(ราวกับคนแปลกหน้า )
เรื่องผิดศีลธรรมที่ฤทธิ์ไปเจอมากับมิ่งแก้วพวกเขาสองคนไม่คิดแพร่งพรายบอกใคร นายบ้านเห็นสีหน้าลูกน้องราวกับกินยาขม เค้นถามมันก็ไม่ยอมบอก ถึงไม่บอกก็ใช่ว่าฤทธิ์จะนิ่งนอนใจ วันนี้เขาลองหยั่งเชิงแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนมะเฟือง สาวเจ้าง่วนอยู่กับแปลงผักหลังเรือน พอได้ยินเสียงเขาเรียก เจ้าหล่อนกลับรีบทิ้งพลั่วพรวนดิน สาวเท้าเร็วๆ พร้อมโบกมือให้เขา
“พี่ฤทธิ์...ลมอะไรหอบพี่มาหาฉันวันนี้ล่ะเนี่ย...อย่าบอกว่าลมคิดถึง จ้างให้ฉันก็ไม่เชื่อเด็ดขาด” มะเฟืองทำหน้าย่น ระบายยิ้มกว้างขวาง ถือเป็นรอยยิ้มสดใสในรอบเดือนกว่าๆก็ได้กระมัง
“ข้าแค่เอาปลาช่อนมาฝาก เมื่อวานไปลงเบ็ดได้มาตั้งหลายตัว นึกถึงเอ็งที่ชอบทำกับข้าวเลยแบ่งเอามาให้ แล้วก็นี่ของไอ้มิ่ง เนื้อหมูป่า มันเพิ่งไปล่ามาได้เมื่อคืน มันฝากข้าเอามาให้เอ็งด้วย”
ฤทธิ์ส่งปลาในข้องให้พร้อมกับชิ้นเนื้อของหมูป่าห่อใบตองมาอย่างดี มะเฟืองไหว้ขอบใจ เดินนำแขกหนุ่มนิสัยพูดน้อยมานั่งยังแคร่ไม้ใต้ต้นมะขาม หาน้ำหาท่าให้ดื่มดับกระหาย นำของฝากไปเก็บไว้ในห้องครัว กลับออกมาพร้อมปิ่นโตเถาน้อย
“แกงจ้ะ ฉันทำไว้เมื่อเช้าหม้อใหญ่ แบ่งมาให้พี่ชิม ว่าแต่แล้วพี่มิ่งไปไหนเสียล่ะจ๊ะ วันนี้ไม่เห็นมาด้วยกัน...” มะเฟืองถามหาเงาของอีกคน ปกติเห็นตัวติดกันตลอด
“ไอ้มิ่งมันไปหาข่าวกับไอ้ทองก้อน เย็นๆถึงจะกลับ...”
ชายหนุ่มพูดน้อยรับปิ่นโตมาถือไว้ อดจะลอบมองแววตาดูเศร้าสร้อยไม่แจ่มใส ต่างจากปากชวนเขาพูดคุยไม่ได้หยุด ดูก็รู้การแต่งงานไม่ได้นำพาความสุขมาให้เจ้าตัว
จะหาความสุขได้จากไหนเล่า ในเมื่อผัวเอาเวลาไปเล่นชู้อยู่กับสาวอีกคน เพื่อนสนิทกันแท้ๆ ยังทำกันลงคอ ฤทธิ์นึกถึงหน้าสวยๆของส้มแป้น ดั่งคำโบราณว่าเอาไว้ ข้างนอกสดใสข้างในเป็นโพรง
“ดูเอ็งผอมลงไปหรือเปล่า...”
คนพูดน้อยไม่นิยมยุ่งเรื่องชาวบ้านเอ่ยถามด้วยความห่วงใย มะเฟืองเหลือบสายตามองคนถาม ส่งยิ้มฝืดเฝื่อนสะเทือนในโพรงอก คำถามของเพื่อนบ้านที่นานๆเจอกันทีมันทำให้เธอรู้สึกจุกแน่นราวกับถูกค้อนทุบ ขนาดคนอื่นยังมองเห็น ไยคนอยู่เคียงใกล้เห็นหน้ากันทุกวี่วันกลับไม่เคยใส่ใจจะถามกันสักคำ
“นิดนึงมั้งจ๊ะ แต่เอวฉันยังหนาอยู่นา...พอดีต้องออกแรงถูเรือนหลังโตทุกวัน เลยเหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว...”
“ไอ้ดงมันก็ออกจะร่ำรวย ทำไมถึงไม่หาคนมาช่วยทำงานเรือน”
“พี่ดงรวยหรือจ๊ะ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลย...” จะรู้ได้อย่างไรวันๆเขาเคยอยู่ให้เธอพูดคุยด้วยหรือ คนเพิ่งรู้ว่าได้ผัวรวยขมวดคิ้วนิ่วหน้าก่อนจะผ่อนลมหายใจยืดยาว เธอก็ไม่เคยรู้เรื่องของเขาสักเรื่องเลยนี่นา ก็ไม่เห็นจะต้องมาแปลกใจอะไรสักหน่อย
ฤทธิ์นั้นรู้เพราะเคยตั่งวงร่ำสุรากันบ่อย เขาพูดน้อยเลยมักเป็นผู้ฟังที่ดีสำหรับทุกคนในวงเหล้า...ยามเมาเข้าที่...ดงมันก็หลุดพูดความลับที่ปกปิดเอาไว้ไม่บอกใคร อ้อที่จะรู้อีกคนก็นายบ้าน...แท้จริงดงนั้นหาใช่อดีตนักฆ่าเดนตายไร้ฐานะ ดงมีทรัพย์สมบัติมากมายที่ตกทอดมาจากปู่ย่า ฝังเก็บเอาไว้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
“เอ็งนี่นะ...” ฤทธิ์ไม่ถนัดจะปลอบใจใคร เขามองหน้าเศร้าสร้อย แล้วก็ขอตัวกลับ มะเฟืองลุกเดินมาส่ง ไหว้ขอบใจเขาอีกรอบ สมองยังขบคิด..ว่าย วนอยู่แต่กับเรื่องของพี่ดงเป็นคนรวย
นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอะไรอีกหนอที่เกี่ยวกับเขา...ที่เธอยังไม่รู้
-------------------------------------
แพงนอนอ้าขาให้ชายรูปร่างสูงเพรียวกระแทกเข้าใส่หว่างขา จะว่าไปใบหน้านี้คลับคล้ายเหมือนเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหนา แรงกระแทกไม่ยั้งดึงความสงสัยจากสาวบ้านสามดอก แพงถูกเขาจับพลิกให้นอนคว่ำหน้า หยัดเพียงก้อนงอนงามรับแรงกระเด้ารัวๆ ดุ้นอุ่นสอดทะยานเข้าใส่ในรูเล็ก ไม่ถึงกับคับแน่นหากก็ยังสร้างความหฤหรรษ์จนเขาไม่อาจหยุดหายใจ
อารมณ์สวาทเร่าร้อน ขับเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในภวังค์หนึ่งภาพชายใบหน้ามีรอยบากวาบเข้ามาในความคิดของแพง เขาหายหน้าไปนานหลายเดือน แพงไม่รู้ว่าด้วยเพราะสาเหตุอันใด...รวมทั้งกลุ่มชายฉกรรจ์อีกหลายคน...ก็มาหายไปพร้อมกันกับเขาอีกด้วย
แม้แต่ไอ้คนหลอกลวงที่ให้คำมั่นสัญญาจะรับเธอไปผูกข้อมือ มันก็อันตรธานหายหัวไปเช่นกัน...แพงต้องถูกสาวๆในบ้านสามดอกหัวเราะเยาะ เย้ยหยันว่าแพงนั้นเพ้อฝันจนเกินไป
“อะ...อ๊า...อ๊า...” สาวถูกทิ้งให้ฝันค้าง ปล่อยเสียงครวญครางไปพร้อมแรงขยับโยกจากด้านหลัง เนินสวาทฉ่ำเยิ้มรับดุ้นเนื้อเข้ามาผูกพัน ผลุบหายเข้าออกจนปากรูแดงก่ำหากแพงกลับไม่รู้สึกเจ็บ สัมผัสได้เพียงความเสียวซ่าน บดเบียดแทรกซึมผ่านเข้ามาภายในผนังเนื้ออ่อน
ชายผู้นี้มีชื่อว่าเดี่ยว เป็นน้องชายต่างบิดาของไอ้เดื้อหัวหน้ากลุ่มโจรนิรนามที่ถูกดงฆ่าตาย เดี่ยวไม่ได้เป็นโจร เขาทำไร่ทำนาตามประสา แต่แล้วมีอยู่วันหนึ่งกลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกมาหาเขาถึงเรือน นำทรัพย์สินมากมายมากองให้ตรงหน้า
‘ทรัพย์สินทั้งหมดนี้มันเป็นของพี่ชายเอ็ง...”
