียกเด็กนั่นมาหาฉันดีกว่าอรุณ ที่เหลือก็ให้ฉันเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่าไหม” มาคัสบอกเสียงเรียบแต่อรุณก็เริ่มรับรู้ถึงความไม่พอใจที่เแผ่ซ่านออกมาคลอบคลุมตัวเขาได้แล้ว สายตาผู้จัดการวัยกลางคนมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้าไปในห้องสำหรับแขกวีไอพีที่คนด้านนอกจะเห็นคนที่อยู่ด้านในไม่ได้ แต่คนด้านในจะมองเห็นคนที่อยู่ภายนอกทุกอย่าง อรุณหายใจเข้าออกอย่างหนักอกหนักใจ เขารู้ว่าผู้เป็นนายไม่ชอบให้ใครขัดใจ และเขาเองก็ไม่ได้อยากจะขัดใจหรอก แต่ก็อดสงสารมะลิวัลย์ไม่ได้ ที่พอมาทำงานแค่วันแรกก็ต้องเจอกับนายที่เอาแต่ใจ สำหรับเขา บอกตรงๆ ว่าไม่อยากรับหญิงสาวเข้ามาทำงานแต่แรก ถ้าไม่ใช่เพราะกานต์เขตข้อร้องและทางร้านต้องการพนักงานด้วยแล้ว เขาบอกตรงๆ เลยว่าจะไม่รับมะลิวัลย์มาทำงานที่นี่ เพราะเขากลัวว่าหญิงสาวท่าทางอ่อนต่อโลกและไร้เดียงสาอย่างมะลิวัลย์ไปต้องตาต้องใจใครเข้าแล้ว หากหญิงสาวปฏิเสธจะออกไปกับแขก อาจจะทำให้ตัวหญิงสาวและผู้เป็นพี่ชายต้องได้รับความเดือดร้อนด้วย มะลิวัลย์ยังคงเหลือบสายตามองไปทางชายหนุ่มคนนั้นเป็นระยะ ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอกที่เห็นร่างสูงใหญ่นั้นได้หายไปจากโต๊ะแล้ว แต่หญิงสาวก็อดนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้ เธอเห็น แม้จะไม่ชัดแต่รับรู้ได้ด้วยใจว่า เขาคุยอยู่กับผู้จัดการร้านอย่างเคร่งเครียดและดูท่าว่าผู้จัดการที่แสนจะใจดีกำลังเครียดจัดและผันสายตามามองเธออยู่บ่อยๆ จนทำให้เริ่มจะสงสัยแล้วว่าเรื่องที่สองคนนั้นกำลังคุยอยู่อาจจะเกี่ยวข้องกับเธอ และอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ก็คือไนต์คลับแห่งนี้เป็นอย่างไร มะลิวัลย์ร้อนใจและหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก ฟันสีขาวเหมือนไข่มุกขบกัดริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังสั่นไว้จนเจ็บ หญิงสาวส่งยิ้มให้กับผู้จัดการวัยกลางคนที่เดินมาหาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “มีอะไรหรือเปล่าคะผู้จัดการ” มะลิวัลย์เอ่ยปากถามไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ อรุณยืนทำใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากบอกมะลิวัลย์ในสิ่งที่เขาเองก็ยังลังเลใจอยู่ แต่เขาก็ต้องตัดใจทำตามคำสั่งผู้เป็นนาย “มะลิเดี๋ยวไปดูแลแขกวีไอพีในห้องสามด้วยนะ” อรุณบอกลูกน้องสาวสำหรับห้องวีไอพีที่นี่มีอยู่เก้าห้อง ห้องหนึ่งกับสองอยู่ติดกับบาร์เหล้า ห้องสี่ถึงเก้าจะอยู่ชั้นบนของร้าน