พีรวัสที่ขับรถออกมาทันทีหลังจากไล่เพียงออลงไปเริ่มลังเลว่าจะกลับไปรับหล่อนหรือไม่เพราะฝนที่กระหน่ำเทลงมาไม่ขาดสายกับฟ้าคะนองน่ากลัวนั้น นอกจากสร้างความสะพรึงให้เขาซึ่งเป็นชายอกสามศอกแล้ว อาจทำให้คนถูกไล่ลงระหว่างทางหวาดกลัวไม่แพ้กัน ยิ่งเจ้าหมาเน่าพูดออกมาเองว่ากลัวยิ่งทำให้ห่วงใย
เขาไม่ได้รักเพียงออ แต่ห่วงในฐานะภรรยาคนหนึ่งก็เท่านั้น
พีรวัสกำลังยกเหตุผลมาอ้างหักล้างความทระนงของตน แต่ระหว่างตริตรองนั้นเสียงแตรรถดังยาวก็ช่วยให้เขาตัดสินใจได้เร็วขึ้น ชายหนุ่มรีบเลี้ยวรถกลับไปทางเดิมทันที
นายหญิงของบ้านวีระวัทน์สะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันขวับไปมอง รถคันที่ส่งเสียงดังไม่คุ้นตาเอาเสียเลย แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่รถพีรดาให้ต้องวิ่งหนีอีกรอบ หล่อนปาดน้ำฝนบนใบหน้าแล้วหรี่ตามองเมื่อคนขับค่อยๆ ลดกระจกลง
“คุณคือภรรยานายพีรวัสหรือเปล่า” คนขับซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่หน้าตาดีไม่ดูดุเข้มเหมือนคนงานในสวนในไร่ถามเสียงเรียบ
“ใช่ค่ะ” เพียงออรีบตอบเสียงยินดี อย่างน้อยถ้าเขารู้ว่าหล่อนเป็นใครก็คงอาศัยให้ไปส่งที่บ้านได้ไม่ยาก
“มาทำอะไรกลางฝนแบบนี้ ผมไปส่งที่บ้านไหม”
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนพยักหน้ารับน้ำใจ รีบขยับไปเปิดประตูรถแต่ชะงักเล็กน้อยเมื่อคนขับรถแนะนำตัวเอง
“ผมเด่นชัย ทรงอินทร์ลูกกำนันทรงยศ คนแถวนี้รู้จักดีไม่ต้องกลัวจะหลอกพาไปขายนะครับ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีเพราะเห็นคนที่กำลังจะช่วยชะงักมือเล็กน้อย
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือฉันเปียกขนาดนี้กลัวทำเบาะรถเสียหาย ขอนั่งกระบะดีกว่านะคะ แล้วอีกอย่างไม่ต้องไปส่งที่บ้านหรอกค่ะ แค่ส่งที่สำนักงานก็พอ” เพียงออยิ้มแหยๆ แล้วรีบปิดประตูรถเพื่อปีนขึ้นกระบะรถอย่างคล่องแคล่ว ก่อนตะโกนบอกว่าพร้อมแล้วเมื่อนั่งลง หล่อนกลัวว่าหากลูกชายกำนันทรงยศคนนี้ไปส่งที่บ้านแล้วสุภาจะไม่พอใจ
“ขอบคุณมากค่ะ” เพียงออไหว้ขอบคุณหลังจากเด่นชัยจอดรถส่งที่หน้าอาคาร
“วันนี้ฝนฟ้าไม่เป็นใจ ไว้วันหลังผมจะมาใหม่ อยากคุยกับนายพีรวัสเหมือนกัน ข่าวว่านั่งบริหารเต็มตัวแล้วนี่”
“วันนี้คุณพีไม่อยู่ค่ะ” หล่อนรีบบอกจนทำให้อีกฝ่ายยิ้มขัน
“วันหลังครับ วันนี้ผมก็มีธุระต้องทำอีกมาก ไว้เจอกันครับ เอ่อคุณชื่ออะไรนะ” เด่นชัยทำท่าคิด
“เพียงออค่ะ”
“ครับคุณเพียงออ ชื่อน่ารักมากครับ รีบเข้าไปเถอะครับฝนเทลงมาอีกแล้ว” เด่นชัยยิ้มกว้าง แต่เพียงออไม่ได้ชื่นชอบคำชมนี้และยังไม่อยากให้เขามาพบพีรวัสด้วย เพราะสองครอบครัวมีเรื่องบาดหมางกันทั้งทางธุรกิจและเรื่องส่วนตัว
หญิงสาวเนื้อตัวเปียกปอนวิ่งเข้าสำนักงานที่ปิดเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ เป็นไปได้ว่าต่างออกไปรับประทานอาหารกลางวันแล้วติดฝนทำให้ยังกลับมาทำงานไม่ได้ และโรงอาหารก็อยู่ไม่ไกลสำนักงานจึงไม่ได้ล็อกกุญแจไว้
เพียงออคิดว่าเป็นการดีที่ไม่มีคนอยู่ ตนจะได้ไม่ตกเป็นเป้าสายตาและถูกตั้งคำถามมากมาย หล่อนรีบเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้วล็อกประตู ก่อนเข้าไปในห้องน้ำที่ไม่แน่ใจว่าพอจะมีผ้าขนหนูให้ได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวหรือไม่ เพราะลำพังตัวเองไม่เคยมีชุดสำรองไว้ในกระเป๋าเลย
เพียงออดึงกระดาษทิชชูมาซับใบหน้าเพราะไม่มีผ้าขนหนูตามคาด ก่อนถอดชุดเปียกโชกออกมาสะบัดแล้วบิดน้ำออกให้มากที่สุดแล้วสวมใส่เข้าไปเหมือนเดิมอีกครั้ง หล่อนคงต้องอยู่ในชุดชื้นๆ เช่นนี้ต่อไปจนมีใครสักคนกลับมาพร้อมรถสักคัน จะได้ยืมขับกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน เวลานี้ความหนาวทำลายความหิวลงไปหมดแล้ว หญิงสาวซุกตัวลงนั่งตรงซอกประตูที่คิดว่าอุ่นสุดในเวลานี้
พีรดาตบแตรรถอย่างขัดใจเมื่อตามเพียงออไม่ทันซ้ำเด็กกำพร้าที่ป้าสุภาเอามาเลี้ยงยังวิ่งลัดเลาะไปตามแนวต้นปาล์มแล้วหายไปในความสลัวของเม็ดฝนที่เทลงมาไม่หยุดหย่อน
หลังจากตบหน้าแล้วพูดตัดสัมพันธ์กับวินัยแล้วหล่อนก็ขับรถออกมา เห็นเพียงออยืนงงๆ อยู่ท่ามกลางสายฝนตามลำพัง ความขุ่นเคืองที่ยังไม่หมดไปทำให้หล่อนไม่ลังเลที่จะขับรถพุ่งชนทั้งๆ ที่เพียงออเปลี่ยนสถานะจากเด็กในบ้านมาเป็นน้องสะใภ้แล้ว แต่เพียงออก็หนีไปได้
พีรดาพยายามจะกลับรถอีกครั้งเมื่อคิดจะออกไปจากสวนปาล์มแห่งนี้ แต่ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ดินอ่อนตัวแม้จะมีต้นหญ้าสั้นๆ ปกคลุมก็ไม่อาจพยุงดินไว้ได้ ทำให้ล้อรถจมลงดินมากขึ้นเมื่อพยายามเร่งเครื่องยนต์
“บ้าจริง” หล่อนตบพวงมาลัยจนเสียงแตรดังลั่นอีกครั้ง แล้วทิ้งตัวลงพิงเบาะอย่างอ่อนล้า
“เพราะแกคนเดียว ทำให้ฉันต้องมาติดฝนอยู่ในสวนปาล์ม กลับไปได้เมื่อไหร่จะได้เห็นดีกันแน่ นังเพี้ยง”
“พี่รดา”
พีรดาหันไปตามเสียงแว่วที่ได้ยิน จำเสียงน้องชายได้ดีจึงบีบแตรอีกครั้งแล้วรีบดับเครื่องยนต์ก่อนลงจากรถเพื่อเดินไปหาน้องชาย แต่พื้นเปียกแฉะและมีน้ำขังทำให้ลื่นล้มทันทีที่ก้าวเดิน
“ว้าย! เห้..เอ๊ย! เพราะมันสองคนทีเดียว ซวยจริงๆ” พีรดาสบถเสียงดังพลางพยายามจะลุกขึ้นแต่ลื่นแล้วลื่นอีกยิ่งทำให้โมโหหนักมากขึ้น
“ใจเย็นๆ ส่งมือมาครับ” พีรวัสรีบเดินมาส่งมือให้ ช่วยรั้งพี่สาวลุกขึ้นยืน
“เข้ามาทำไมลึกขนาดนี้” ถ้าเขาไม่ตัดสินใจลงจากรถแล้ววิ่งมาตามเสียงแตรรถก็คงไม่เห็นพี่สาว แต่คำตอบและน้ำเสียงของพีรดาทำเอาสะดุ้งหัวใจ
“ไล่ชนนังเพี้ยงนะสิ มันล่อพี่เข้ามาจนติดหล่ม อีเด็กบ้า”
“อะไรนะ ไล่ชนเพี้ยงเหรอ! แล้วเพี้ยงเป็นยังไงบ้าง เพี้ยงอยู่ไหนครับ” เขาถามเสียงร้อนรน ตกใจกับคำพูดพี่สาวซึ่งคนพูดยังเกรี้ยวกราดใส่เขาอีกครั้ง
“มันหนีไปได้นะสิ นี่ตาพีทำเหมือนห่วงมันนะเรา”
“อ้าว! นั่นเมียผมนะครับพี่รดา”
“เมียที่เป็นชู้กับคนงานนะหรือ เรากล้ายกย่องเป็นเมีย กล้าซ้ำรอยไอ้วินัยหรือยังไง” พีรดาคาดคั้น จ้องตาแข็ง
“ไปกลับบ้าน” เขาตัดบทด้วยการชวนกลับบ้านแล้วดึงให้เดินตาม พีรดาเดินตามก็จริงแต่ยังก่นด่าวินัยกับเพียงออไม่หยุดปากจนพีรวัสต้องแย้งขึ้น
“พี่รดาเอาอะไรมาคิดว่าสองคนนั้นเป็นชู้กัน ไอ้วินัยมันรักพี่จะตาย”
“ตาพี!”
“ทำไมครับ นี่พี่รดายังคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องพี่กับวินัยหรือ เค้ารู้กันทั่วแล้วแค่ไม่อยากยุ่งเพราะเห็นว่าเป็นความสุขของพี่รดา เหมือนการที่ผมยอมแต่งงานกับเพี้ยงก็เพื่อความสุขของป้า พี่อย่ารังเกียจ อย่ารังแกเพี้ยงเลยนะ ยังไงก็เป็นคนที่ป้าสุภาเลือกให้ผม” เขายกสุภามาอ้างโดยไม่เอ่ยถึงความรู้สึกตนเองแม้แต่น้อย
“ไม่อยากขัดใจป้าหรือว่าเรารักมันกันแน่ นังเด็กนั่นมันมีอะไรดีนักทำไมใครๆ ก็รักมัน ทำไมไม่มีใครรักพี่ พี่ไม่ดีตรงไหน พี่ไม่ดียังไง”พีรดากรีดร้องแล้วหมดสติไปทันที
“พี่รดา” พีรวัสรีบรับร่างพี่สาวก่อนจะล้มกระแทกพื้น แล้วอุ้มเดินลุยน้ำที่ขังสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปที่รถอย่างทุลักทุเล