เดี่ยวเงยหน้ามองคนพูด รูปร่างแต่ละคนสูงใหญ่กำยำน่าเกรงขาม เดี่ยวไม่รู้จักคนพวกนี้ หากก็คาดเดาได้ในทันที น่าจะเป็นคนของไอ้เดื้อ พี่ชายที่เขาแทบไม่เคยผูกพันด้วยมาก่อน
‘มันเคยสั่งพวกข้าเอาไว้ หากมันสิ้นลมหายใจยามใดให้นำทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดขนมาให้เอ็ง...” เดี่ยวตาพองโตมองเงินทองหลากหลายหีบน้ำลายแทบหกใส่ ชายหนุ่มผู้ไม่เคยเห็นเงินทองสูงท่วมหัวทำท่าจะพุ่งเข้าหาหากก็ถูกปลายดาบขวางหน้าเอาไว้ซะก่อน
เดี่ยวชะงัก ลนลานหนีปลายดาบวาววับ หากกลับถูกมือใหญ่ของชายคนหนึ่งกระชากตัวหันกลับมา
‘แต่...’ คำว่าแต่ดึงสายตาเดี่ยวให้แหงนมอง จึงเห็นแววตาวาวโรจน์ของไอ้คนตัวโตกว่าใครเพื่อน เขวี้ยงปลายคมดาบปักลงบนพื้นไม้กระดาน ร่างสูงของมันย่อตัวลงมา สายตาทั้งคู่จึงสบกันเขม็ง
‘แต่ว่าอะไรหรือจ๊ะพวกพี่ๆ’ เดี่ยวไม่เคยจับดาบฟาดฟันกับใคร ตั้งแต่เล็กจนโต เดี่ยวเคยจับแต่จอบกับเสียม มุ่งมั่นกับการทำมาหากินเลี้ยงปากท้องตัวเองกับแม่แก่ชรา จึงไม่รู้คนพวกนี้ต้องการแลกสิ่งใดจากตัวมัน
‘แต่เอ็งต้องมาเป็นโจรเหมือนกับพวกข้า...’
เดี่ยวตัดสินใจได้โดยไม่ต้องคิดใคร่ครวญ หากข้อแม้เดียวที่เดี่ยวร้องขอ...คือให้พวกนั้นช่วยสอนเพลงดาบกับวิชาป้องกันตัว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตในคำขอของเดี่ยว...นับจากวันนั้นเดี่ยวก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกคนหนึ่งในดงโจรนิรนาม
คนของพี่เดื้อเล่าให้ฟังเกี่ยวกับบ้านสามดอก...ถ้าหากเขาอยากหาความสุขสำราญก็ให้มาที่นี่ แล้วเดี่ยวก็ดันมาถูกใจอีสาวคนเดียวกับพี่ชายผู้ล่วงลับ แพงกรีดเสียงร้องลั่น ร่างอรชรถูกกระชากจนแอ่นลอย จุกจะงอยเต้าอวบพุ่งชี้เด่ ดุ้นเนื้อบดควานสวาทกระทุ้งหนักๆอีกหลายทีลาวาขาวขุ่นเหนอะหนะจึงแตกทะลักไหลรดออกมาเปียกชุ่มไปทั่วทั้งเนินนาง...