และห้องสามจะอยู่ติดกับห้องเขาเป็นห้องที่สามารถมองเห็นภายในร้านได้ทั้งหมด “ค่ะผู้จัดการ” มะลิวัลย์รับคำวางถาดไม้ใบใหญ่ในมือลงและรีบเดินไปยังห้องดังกล่าวทันที ใบหน้าสวยยิ้มแก้มปริ เมื่อนึกเงินจำนวยหลายร้อยอาจจะถึงพันบาทที่จะเข้ามาอยู่ในกระเป๋าถ้าเธอดูแลแขกในห้องวีไอพีนั้นอย่างดี “มะลิระวังตัวไว้น่ะห้องพวกนั้นน่ะเฒ่าหัวหูดีๆ นี่เอง แต่อย่างว่าละนะถ้าได้เข้าไปดูแลพวกนั้นจริงๆ ทิปดีกว่าเงินเดือนอีก” “มะลิอย่าไปเชื่อนะไม่จริงเสมอไปหรอกจ้ะ แขกดีๆ ก็มี บางคนต้องการความเป็นส่วนตัวน่ะ” เสียงเพื่อนร่วมงานที่แซวตอนที่เธอเข้ามาเปลี่ยนชุดทำงานเมื่อตอนเย็นดังก้องอยู่ในหู มะลิวัลย์เคาะประตูห้องและเดินเข้าไปโดยไม่ทันได้สังเกตใบหน้าชายหนุ่มคนที่นั่งเอนตัวอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ให้ดีเสียก่อน “สวัสดีค่ะ จะรับอะไรดีคะ” แต่คำตอบที่หญิงสาวได้รับกลับกลายเป็น “ว้าย!!!” หญิงสาวตกใจอ้าปากร้องอย่างสุดเสียง ดวงตากลมโตเหมือนตากวางเบิกกว้าง ร่างทั้งร่างได้ลอยเข้าหาร่างใหญ่สะโพกกลมมลวางอยู่บนตักแข็งแกร่ง แขนแข็งแรงโอบรอบเอวเล็กคอด พร้อมๆ กับที่จมูกโด่งกดลงบนแก้มนวลอย่างถือสิทธิ์ “ตัวเธอนี่ห้อม...หอมนะมะลิ” มาคัสพูดเพราะจำชื่อหญิงสาวจากผู้จัดการได้ ใบหน้าหล่อคมซุกไซ้ไปตามลำคอเนียนนุ่มดมดอมผิวกายหอมกรุ่นที่ถึงแม้จะว่าจะมีกลิ่นเหงื่อไคลอยู่บ้าง แต่กลับกลบความหอมของผิวเนื้อสาวไม่ได้เลย แต่มันกลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดำมืดในกายชายหนุ่มให้ลุกโชนมากยิ่งขึ้น มือใหญ่ลูบไล้และบีบนวดลำขาเรียวยาวอย่างย่ามใจ มะลิวัลย์กลัวจนตัวสั่นดวงตากลมโตไหววูบ หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากทรวง มือเท้าเย็นเฉียบราวกับว่ากำลังยืนอยู่บนก้อนน้ำแข็ง รีบยกขึ้นดันใบหน้าคมให้ห่างจากเรือนกายแต่กลับถูกชายหนุ่มจับมาวางไว้ตรงตักด้วยมือเขาเพียงข้างเดียว ในขณะปากและจมูกยังคงแวะเวียนไปตามใบหน้าและลำคอจนทั่วแล้วมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มเต็ม สีชมพูระเรื่อ “คุณปะ...ปล่อยหนูนะคะ” น้ำเสียงที่ออกจากริมฝีปากอวบอิ่มสั่นจนชายหนุ่มจับความรู้สึกของสาวน้อยในอ้อมกอดได้เป็นอย่างดี ใบหน้าคมคร้ามยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ดูว่าสาวน้อยในอ้อมแขนเขานี้ไม่เคยต้องมือชาย บริสุทธิ์และไร้เดียงสาอีกทั้งยังหวานนุ่มอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาจากหญิงสาวคนใดที่เคยมีความสัมพันธ์ด้วยสักนิด “ทำไมฉันต้องปล่อยเธอล่ะสาวน้อย” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD