พีรพงศ์พยักพเยิดให้หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามรู้ว่าคนที่โทรตามให้มารับกำลังเดินมา เพียงออเหลียวไปมองก็พบว่าเขามาถึงตัวแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าขายาวๆ ของเขาจ้ำไวขนาดไหน พีรวัสมาถึงก็ลากเก้าอี้มานั่งโดยไม่รอให้ใครเชิญ พร้อมบอกเสียงดัง
“หิว ยายหมาเน่าสั่งอะไรมากิน สั่งเผื่อด้วย”
“สั่งเผื่อแล้วค่ะ” หล่อนหันมาบอก เมื่อเขาโทรมาถามว่าอยู่ที่ไหนจะมารับพีรพงศ์จึงบอกให้สั่งอาหารเผื่อไว้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาไวขนาดนี้ เหมือนกับว่าเขาอยู่แถวนี้ไม่ใช่มาจากสำนักงาน
“เออดี แล้วสั่งอะไรละ ไม่เอาที่เธอชอบนะ เอาที่ฉันชอบ”
“ค่า” เพียงออลากเสียงยาวจนพีรพงศ์อดขำไม่ได้ แต่พีรวัสกลับเคืองสะบัดหน้าใส่แล้วหันไปพูดกับพี่ชาย
“แฟนละครับ ไม่มาด้วยเหรอ”
“มา เข้าห้องน้ำ” พีรพงศ์บอกพร้อมทำสัญญาณให้รู้ว่าคนที่ถามถึงกำลังมา
“ยินดีด้วยครับสำหรับการแต่งงาน” โทนี่ส่งมือมาให้ทันทีที่มาถึงโต๊ะพร้อมพูดภาษาอังกฤษ พีรวัสรีบลุกขึ้นเพื่อจับมือแล้วเอ่ยขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน
“เหมาะสมกันดี ลูกสาว ลูกชาย” โทนี่ว่าต่อ
“น้องสาวน้องชาย” พีรพงศ์รีบแก้ให้
“อ๋อ ขอโทษครับ น้องสาวน้องชาย”
เพียงออยิ้มขันและหัวเราะไปกับทั้งคู่ แต่พีรวัสกลับทำหน้าเครียดเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่ลึกๆ จนสิ้นสุดมื้ออาหารกลางวันพีรพงศ์ก็ยังไม่ปล่อยให้เพียงออกลับไป มิหนำซ้ำยังลากน้องชายไปเป็นไกด์นำเที่ยวอีกด้วย
“งานกองเท่าบ้านนะพี่พงศ์” พีรวัสบ่นตลอดทางแต่ก็ยังทำหน้าที่เจ้าถิ่นพานักท่องเที่ยวอย่างโทนี่ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในละแวกบ้านอย่างดี โดยมีเพียงออช่วยเป็นตากล้องถ่ายรูปให้ บางทีพีรพงศ์ก็ดึงหล่อนไปถ่ายรูปด้วยทำให้พีรวัสต้องรับหน้าที่ช่างภาพอีกหนึ่งตำแหน่งและรอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็จางหายไปเรื่อยๆ จนแยกย้ายกันกลับตอนใกล้พลบค่ำ
“กินข้าวกันมาหรือยัง” ป้าสุภาถามขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินเข้าบ้านทางประตูข้างใกล้โรงรถผ่านห้องกินข้าวที่เป็นโถงโล่งใกล้บันได
“ยังไม่กินครับ แต่ไม่หิว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ ร้อนเหนียวตัว”
“พี่พงศ์ซื้ออะไรให้ ขอดูหน่อยสิเพี้ยง” พีรดารั้งไว้ เพียงออจึงเงยหน้ามองพีรวัสเหมือนจะถามว่าเอายังไงดี แต่คำตอบเขาคือเงียบแล้วเดินต่อ เพียงออจึงเดินไปที่โต๊ะอาหารเพราะคิดว่าสุภาอาจอยากรู้ด้วยก็ได้
“กินข้าวไหมเรา” สุภาถาม
“อิ่มแล้วค่ะ ถึงไม่กินข้าวเย็นแต่กินของจุกจิกตอนพาพี่พงศ์เดินตลาดจนอิ่มเลยค่ะ” เพียงออบอกแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลงใกล้สุภาซึ่งเป็นที่ประจำของพีรวัส เพราะไม่ได้ร่วมวงกินข้าวจึงไม่จำเป็นต้องนั่งที่ประจำของตนซึ่งเป็นเก้าอี้ตัวถัดไป
“ตาพงศ์ไปเดินตลาดหรือ ซื้ออะไรกลับไปบ้างละ อยู่ที่โน่นคงหาของบ้านเรากินยากนะ”
“สมัยนี้ของกินของใช้ไม่ว่าจากประเทศไหนๆ เขาซื้อกันทางออนไลน์ได้ทั้งนั้นค่ะป้า คงไม่ถึงกับอดอยากหรอก ไหนพี่พงศ์ให้อะไร” พีรดาว่า
“ชุดนอนธรรมดาๆ ค่ะ ของเพี้ยงกับของคุณพี” หล่อนส่งถุงกระดาษที่มีชื่อสินค้าติดอยู่ให้แต่พีรดาไม่รับ เหมือนความอยากรู้อยากเห็นหมดไปเสียอย่างนั้น
“อ๋อ แล้วไป นึกว่าจะให้เครื่องประดับสวยๆ แพงๆ อีก” พีรดาว่า จ้องสร้อยที่คออีกฝ่าย
“ก็ให้สร้อยแพงแล้วจะให้อะไรอีก ตาพงศ์ใช่จะร่ำรวยมาจากไหน เงินเดือนพนักงานบริษัททั้งคู่” สุภาว่า
“ใครว่าคะ แฟนพี่พงศ์ทำงานดีออก บริษัทน้ำมันหรืออะไรนี่แหละ เงินเดือนไม่ใช่น้อยๆ”
“รู้ดีเชียวนะเรา เห็นไม่ค่อยสุงสิงถามไถ่เรื่องพี่เขาเท่าไหร่” สุภาพูด
“ก็รู้มาจากวงเหล้าของนายพีแหละป้า คิดดูนะคะถ้าไม่รวยจริงคงไม่ซื้อสร้อยเพชรให้ยายเพี้ยงหรอก กะอีแค่เด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยง”
“รดา! ถึงแม้เพี้ยงจะเป็นเด็กกำพร้า แต่ป้าก็รักเท่าหลานคนอื่นๆ ยิ่งตอนนี้เพี้ยงเป็นเมียนายพีก็เท่ากับเป็นหลานสะใภ้เป็นคนในครอบครัวของเรา อย่าให้ป้าได้ยินเราพูดทำนองนี้อีกนะ ป้าไม่ชอบ”
“ขอโทษค่ะป้า” พีรดายกมือไหว้สุภาแต่เหลือบมองเพียงออทางหางตาจนคนถูกมองรู้สึกถึงความขึ้งโกรธครั้งนี้
เพียงออคิดว่าพีรดาโกรธตนเพราะเป็นสาเหตุให้ถูกตำหนินั่นเองนับวันความรู้สึกที่พีรดาแสดงออกยิ่งยากจะอธิบาย แรกที่เข้ามาอยู่ใหม่ๆ พีรดาก็ให้ความสนิทสนมเอ็นดูหล่อนไม่ต่างจากพีรพงศ์ แต่พอหล่อนสนิทสนมกับพีรพงศ์มากขึ้น กลับรู้สึกถึงความห่างเหินที่เข้ามากางกั้นความสัมพันธ์ของตนกับพีรดา และรู้สึกเหมือนห่างจนสุดทางเมื่อพีรพงศ์แต่งงานไปกับโทนี่ ใช่ว่าหล่อนจะดูไม่ออกว่าพีรดามีใจให้พีรพงศ์แม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่พีรพงศ์ไม่เคยมีใจตอบ อาจเป็นเพราะเขารู้ใจตนเองว่ามีรสนิยมแบบไหนก็เป็นได้
“ยายหมาเน่าขึ้นมาเสียที” เสียงตะโกนเร่งของพีรวัสทำเอาทั้งโต๊ะสะดุ้งสะเทือนไปหมด ต่างหันมองหน้ากันแล้วสุภาก็อดอมยิ้มไม่ได้เมื่อหันมาพูดกับเพียงออเสียงเนิบๆ
“ไปลูกไป พี่พีคงอยากได้อะไร ไปรับใช้เขาหน่อยนะ”
“ค่ะ คุณท่าน” หล่อนรับคำด้วยความเต็มใจ แล้วลุกออกจากโต๊ะกินข้าวโดยรู้สึกว่าพีรดายังจิกตามองอยู่และคงยิ้มขันเมื่อหล่อนแปรสภาพเป็นทาสของน้องชายตนเองไปโดยปริยาย
ไม่ต้องมาเยาะเย้ยค่ะ เพราะเพี้ยงเต็มใจ