เจ้าสาวแสนสวยยืนหน้ากระจกสำรวจความงดงามของตนอีกครั้ง สายตาชื่นชมไล่มองแทบทุกองคาพยพ เพียงออไม่ใช่คนหลงตัวเองแต่วันนี้อยากเอ่ยปากชมความสวยงามของตัวเองเหลือเกิน ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องประดับล้วนส่งให้เป็นดาวเด่นของงาน ก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะหล่อนเป็นเจ้าสาวต้องสวยที่สุดในงาน แต่ทุกองค์ประกอบข้างต้นทำให้ดูสวยขึ้นผิดหูผิดตาจนอยากขอบคุณตนเองที่ยอมอดทนให้คุณท่านจับไปเข้าคอร์ดเจ้าสาว ขอบคุณพีรดาที่เลือกร้านตัดเสื้อแล้วพาไปเลือกชุด แม้จะเป็นแค่ชุดที่เช่าเขามาเพราะมีโอกาสใส่ซ้ำยากนักในชีวิตประจำวัน อีกอย่างเป็นการประหยัดเงินคุณท่านที่เป็นผู้ปกครองและเจ้าภาพในครั้งนี้ไปโข และที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคงเป็นเครื่องประดับเพชรแท้สามชิ้นที่ทำให้หล่อนดูเป็นเจ้าสาวที่แพงมากๆ
ชิ้นแรกคือแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานที่เป็นวงเดียวกันเพื่อความประหยัดเพราะเจ้าบ่าวยังกินเงินกงสีเหมือนสมาชิกทุกคนในบ้านเป็นแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวรูปหัวใจซึ่งไม่ใช่ของเก่าแก่แต่เป็นแหวนที่ป้าสุภาบังคับให้พีรวัสพาหล่อนไปเลือกซื้อ วันนั้นว่าที่เจ้าบ่าวสุดหล่อไปยืนหน้างอหน้าตู้โชว์แหวนจนพนักงานแอบถามขำๆ ว่าถูกจับแต่งงานหรือคะ แน่นอนไม่ใช่คำถามจากปากเดียวแต่เกือบทุกคนที่ไปพบเจอจะต้องมีคำถามเช่นนี้ บางคนถามตรงๆ บางคนไม่กล้าถามแต่มองสงสัยซึ่งหล่อนก็ปล่อยให้เขาเป็นคนตอบคำถามเอง
เพราะหน้าตาเขาความรู้สึกเขาไม่เกี่ยวกับหล่อนสักนิด
ชิ้นที่สองคือสร้อยข้อมือเพชรจากสุภา แม้จะเส้นเล็กแต่เพชรน้ำดีแวววาวจับแสงไฟจนคนเอ่ยเย้าว่าล่ำซำก็งานนี้แหละไม่แพ้สร้อยพร้อมจี้เพชรที่พีรพงศ์มอบให้และสวมให้กับมือซึ่งถือเป็นเครื่องประดับล้ำค่าชิ้นที่สาม เพียงออยอมรับว่าดีใจมากที่เห็นพี่ชายใหญ่ของบ้านกลับมาร่วมงานแต่งงาน แม้จะมาเพียงแค่เอาสร้อยของขวัญมาให้ตนก็ตาม
หล่อนรู้สึกถูกชะตาและผูกพันกับพีรพงศ์มาตั้งแต่เล็กๆ เรียกได้ว่านอกจากสุภาก็มีพีรพงศ์คนเดียวที่ยอมเล่นกับยายหมาเน่าอย่างหล่อน ส่วนคนเรียกนั้นแทบจะไม่ลงรอย ไม่เข้าใกล้และชอบเดินหนีตลอดเวลา ซึ่งหล่อนก็เหมือนโรคจิตกลายๆ ที่ชอบวิ่งตามไปกอดไปพันแข้งพันขาจนพีรวัสรำคาญเคยผลักหล่อนตกคันนาจนเกือบจมน้ำในนาข้าวตายมาแล้ว ดีที่เขานั่นแหละลงไปช่วยขึ้นมาได้
พีรวัสย้ำเสมอว่าห้ามบอกใครในเรื่องนี้ เพราะหล่อนเป็นคนทำให้เขาโมโหก่อนจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งหล่อนก็เชื่อฟังและไม่เคยบอกใครเลยแม้กระทั่งกลับมาเป็นหวัดและจับไข้ถูกสุภาตีซ้ำเพราะไปเล่นน้ำมาจนป่วยก็ยังไม่ปริปากบอก
เพี้ยงรักษาคำพูดเสมอนะคะทูนหัว
“ดีใจอะไรขนาดนั้น”
รอยยิ้มบนใบหน้าสลายลงทันทีพร้อมภาพเจ้าบ่าวปรากฏร่วมในบานกระจกบวกคำพูดดูแคลน และการจับจ้องที่คอของหล่อน