-------------------------------------
มะเฟืองอาบน้ำอาบท่าผลัดเปลี่ยนผ้านุ่งผืนใหม่ก็ออกมานั่งรับลมเย็นสบายตรงระเบียงนอกเรือน กลิ่นดอกจำปีลอยฟุ้ง แสงจากดวงอาทิตย์ยามเย็นเริ่มอ่อนตัว บนตักมะเฟืองมีตะกร้าใบย่อมใส่เส้นทำจากไหมพรหมหลากสี เธอเคยใช้ไม้ถักไหมจนกลายเป็นตัวเสื้อด้วยมือ ก่อนหน้านี้มะเฟืองก็เคยถักไว้ให้พ่อกับแม่สวมใส่ตอนไปช่วยงานบุญ วาดแบบไว้ในหัว อยากทักให้ผัวเอาไว้ใส่สักตัว
ยามนี้สมองของมะเฟืองมีเรื่องให้ต้องขบคิด หัวคิ้วดกหนาจึงแทบจะชนเข้าหากัน ต่อให้มีผัวรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองแล้วยังไงล่ะ ถ้าผัวไม่สนใจไยดีเมียมันจะมีประโยชน์อันใดเล่า ทุกวันนี้ต่อให้อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับคนแปลกหน้าตรงไหน
ขอบตาร้อนผ่าว ไหมพรหมตรงหน้าชักรางเลือนจนต้องกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่ละอองน้ำ ต่อให้ร้องไห้จนตาบวมใครเล่าจะมาสนใจ
เสียงฝีเท้าหนักเดินขึ้นบันได มะเฟืองแปลกใจวันนี้ฟ้ายังไม่ทันมืดผัวก็กลับเข้าเรือนเป็นกับเขาด้วยหรือ เธอเอี้ยวตัวไปมองเห็นเขาเดินหน้ามุ่ยเดินขึ้นมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย ตาแดงๆจึงดึงกลับไปสนใจงานในมือต่อ คิดว่าอีกเดี๋ยวผัวคงเดินเข้าห้อง เธอขี้เกียจจะพูดดีไม่ดีจะถูกเขาไล่ตะเพิดเอาอีก
ดงชะงักเท้าไปครู่ หรี่ตามองแผ่นหลังบอบบาง สะดุดใจกับท่าทีเฉยชาไม่กระดี๊กระด๊าเหมือนทุกครั้งที่เขากลับเข้าเรือน ทำไมถึงไม่ดีใจล่ะ?ดงเกิดคำถาม
“หาสำรับให้ข้าด้วย วันนี้ยังไม่ได้กินอะไรมา” ดงสั่งแล้วเดินไปรอที่ตั่งไม้ วางหีบใบขนาดย่อมไว้ด้านข้าง
“ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องรอสักหน่อย...เผอิญวันนี้ฉันทำไว้แต่เพียงพอกินอิ่ม เพิ่งจะล้างสำรับคว่ำไปไม่นาน...” ท่าทางมะเฟืองไม่กระตือรือร้น เธอบอกเขาพร้อมเดินเอื่อยลงมาเข้าครัว ดงเป็นฝ่ายต้องมองตามหลังของเมียบ้าง รู้สึกแปลกใจกับท่าทางไม่อินังขังขอบ
หรือจะบอกเรื่องส้มแป้นกับมะเฟืองวันนี้ดี ไหนๆก็ต้องบอกมันสักวัน ยิ่งส้มแป้นมันบ่นกระปอดกระแปดว่าไม่อยากรอ เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร...ยิ่งเรื่องคบชู้รู้เข้าถึงหูตามากกับนางตำลึง เขาจึงถูกบีบให้เร่งมาจัดการเลิกรากับทางมะเฟืองซะให้เรียบร้อย
เป็นตัวเขาเองดันหลุดปากบอกทางนายมากกับนางตำลึง เขาจะเลือกทางส้มแป้นลูกสาวพวกเขา แล้วจะบอกเลิกกับทางมะเฟือง
ดงยังคิดไม่ตกจะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน ร่างอวบอืม...ดูจะผอมลงหรือเปล่า สีหน้าหมองหม่นเดินประคองถาดสำรับเดินขึ้นบันได ดงขยับ ถาดสำรับวางลงตรงหน้าเขา กลิ่นผัดพริกหมู่ป่า ไข่เจียวฟูสีเหลืองอร่าม มากับยอดผักต้มกับน้ำพริกปลาย่าง อาหารทั้งหมดใช้เวลาทำไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ดงมองหน้าตาอาหารตรงหน้าไปพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ เขากระแอมทำเสียงแก้เก้อ หันไปหยิบหีบใบเล็กยื่นส่งให้มะเฟือง
“ข้าให้เอ็งเอาไว้ใช้...”
