บทที่5/1
แม้เสี่ยวอี้จะบอกว่าที่นี่น่ากลัวแต่หมิงอิงกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น หญิงสาวมองเข้าไปยังเหล่าบุรุษที่แต่งตัวราวกับจอมยุทธ ดูทะมัดทะแมง ผมที่ยาวถูกรวบเป็นหางม้าและใช้ผ้าผูกเอาไว้ ช่างแตกต่างกับคุณชายในเมืองนัก
“เข้าไปนั่งกันเถอะเจ้าค่ะคุณหนู” เสี่ยวอี้บอกกับคุณหนูของนาง เท้าที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยมของหญิงสาวทั้งสองทำให้คนทั้งโรงเตี๊ยมหันมามอง
เสียงที่เคยดังอื้ออึงกลับเงียบในทันทีที่เสี่ยวเอ้อเดินไปถึงโต๊ะของหญิงสาวทั้งสองราวกับอยากรู้ว่าพวกนางจะสั่งอะไรที่นี่
“เอากับข้าวมาสองสามอย่าง แล้วก็อย่าลืมคอเป็ดยัดไส้กับสุราหยางเหอต้าซวี”
หมิงอิงมองหน้าเสี่ยวอี้อย่างแปลกใจ
“นั่นอร่อยหรือเจ้าถึงต้องย้ำ” หญิงสาวมัวแต่ถามจึงไม่ทันได้สังเกตุคนรอบ ๆ ข้าง
“แน่นอนคุณหนูข้าเคยกินสุรานี้เพียงครั้งเดียวก็ไม่เคยลืมอีกเลย แล้วก็อาหารร้านนี้แม้จะมีทุกอย่างเหมือน ๆ กับร้านอื่นทั่ว ๆ ไปแต่คอเป็ดยัดไส้ที่คล้ายกับสูตรที่มีเขียนในตำราเรื่องเล่าในเมืองที่บอกว่าอาหารอันนี้เป็นเครื่องเสวยในวังนั่น มีเพียงร้านนี้เท่านั้นที่ทำขาย” เสี่ยวอี้พูดอย่างภูมิใจ โดยไม่ได้ดูเลยว่ารอบ ๆ ตัวนาง เหล่าบุรุษทั้งหลายก็อดยิ้มให้กับท่าทางน่าเอ็นดูนั่นไม่ได้
เพราะถนนสายนี้ขายแต่ดาบจึงมักจะไม่มีคนทั่วไปเข้ามาโรงเตี๊ยมแห่งนี้มากนัก ที่มีอยู่ตอนนี้ก็มีเพียงชายหนุ่มที่มีอาชีพที่ต้องใช้ดาบทั้งนั้น ทั้งจอมยุทธ เหล่าสำนักคุ้มภัย หรือแม้คนที่อาจจะกลายเป็นโจร และตอนนี้บุรุษเหล่านั้น ก็กำลังจองมองอาหารตาของพวกเขาอยู่ ถ้าหากไม่มีใครบางคนขัดเข้าเสียก่อน
“ทำท่าทางราวกับเป็นเสือจะตะครุบเหยื่อ ให้เกียรติพวกนางหน่อย” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งจากมุมหลังร้านที่กำลังขัดดาบตนเองเรียกให้สายตาของคนทั้งโรงเตี๊ยมละออกจากแม่นางทั้งสอง
”โธ่พี่ใหญ่ท่านก็ให้พวกเราได้ชมดอกไม้บ้างเถอะ”
เสียงโวยวายจากกลุ่มชายหนุ่มด้านหลังไม่ได้ทำให้หมิงอิงที่ลืมไปแล้วว่าตนมาที่นี่เพราะอะไร ใช่อยู่ว่านางต้องการหาใครสักคน แต่ที่มอง ๆ อยู่นี่ก็…
“เสี่ยวอี้เจ้าว่าพวกเขาแก่ไปหรือไหม ไม่ก็ดูเด็กไปไม่เหมาะกับข้า”
เสี่ยวอี้ที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารและสุรามองไปรอบ ๆ โรงเตี๊ยมอีกครั้ง
“แต่ที่นี่ก็มีบุรุษธรรมดามากที่สุดแล้วนะเจ้าคะ” คำของเสี่ยวอี้ที่พูดจบไปยิ่งทำให้หมิงอิงต้องถอนหายใจหนัก คอเป็ดที่นางเริ่มติดใจถูกคีบเข้าปากอีกครั้ง
“หรือข้าจะมาสั่งทำดาบดี จะได้หาโอกาสมาที่นี่บ่อย ๆ เผื่อว่าจะเจอคนที่เหมาะ”
เสี่ยวอี้จับชายเสื้อของหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นคุณหนูของตนเขย่าซ้ำ ๆ “ดีเลยเจ้าค่ะ เราจะได้มากินอาหารที่นี่อีก อาหารอร่อย สุราดี”
หมิงอิงได้แต่ส่ายหน้า หากท่านพ่อเห็นเสี่ยวอี้สภาพนี้นางและเสี่ยวอี้โดนทำโทษแน่ ๆ
“คุณหนูจะรีบหาสามีทำไมเจ้าคะ เมื่อชะตาพาคนที่ถูกต้องมาเดี๋ยวก็ถูกใจเองนั่นแหละเจ้าค่ะ”
คำของเสี่ยวอี้ยิ่งสะท้อนในใจ หากนางต้องการทำตามชะตาจะหาอยู่เช่นนี้ทำไมกัน
“ความคิดของหญิงสาวช่างน่าขันยิ่งนัก ชะตาอย่างนั้นหรือมันไม่มีอยู่จริงหรอก หากอยากได้ถูกใจก็ต้องตามหาเองสิ พวกเจ้าไปกันเถอะ” เสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้น
หมิงอิงที่ได้ยินคำนั้นก็พยายามจะมองหาว่าใครกันที่เป็นคนที่เอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมา แต่เพราะกลุ่มที่เดินออกไปนั้นมีคนมากนางเลยไม่สามารถเดาได้เลยสักนิดว่าใครกันคือคนที่เอ่ยคำที่ถูกใจนาง ใช่ ข้าจะหาจนกว่าจะถูกใจ
“เสี่ยวอี้ไปสั่งทำดาบกันเถอะ” หมิงอิงพูดออกมา เพราะไม่ว่าคำนั้นจะออกมาจากใครก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าออกมาจากที่ไหน วันนี้นางหาที่ที่ดูเหมือนจะเหมาะสำหรับตัวเองจนมาเจอที่นี่ แม้ว่าจะไม่ได้ดูเหมาะมากแต่หมิงอิงตัดสินใจแล้ว
นางจะตามหาคนคนนั้นต่อให้ไม่ใช่คนที่เอ่ยวาจาเช่นนั้นออกแต่มาก็ต้องเป็นคนที่มีความคิดเฉกเช่นเดียวกัน คนที่คิดเหมือนกับนาง