“ก็ของผู้ใหญ่ให้” เพียงออตอบอ้อมแอ้ม ไม่อยากใช้อารมณ์กับคนเมา เพราะสีหน้าและอาการพีรวัสฟ้องเขาจับมือหล่อนยกขึ้นมาแล้วถาม
“แล้วที่ผัวให้นี่ไม่ชอบหรือไง เลือกมาเองแท้ๆ” จับแหวนที่นิ้วนางซ้ายคลึงไปมา เพียงออดึงมือกลับแต่ถูกบีบแน่นขึ้นเช่นเดียวกับดวงตาจ้องนิ่งคาดคั้นเอาคำตอบ
“ชอบค่ะ”
“ชอบแต่ไม่เห็นทำท่าดีใจเหมือนตอนพี่พงศ์ให้สร้อย หรือคิดว่ามันเทียบกันไม่ได้ใช่มั้ยละ ใช่สิเงินเดือนฉันไม่เยอะเหมือนพี่พงศ์นี่ ไว้ให้ฉันได้เป็นผู้จัดการมรดกของบ้านนี้ก่อนเถอะ จะซื้อเพชรเม็ดเท่าหัวหมาให้ใส่เลย เอามั้ย”
“ไม่เอาค่ะ กลัวนิ้วหัก”
“เออ ของผัวนะไม่มีอะไรดีเลย สู้พี่พงศ์ไม่ได้สักอย่าง แต่อย่าลืมจำใส่กะโหลกเอาไว้นะว่าพี่พงศ์นะเขาเลือกมีผัวไม่ได้เลือกมีเมีย เลิกรอเสียที อีกอย่างเธอก็แต่งงานกับฉันแล้วต้องเป็นเมียฉันคนเดียว ยายหมาเน่า” เขาว่าพลางเขย่าจนเพียงออหัวสั่นหัวคลอน แล้วดันให้ถอยหลังไปที่เตียงผลักจนหงายหลังลงไป ดีที่เบาะหนาและนุ่มพอใช้หล่อนจึงไม่เจ็บตัว
“ยายหมาเน่าต้องเป็นเมียฉันคนเดียว” พีรวัสโถมตามลงไปแต่สะดุดกับคำพูดของตนเองจนรีบลุกขึ้นนั่งจับให้เพียงออนอนคว่ำแล้วจัดการรูดซิบชุดเจ้าสาวให้
“ไปอาบน้ำไป๊ ยายหมาเน่า”
อะไรวะ เพียงอออยากตะโกนคำนี้ให้ดังคับห้องแล้วค้อนตรงๆ ก่อนลุกออกจากเตียงวิวาห์ของบ่าวสาวในคืนเข้าหอ ไม่ใช่ว่าหล่อนอยากมีอะไรกับเขาเสียทันทีทันใด แต่ในเมื่อมันเป็นคืนแต่งงานเข้าหอคืนแรก ไม่คิดจะทำอะไรๆ บ้างหรือไง
หรือเขาอยากให้เราอาบน้ำให้หายเหนอะหนะเพราะรับแขกกันมาทั้งวันแล้ว ใช่เลยต้องเป็นอย่างนั้น
เมื่อคิดเช่นนั้นเพียงออก็ลอบยิ้ม แก้มร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนหอบชุดราตรีแสนสวยไปถอดกองในห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำทันที
เพียงออคิดว่าตนเองอาบน้ำเร็วที่สุดแล้วแต่พออกมากลับพบว่าพีรวัสเจ้าบ่าวสุดนอนหลับคาเตียงไปแล้ว
“เฮ้อ!”
เจ้าสาวป้ายแดงทำได้แค่ถอนหายใจ แล้วจัดการเปลื้องเสื้อผ้า เช็ดตัวให้สบายเนื้อสบายตัวก่อนจะสวมใส่ชุดนอนเนื้อนุ่มให้เขา แม้จะเป็นสาวพรหมจรรย์แต่หล่อนไม่ได้เขินอายยามจับต้องและเห็นเนื้อตัวเปล่าเปลือยของพีรวัส เพราะตระหนักดีว่าเขาคือสามีถูกต้องตามกฎหมายและเป็นผู้ชายที่หล่อนแต่งงานด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่การถูกบังคับหรือขอร้องจากใคร
จริงอยู่ที่สุภาขอร้องให้แต่งงานกับหลานชายด้วยเหตุผลที่ต่างรู้กันดี แต่หล่อนไม่ได้ฝืนใจหรือจำใจสักเพียงน้อย หล่อนยินดีและเต็มใจเพราะเขาคือคนที่หลงรักมานาน แม้ภายนอกคนจะเห็นว่าหล่อนถูกพีรวัสรังแกกลั่นแกล้งมาแต่เล็กแต่น้อย แต่กลับเพิ่มความผูกพันหาใช่ความบาดหมางให้เมินเฉย จะเรียกง่ายๆ ตรงๆ ว่าหล่อนรักเขาก็ย่อมได้
ส่วนตัวเขาอาจจะมีเยื่อใยบ้างไม่ใช่โกรธเกลียดหรือชิงชัง ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมแต่งงานอย่างง่ายดายเช่นนี้แม้ชอบทำหน้าง้ำงอเหมือนไม่เต็มใจอยู่ตลอดเวลาก็ตามที