มะเฟืองรับมาเปิดฝาหีบใบเล็กดู มีเงินจำนวนไม่น้อยทีเดียว เธอเหลือบสายตามองผัว อยากลองใจเขาจะยอมเปิดปากบอกความลับให้เธอฟังหรือไม่
“พี่มีเงินเยอะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?...” เฝ้ารอคอยคำตอบ...สิ่งที่มะเฟืองได้รับมาคือสายตาแข็งกระด้าง คงไม่พูดสินะ มะเฟืองอ่อนใจ หีบเงินบนตักจึงถูกวางลงอย่างไม่แยแส
ร่างอวบลุกขึ้นไปตักน้ำเย็นมาวางไว้ใกล้จานข้าวผัว เดินเลยมาทรุดตัวนั่งฝั่งตรงข้าม มะเฟืองกินข้าวอิ่มก่อนผัวจะกลับมาถึงเรือน เธอจึงนั่งเพียงคอยปรนนิบัติเขา
ดงตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวใส่ปาก เคี้ยวกลืนลงคออย่างเอร็ดอร่อย การต้องหมกตัวอยู่ภายในกระท่อมคอยเล่นรักกับส้มแป้นไม่เว้นวัน ทำให้เขาพลาดของอร่อยมาตั้งกี่วันแล้วนะ ดงเผลอคิดในใจ วันนี้มะเฟืองนั่งสงบปากสงบคำไม่ชวนคุย มือคอยแกะเนื้อปลาวางใส่จานผัวจนกระทั่งผัวอิ่ม มะเฟืองเก็บสำรับลงไปล้าง กลับขึ้นเรือนมาอีกครั้งดงยังนั่งอยู่บนแคร่ไม้...
เขานั่งสูบใบตองแห้งม้วนด้วยยาเส้น มะเฟืองไม่ชอบกลิ่นของมันเลยจะเดินเข้าห้อง
“เอ็งลืมหีบเงินหรือเปล่ามะเฟือง...”
“ฉันฝากพี่ไว้ก่อนแล้วกันจ้ะ” เงินทองไม่ใช่สิ่งที่มะเฟืองอยากได้ ความรักจากเขาต่างหากเป็นสิ่งที่มะเฟืองต้องการ รู้ว่าชาตินี้เขาคงไม่มีให้เธอหรอก ความสุขก็คงไม่มีเช่นเดียวกัน...
ดงดูดมวนยาส่งสายตาสงสัยมองแผ่นหลังตั้งตรง นังคนนี้มันแปลก สีหน้าแววตาไม่มีความตื่นเต้นยินดีกับเงินทองที่เขาให้สักนิด ไม่เหมือนกับส้มแป้น รายนั้นยิ้มจนปากกว้างแทบจะฉีกถึงรูหู ไม่อยากได้ก็ดี วันหน้าวันหลังเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกลไปขนเงินทองมาให้อีก
แทนที่จะเห็นความดีของเมีย ดงกลับหงุดหงิดใจ แถมยังจะนึกชื่นชมสาวที่ตาโตให้กับสิ่งของนอกกายด้วยซ้ำ
มะเฟืองกลับเข้าห้องมาเธอก็เอนตัวนอน หลับตาลงแล้วก็ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเปื้อนหมอน ระบายความทุกข์โศกในใจ วันนี้ขอเจ็บเพียงแค่นี้แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่...
-----------------------------------------