“กาแฟกินเดี๋ยวนี้นะยายเพี้ยง ไม่ใช่ชาติหน้า” แล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานผ่านหน้าตาตกตะลึงของเหล่าหนุ่มๆ ที่หันมามองเพียงออคนถูกประชดสายตาขออภัยอยู่ในที และคงมีแต่วินัยที่กล้าเดินไปใกล้หล่อน
“ขอโทษแทนทุกคนนะเพี้ยงที่ทำให้ถูกดุ” เขาเรียกตามปกติอย่างชินปาก
“ไม่เป็นไรพี่ เพี้ยงชินแล้ว ทุกคนไม่ต้องคิดมากนะคะ คุณพีคงอารมณ์ไม่ดีอาจจะเหนื่อยแล้วไม่ได้พักเลยพาล เพี้ยงขอตัวเอากาแฟไปเสิร์ฟก่อนนะคะ” หล่อนพูดสนิทสนมเป็นกันเองกับทุกคนโดยเฉพาะวินัยเพราะเขาเป็นลูกคนงานจึงวิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ แม้วินัยจะอายุมากกว่าหล่อนหลายปีแต่อายุมากกว่าพีรวัสเพียงปีเดียว จึงนับเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน พีรวัสถูกสุภาบังคับให้เล่นกับหล่อนบ้างเพราะต่างไม่มีเพื่อนเล่น เขาจึงบังคับวินัยอีกต่อหนึ่งความสนิทสนมจึงมีตามมาด้วย
“กาแฟค่ะ” เพียงออวางแก้วกาแฟให้พร้อมแก้วน้ำเย็น แล้วยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อรอรับคำสั่ง
“หาที่นั่งสิจะมายืนจ้องฉันทำไม เดี๋ยวกาแฟก็เย็นหมด”
เพียงออไม่ตอบโต้คนพาลจึงนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะนั่นเอง แต่ก้นยังไม่ทันสัมผัสเบาะเขาก็รั้งไว้ด้วยคำพูด
“นั่งตรงนั้นแล้วจะได้เรียนงานมั้ย มานั่งนี่สิ” เขาเรียก เมื่อหล่อนเดินอ้อมโต๊ะไปยืนข้างๆ เขารวบเอวรั้งให้นั่งลงบนตักแล้วบอกหน้าตาเฉย
“ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ได้ยังไงยายหมาเน่า”
“อะแฮ่ม เข้าไปได้มั้ยเจ้านาย” วินัยทำเสียงขัดจังหวะอยู่ตรงประตู เพียงออรีบเด้งตัวขึ้นยืนแต่ถูกรวบเอวไว้
“ก็เข้ามาสิใครไปขวางพวกเอ็งอยู่วะ” พีรวัสรีบบอกเมื่อเห็นพนักงานทั้งหมดช่วยกันหามโต๊ะทำงานตัวหนักเพราะทำจากไม้เนื้อดีเข้ามา
“วางตรงไหนดีครับ” วินัยถาม พีรวัสมองกวาดทั้วห้องแล้วชี้ตรงพื้นที่ว่างใกล้โต๊ะเขา
“วางตรงนี้เลย เอาด้านข้างมาชิดนี่หันหน้าออกไปด้านนอก หันหลังมาทางนี้ ถ้าแอบเล่นเกมฉันจะได้เขกกะโหลกง่ายๆ”
“เขกกะโหลกใครนายพี”เสียงพีรพงศ์ดังใกล้ประตู เพียงออรีบลุกขึ้นจากตักพีรวัสทันที แม้เขากอดแรงขึ้นก็รั้งหล่อนไว้ไม่ได้ เจ้าตัวจึงทำเสียงฮึ่มๆ ในลำคออย่างขุ่นใจ
“พี่พงศ์! เพี้ยงนึกว่ากลับไปแล้ว” เพียงออวิ่งไปกอดพีรพงศ์ แต่เจ้าตัวค้ำศีรษะไว้แล้วส่ายหน้าทำท่าพยักพเยิดให้มองไปด้านหลัง เพียงออหันตามจึงสบตาดุแฝงความไม่พอใจของพีรวัสที่กำลังเดินมา
“ออกไปนั่งข้างนอกดีกว่าพี่พงศ์ วินัยกำลังจัดโต๊ะให้ยายเพี้ยง ผมจะเอามาใช้งานให้คุ้มเลย” ว่าแล้วโอบไหล่หล่อนเหมือนจะพาเดินออกไปนอกห้อง แต่ชะงักเสียก่อน
“ยกกาแฟตามมาด้วย แล้วไปชงใหม่ให้พี่พงศ์อีกแก้ว”เขาปล่อยมือจากไหล่เพียงออทันที
“ไม่ต้องจ้ะพี่เรียบร้อยแล้ว ว่าจะมารับเพี้ยงออกไปเลือกของขวัญแต่งงานซะหน่อย ไปได้มั้ยจ๊ะ” หันไปถามเพียงออ
“จะให้อะไรนักหนาพี่พงศ์ ก็ให้สร้อยเพชรแล้ว ดูเหมือนยายหมาเน่าของพี่พงศ์จะชอบมากเสียด้วย ใส่ไม่ยอมถอดออกเลยทีเดียว” เขาสบตาเพียงออก่อนเลื่อนไปมองสร้อยเส้นนั้น หากสายตาเขาเปลี่ยนเป็นมือคงกระชากสร้อยเส้นนั้นหลุดจากลำคอหล่อนไปนานแล้ว และเพียงออก็รู้สึกเช่นนั้นจึงรีบเอามือทาบทับไว้
“คิดอะไรของเธอ ฉันไม่กระชากทิ้งหรอกน่า มีมารยาทพอเพราะคนให้ยืนอยู่ตรงนี้” พีรวัสพูดรอดไรฟันไม่ให้พีรพงศ์ได้ยินแต่คนเป็นพี่ก็ได้ยินอยู่ดี
“พี่สั่งไม่ให้ถอดเองแหละ ว่าไงเพี้ยง ไปมั้ย” พีรพงศ์ถามอีกครั้ง ทำให้เพียงออต้องสบตาชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทันที
“จะไปที่ไหนกันครับ แล้วกลับมาทันกลางวันมั้ย ป้าบอกให้กลับไปกินข้าวที่บ้าน หรือพี่พงศ์จะกลับมาร่วมโต๊ะด้วยดี”
“นายบอกป้าก็แล้วกันว่าพี่พาเพี้ยงไปเลี้ยงข้าว บ่ายๆ มาส่ง”
“เขามาด้วยหรือถึงไม่กล้าพาเข้าบ้าน เมื่อคืนก็มาแป๊บๆ ผมยังไม่ได้ชนแก้วกับพี่เลย”
“จะชนทำไมอีกก็นายเมาแอ๋แล้ว พี่ยังคิดว่าจะลุกไหวหรือเปล่าเลย เก่งนี่ออกมาทำงานจนได้”
“ทำไงได้ละครับ พี่ทิ้งงานไว้ให้ผมทำนี่ ถ้าผมไม่ทำก็ตกหนักที่ป้าสุภา สงสารคนแก่”
เพียงออที่นิ่งฟังรู้สึกได้ว่าคนเป็นน้องกำลังประชดประชันพี่ชาย หรือบางทีอาจเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาก็ได้ที่ชอบพูดประชดประชัน แต่เนื้อแท้แล้วเขามีความห่วงใยให้ทุกคนเสมอแม้กระทั่งพีรพงศ์ที่กำลังพูดประชดใส่ พีรวัสยังคงถามข่าวคราวพีรพงศ์ผ่านทางหล่อนเพราะดูเหมือนตนเป็นเพียงคนเดียวที่พีรพงศ์ติดต่อพูดคุยด้วยบ่อยที่สุดผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ส่วนคนอื่นๆ ไม่ใคร่สนใจเรื่องพวกนี้
“ขอบใจอีกครั้งแล้วกันที่รับช่วงงานแทนป้าแล้วอย่าบอกป้าละว่าโทนี่มาด้วย ไว้ก่อนกลับพี่จะมาลาแกอีกครั้ง”
“กลับเมื่อไหร่ครับ แล้วพี่พงศ์พักที่ไหน น่าจะมานอนบ้านเรายังไงป้าแกก็ทำใจอยู่นานแล้ว คงไม่ลุกขึ้นมาเอาปืนไล่ยิงหรอก”
“เชื่อได้หรือ พี่ไม่ไว้ใจหรอก นอนโรงแรมสบายใจกว่า อีกอย่างโทนี่มาธุระเรื่องงานด้วย ไม่แน่ว่าเราอาจย้ายมาอยู่ไทยหรือไม่ก็สิงคโปร์ภายในปีสองปีนี้แหละ”
“ดีจังเลยค่ะ” เพียงออยิ้มหน้าบานจึงถูกแขวะเข้าให้
“จะไปกับพี่พงศ์ก็เตรียมตัวสิ เสร็จธุระก็โทรมาละกัน จะไปรับ”
“ไปรับ!” ไม่ใช่แค่เพียงออที่แปลกใจ พีรพงศ์ก็เช่นกัน
“แปลกตรงไหนคนจะไปรับเมีย คิดดูละกันถ้าพี่พงศ์มารับมาส่งยายหมาเน่าโดยไม่แวะไปหาป้าแกจะคิดยังไง อะไรจะเกิดขึ้น”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วจะโทรมาบอกว่าให้รับเพี้ยงที่ไหน”พีรพงศ์ตัดบท แล้วพยักหน้าชวนเพียงออที่รีบหยิบกระเป๋ามาสะพาย แต่พอเดินผ่านหน้าพีรวัสเขากลับฉวยข้อศอกไว้
“เดี๋ยว” แล้วหยิบธนบัตรในกระเป๋าสตางค์ตัวเองส่งให้
“ถึงจะมีเจ้ามือแต่เราควรจะมีเงินติดตัวบ้าง”
เพียงออมองตะลึงก่อนรีบไหว้ชดช้อยแล้วรับมาอย่างยินดี ถือว่าถูกหวยเพราะที่ผ่านมาแต่เล็กจนโตพีรวัสไม่เคยหยิบยื่นเงินทองหรือของใช้ให้หล่อน แต่อาจเป็นเพราะว่าหล่อนอยู่ในความดูแลของสุภาอยู่แล้ว หลานชายอย่างเขาซึ่งใช้เงินจากกงสีเป็นรายเดือนก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งปันให้อีก
“ยิ้มหน้าบานเลยเพี้ยง น่าจะเป็นครั้งแรกละสิที่นายพีเขาให้เงินเรา” พีรพงศ์อดเย้าไม่ได้ เพียงออหันไปกอดแขนซบหน้าอิงไหล่แล้วหัวเราะคิกก่อนบอก
“เพี้ยงว่าจะเอาใส่กรอบหรือทำหิ้งบูชาเลยจะดีมั้ยคะ”
“ต๊องเอ้ย” พีรพงศ์อดหัวเราะด้วยไม่ได้ พร้อมขยี้ผมหล่อนอย่างเอ็นดูดังที่เคยทำ แต่หารู้ไม่ว่าคนมองตามแสดงความไม่พอใจในสีหน้าชัดเจน วินัยที่มองอยู่ด้วยรีบปรี่เข้ามาดึงแก้วกาแฟออกจากมือทันที
“อะไรของมึงวะ”พีรวัสหันขวับไปมองตาเขียวปั๊ด
“เดี๋ยวแก้วแตก ไม่แก้วแตกกาแฟก็หกรดไข่สุกกันพอดี ใจร่มๆ นะนาย สองคนนั้นเค้ารักกันเหมือนพี่น้องจริงๆ ใครๆ ก็รู้กัน”
“ใครๆ ของมึงนะใคร แต่ไม่ใช่กูแน่ กูไม่เคยเห็นว่ามันจะเหมือนพี่น้องรักกันตรงไหน”
“นายพูดเหมือนหึง นั่นแน่ แล้วบอกว่าถูกบังคับให้แต่งงาน”วินัยว่าแล้ววิ่งหนีเมื่อพีรวัสทำท่าขยับเท้า
“โอ๊ย!”
“เฮ้ย! คุณรดา ขอโทษครับผมไม่ทันระวัง” วินัยรีบประคองคนที่ตนชนจนล้มเพราะไม่ทันเห็นว่าพีรดาเดินเข้ามาในสำนักงาน
“มาทำไมพี่รดา”
“นั่นรถใคร พี่พงศ์หรือเปล่า” พีรดาไม่สนใจตอบคำถาม แต่รอคำตอบว่าใช่หรือไม่ วินัยรีบปล่อยมือหล่อนแล้วเดินหนีไปอย่างไม่สบอารมณ์นักและพีรดาก็เห็นแต่ไม่สนใจ ยังชะเง้อมองตามรถเก๋งสีขาวมุกที่เพิ่งขับออกไปอย่างใคร่รู้
“ครับ”คนเป็นน้องตอบ
“มาทำไมอีก พาใครมาด้วยหรือเปล่า” พีรดารีบถามทันที
“มาพายายเพี้ยงไปซื้อของขวัญแต่งงาน”
“มาคนเดียวหรือ แล้วทำไมไม่เข้าไปที่บ้าน เมื่อวานทำไมไม่มางานแต่ง”
“พี่รดาไปอยู่ตรงไหนมาละถึงไม่เห็นพี่พงศ์เมื่อคืน สร้อยคอที่เพี้ยงใส่อยู่นั่นไงพี่พงศ์ให้เมื่อคืน”
“ให้สร้อยแล้วยังจะมาพาไปซื้อของขวัญอีก ท่าทางพี่พงศ์รักมันยิ่งกว่าพวกเราที่เป็นญาติอีก” พีรดาว่าแล้วค้อนขวับ
“เอ้า จะมาค้อนผมทำไม ผมนายพีไม่ใช่พี่พงศ์ ว่าแต่พี่รดามาทำไมครับ”
“เปล่า แค่จะไปตลาดแต่รถเกเร เลยจะให้วินัยดูให้หน่อย ไปไหนเสียแล้วล่ะ” พีรดามองหาแต่ไม่เห็นวินัยอยู่ในอาคาร
“ออกไปข้างหน้ามั่งครับ ให้คนอื่นไปดูให้สิ หรือผมไปดูเองก็ได้”เขาอาสา แต่พี่สาวรีบปฏิเสธ
“ไม่ต้องพี่ออกไปตามเอง นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยมื้อเที่ยง”
“ผมไม่กลับไปกินครับ จะออกไปรับยายเพี้ยง บอกป้าด้วยว่าไม่ต้องรอ”
“ตามใจ” พีรดาว่าแล้วรีบเดินออกไปด้านนอก ตรงไปที่รถทันทีเพราะเรื่องรถเกเรเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ที่หล่อนแวะมาเพราะเห็นพีรพงศ์เดินไปขึ้นรถกับเพียงออ จึงแกล้งถามน้องชายว่าใช่เขาหรือไม่ก็เท่านั้น
ทันทีที่หล่อนจับประตูรถ มือคล้ามแดดก็วางทับแล้วกำมือหล่อนแน่น
“ไหนบอกว่ารถเสีย ทำไมไม่รอผมซ่อม”
“เอ่อ รถไม่ได้เสียแค่อยากแวะมาหาเธอเท่านั้นเอง” หล่อนหันไปสบตา วินัยถอยหลังไปสองสามก้าวเพราะกลัวคนจะผ่านมาเห็น ก่อนพูดเสียงเนิบ
“คุณไม่ได้แวะมาหาผม แต่แวะมาเพราะเห็นคุณพงศ์ ยังไงซะคุณก็ยังไม่ลืมคุณพงศ์ทั้งที่มีผมอยู่ทั้งคน”
“วินัยไม่ใช่อย่างนั้น ไม่เอานะอย่าคิดมากสิ ฉันแวะมาหาเธอจริงๆ”
“มาหาผมทำไม” วินัยถามเสียงกระด้าง แต่พีรดากลับตอบเสียงอ่อนหวาน
“มาถามว่าอยากกินอะไร เย็นนี้จะทำไปให้”
วินัยก้มลงไปพูดกระซิบข้างหู “อยากกินคุณ” แล้วรีบเดินกลับเข้าไปในอาคารสำนักงาน ทิ้งให้สาวใหญ่อย่างรดายืนบิดนิ้วเอียงอาย
ทั้งคู่ลักลอบมีความสัมพันธ์กันมานานพอแล้วหลังพีรดาผิดหวังจากพีรพงศ์ญาติผู้พี่ที่หลงรักมานาน หล่อนพยายามแสดงออกให้พีรพงศ์รู้และบอกตรงๆ เมื่อเขากลับมาเยี่ยมบ้านช่วงปิดเทอม พีรพงศ์ปฏิเสธความรักของหล่อนโดยบอกว่าเป็นญาติกันและเขาเห็นพีรดาเป็นน้องสาวแท้ๆ ไม่มีวันคิดเป็นอย่างอื่น แต่พีรดายังไม่ละความพยายาม ทั้งโทรศัพท์ไปพูดคุยและวนเวียนปรนนิบัติเมื่อเขากลับมาเยี่ยมบ้านช่วงปิดเทอม จนในที่สุดพีรพงศ์ก็เปิดตัวว่ามีคนรักเป็นผู้ชาย
แรกทีเดียวนั้นพีรดาคิดว่าเป็นข้ออ้างของเขามากกว่าจึงไม่เชื่อ ยังพยายามตื๊อให้พีรพงศ์ใจอ่อนยอมรับรัก แต่ทุกการกระทำนั้นเป็นความลับเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลของหล่อนกับเขาเท่านั้น แน่นอนว่าหากป้าสุภารู้จะต้องไม่พอใจและกีดกันแน่นอน แต่ถึงแม้เรื่องไม่ถึงหูป้าสุภาให้มากีดกัน พีรพงศ์ก็ทำเสียเองด้วยการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าแต่งงานจดทะเบียนกับโทนี่แฟนหนุ่มและขอสละสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูล
วันที่รู้เรื่องนี้พีรดาถึงกับเป็นลมหมดสติ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ต้องหาข้อแก้ตัวให้วุ่นวาย แต่สุดท้ายก็สรุปว่าคาดไม่ถึงและโกรธเคืองแทนป้าสุภา รายนั้นถึงขนาดเงียบงันไปหลายวัน เพราะการกระทำของพีรพงศ์กระทบทั้งครอบครัวและงาน ที่ต้องจัดระเบียบกันใหม่หลังจากปูทางให้เขากลับมาบริหาร สุภาต้องบริหารงานต่อเพื่อรอพีรวัสเรียนจบและมีความรับผิดชอบมากพอ
เพราะการรับมรดกและบริหารงานของตระกูล คือการดูแลเลี้ยงดูคนในครอบครัวจนตายจากกัน แม้มีครอบครัวรายได้ของตัวเอง ก็ยังได้รับเงินเดือนจากกงสีหรือกองมรดกไปตลอดชั่วลูกชั่วหลานหากไม่ทำผิดร้ายแรงจนถูกตัดออกจากกองมรดก เช่นกรณีพีรพงศ์ก็ยังได้เงินเดือนจากกงสีแม้เขาจะปฏิเสธแต่สุภาก็ยังเข้าบัญชีให้ทุกเดือนๆ ส่วนพีรวัสที่ทำงานแทนป้าสุภาก็จะได้เงินเดือนในตำแหน่งผู้บริหารนอกจากเงินเดือนจากกองมรดก
หลังรู้เรื่องพีรพงศ์จดทะเบียนสมรสกับโทนี่ พีรดาใช้ข้ออ้างไปตามน้องชายจากวงเหล้าของหนุ่มคนงานหลังเลิกงาน ไปนั่งเฝ้าพีรวัสและดื่มไปด้วยจนวินัยสงสัยและเอ่ยถามตรงๆ เมื่อมีโอกาสอยู่ตามลำพังตอนที่ได้รับการไหว้วานจากพีรวัสให้ขับรถไปส่งหล่อนที่บ้าน พีรดาพลั่งพรูทุกอย่างออกมาด้วยความเมามายและจบลงด้วยมีสัมพันธ์กับวินัยในรถที่แวะเข้าสวนปาล์มก่อนถึงบ้าน จากวันนั้นทั้งคู่ก็หาโอกาสพบเจอกันเป็นประจำ
สาวโสดวัยสามสิบห้ารีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที แน่นอนว่าต้องขับตามพีรพงศ์ไป อยากรู้ว่าเขาจะพาเพียงออไปซื้ออะไรและทำไมต้องหลบหน้าหล่อนด้วย พีรดาคิดว่าที่พีรพงศ์ไม่เข้าไปที่บ้านเพราะไม่อยากเจอหล่อนไม่ใช่ว่ากลัวป้าสุภาไล่ตะเพิดออกมาหากพาสามีหนุ่มเข้าไปด้วย
“ผู้ชายมันดีกว่าผู้หญิงตรงไหนกันนะ”