เพียงออนำชุดเจ้าบ่าวของพีรวัสไปใส่ในตะกร้าผ้ารอซักในห้องน้ำ แล้วกลับมาขึ้นเตียงนอนตะแคงมองเจ้าบ่าวที่เมาหมดสภาพของตนเอง สำรวจดวงหน้าคมเข้มด้วยคิ้วหนาเส้นพอดี ขนตายาวงอนจนสาวๆ อิจฉาและตายาวใหญ่ จมูกโด่งเป็นสัน ปากบางจิ้มลิ้มสีแดงเรื่อเพราะพีรวัสไม่แตะต้องบุหรี่เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่เช่นเดียวกับพีรพงศ์และคนงานรุ่นหนุ่มๆ ของที่นี่ เสียอย่างเดียวที่เขามักพาตัวเองไปร่วมวงสนทนาหลังเลิกงาน นั่นหมายถึงมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาร่วมผสมโรงด้วยร้อนถึงป้าสุภาต้องบ่นว่าทุกวันๆ จนเบื่อที่จะบ่นแล้วเลิกบ่นไปเอง
แต่ยังดีที่มีพีรดาพี่สาวแท้ๆ ของพีรวัสคอยบ่นแทนทำให้เขาเพลาการดื่มลงมาบ้าง แม้เป็นแค่ช่วงสั้นๆ หลังถูกบ่นใหม่ๆ แล้วกลับไปดื่มอีกครั้งจนพีรดาก็เลิกใส่ใจเขาไปอีกคน แต่พีรดายังแวะเวียนไปที่วงเหล้าของน้องชายเสมอ มีคนแอบกระซิบว่าพีรดาไม่ได้ไปคอยตักเตือนพีรวัสแต่ไปยั่วยวนคนงานผู้ชายโดยเฉพาะวินัยคนงานหนุ่มหุ่นล่ำหน้าตาพอใช้ดูสะอาดหมดจดผิดกับคนใช้แรงงานอื่นๆ ที่มักละเลยตัวเองปล่อยให้แดดเผาจนผิวไหม้เกรียม
พีรดาเป็นสาวโสดแม้อายุสามสิบห้าแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงานออกเรือน ไม่ใช่ไม่มีคนมาจีบหรือสนใจใยดี แต่เพราะพีรดาคบคนยาก ไม่สุงสิงกับใครและอยู่แต่ก้นครัวดูแลบ้านเมื่อป้าสุภาต้องออกไปทำงานดูแลผลประโยชน์ของครอบครัว จนพีรวัสเรียนจบก็กลับมาช่วยงานที่บ้าน ซึ่งเป็นเศรษฐีที่นาทั้งทำนาเองและให้คนเช่านาแล้วรับซื้อข้าวเปลือกมาสีบรรจุถุงขายเองตามงานต่างๆ รวมถึงขายส่งตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ
ระยะหลังๆ ก็เริ่มขายออนไลน์โดยพีรวัสช่วยดูแลในส่วนนี้รวมถึงเพิ่มมูลค่าการตลาดด้วยการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวและพืชไร่ ผลไม้ในสวนและปาล์มน้ำมัน เรียกว่าต่อยอดและอนุลักษณ์อาชีพเก่าแก่ของบรรพบุรุษให้ชนรุ่นหลังสืบไป
เพราะครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรรวมถึงการเลี้ยงแพะเนื้อและแพะนม เลี้ยงโคนมและโคเนื้ออย่างเป็นล่ำเป็นสัน คนงานส่วนใหญ่จึงเป็นผู้ใช้แรงงานหุ่นล่ำผิวเกรียมแดด แต่ดึงดูดใจสาวๆ ได้พอสมควร ครั้นพีรดาชอบไปสุงสิงด้วยจึงตกเป็นขี้ปากว่าไปให้ท่าคนงานแต่เพียงออคิดว่าพีรดาไปที่นั่นเพื่อตามน้องชายตัวดีให้กลับบ้านมากินมื้อค่ำพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวมากกว่า แม้ทุกครั้งที่ไปตามจะมีปิ่นโตกับข้าวติดไม้ติดมือไปด้วยก็ตามที
พีรวัสขยับตัวรั้งผ้าห่มที่หล่อนห่มให้แค่เอวไปปิดถึงทรวงอก
“หนาวหรือคะ เพี้ยงกอดนะ” แม้รู้ว่าพูดไปเขาก็ไม่รับรู้ แต่หล่อนก็พูดถือเป็นการขออนุญาตแล้วโอบกอดเต็มวงแขน ใบหน้ารูปไข่เครื่องหน้าจิ้มลิ้มด้วยปากกระจับเล็กๆ จมูกโด่งรั้นและดวงตากลมๆ อิงไปกับอกหนา ก่อนซุกเข้าใต้รักแร้ตอนที่นอนหลับโดยไม่รู้ตัว
พีรวัสลืมตาขึ้นมาในยามดึก กระชับวงแขนโอบกอดตอบแล้วหลับลงไปอีกครั้ง