ร้านอาหารริมแม่น้ำที่เพียงออเสนอ จัดเป็นสวนอาหารขนาดใหญ่มีแพยื่นไปในแม่น้ำสำหรับนั่งรับประทานอาหาร มีโต๊ะริมตลิ่ง และมีซุ้มเพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึงมีห้องอาหารติดเครื่องปรับอากาศสำหรับคนที่ไม่ชอบนั่งรับลมธรรมชาติ สุภาเลือกนั่งโต๊ะริมน้ำเมื่อพนักงานออกมาต้อนรับและถามความต้องการ เมื่อทราบความต้องการของลูกค้าพนักงานคนดังกล่าวก็เดินนำ
“คุณพี” เพียงออดึงมือเจ้าของชื่อที่เดินขนาบข้างสุภาคนละข้างกับตน เขารีบหันมามองมือเจ้าหล่อนทันที
“ดูนั่นสิคะ” เพียงออรีบบอกก่อนจะถูกเขาว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง พีรวัสกับสุภาหันไปพร้อมกัน แล้วคนเป็นป้าก็พูดขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก
“รดาใช่ไหม แล้วนั่นผู้ชายที่ไหน”
“เดชดวงลูกกำนันทรงยศ” พีรวัสพูดรอดไรฟัน แล้วรีบเดินไปที่โต๊ะซึ่งพี่สาวกำลังชนแก้วกับเดชดวงทันที เขารีบคว้าแก้วเหล้าในมือพีรดาก่อนหล่อนจะเทเข้าปาก
“พี่รดากลับบ้าน”
“นายพีอะไรกัน ปล่อยพี่” พีรดายื้อแก้วในมือแต่น้องชายไม่ยอมขืนแรงไว้ทั้งยังออกแรงดึงเพิ่มขึ้นหล่อนจึงยอมปล่อยแก้วให้เพราะกลัวจะแตกคามือและกลัวตกเป็นเป้าสายตา แม้จะนั่งในซุ้มที่มีความเป็นส่วนตัวพอสมควรแต่ไม่ได้มีรั้วรอบขอบชิดให้บดบังสายตา ทำให้พีรวัสมาปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึง
“กลับบ้านกับผม” พีรวัสยืนยันคำเดิม
“อะไรกันนายพีผมไม่ใช่คนอื่นคนไกล ผมเดชดวงลูกกำนันทรงยศไงจำไม่ได้หรือ” เดชดวงรีบแนะนำตัว
“จำได้ แต่พี่รดาเมาแล้ว ไม่สมควรนั่งกินเหล้ากับคนอื่นนอกจากคนในครอบครัว ขอตัวนะครับ” เขาวางแก้วเหล้าลงแล้วหยิบกระเป๋าสะพายของพีรดาที่วางบนเก้าอี้ใกล้ตัวมาถือ เพียงออรีบเข้ามารับไปถือทันที
ส่วนสุภานั้นยืนมองตรงทางเดินนิ่งๆ ไม่ได้มองหลานๆ แต่มองเดชดวงแล้วนึกไปถึงบุพการี กำนันทรงยศผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ ตำแหน่งกำนันที่ได้มาล้วนแต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาจากรุ่นพ่อที่เป็นเศรษฐีที่นานายทุนเงินกู้และธุรกิจมืด มีเสียงเล่าลือว่าหากใครขัดผลประโยชน์ครอบครัวนี้จะถูกอุ้มหายไปอย่างไร้ร่องรอยและสุภาเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
“อะไรกันนี่ รดาแค่กินเหล้ากับเพื่อน ทำไมต้องบังคับให้กลับบ้านด้วย บ้านนี้นะมันไม่มีความสุขสำหรับรดาเลย” พีรดาพูดใส่หน้าสุภาเมื่อถูกน้องชายบังคับให้เดิน
“พี่รดาหยุดพูดเพ้อเจ้อ แล้วนี่เอารถมาหรือเปล่า รถจอดตรงไหนจำได้ไหม” พีรวัสดุใส่
“จอดตรงนั้น” พีรดาชี้ไปทันที
“หรือว่าจอดตรงนี้” ชี้ไปอีกทาง แล้วเริ่มชี้วนไปทั่ว
“หรือแถวนั้น โอ๊ย ใครจะจำได้ละ”
“โอเคๆ สรุปว่าจำไม่ได้” เขารีบพาหล่อนไปที่รถสุภา เปิดประตูแล้วดันร่างพีรดาเข้าไป
“เพี้ยงขับรถคันนี้กลับนะ” พีรวัสบอกแล้วยื่นมือไปขอกระเป๋าสะพายของพีรดาที่เพียงออนำมาถือไว้ แล้วค้นหากุญแจรถก่อนส่งกระเป๋าคืนเพียงออเดินมาเปิดประตูรถให้สุภา
“ขับรถดีๆ นะ ป้าไปกับเพี้ยงก่อนนะครับ ผมหารถพี่รดาก่อน” พีรวัสหันไปบอกสุภา
“รอให้หารถเจอก่อนเราค่อยไป” ป้าสุภาบอกแล้วเข้าไปนั่งรอในรถที่พีรดายังโวยวายไม่หยุดและทำท่าเหมือนจะลงมาจากรถหลายครั้งหลายคราจนสุภาอดไม่ไหวต้องตำหนิเสียงเข้มงวด
“หยุดบ้าเสียที นั่งนิ่งๆ”
“ใจร้าย ป้านะใจร้ายที่สุดรู้ไหม ชอบจัดแจงความรักของหลานๆ ถ้าเก่งจริงทำไมไม่บังคับให้พี่พงศ์แต่งงานกับรดาละ”
“คุณรดา!” เพียงออร้องห้าม แล้วชี้ให้สุภาดูเป็นการหันเหความสนใจ
“คุณพีหารถเจอแล้ว คุณท่านนั่งไปเป็นเพื่อนคุณพีดีมั้ยคะ ทางเข้าไร่เรามันเปลี่ยว”
“นี่เรากลัวยายรดาจะพูดอะไรออกมาหรือไง ป้านะรู้หมดทุกเรื่องนะที่มันเป็นบ้าเป็นบอทำตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพราะอกหักจากตาพงศ์นี่แหละ”สุภาพูดแล้วหัวเราะ
“อ้าว! ทำไมคุณท่านรู้แต่คุณพีไม่รู้”เพียงอออดชายตามองพีรดาที่เงียบเสียงไปแล้วไม่ได้ ปรากฏว่าเจ้าหล่อนเมาหลับฟุบอยู่บนเบาะนั่นเอง
“พีมันรู้แต่แกล้งไม่รู้ คงไม่อยากใส่ใจมากกว่า เราเองก็อย่าพูดอย่าถามเรื่องนี้เป็นอันขาดนะ นายพีจะเขกกบาลเอา”
“ค่ะ งั้นไปเลยนะคะ คุณพีสตาร์ทเครื่องแล้ว” หล่อนบอกเมื่อเห็นแสงไฟจากรถคันที่พีรวัสไปขับ
“ไป”
เมื่อต่างขับรถมาจอดเข้าที่เรียบร้อย พีรวัสรีบลงจากรถเพื่อมาพาพี่สาวเข้าบ้าน เพียงออประคองสุภาที่ลงมาจากรถด้วยตนเองแล้วยืนมองหลานสาวตัวเองที่เมาหมดสภาพมาตั้งแต่ร้านจนรถจอดในโรงรถที่บ้านก็ยังไม่มีทีท่าจะฟื้นคืนสติอย่างเวทนา แต่พอพีรวัสมุดเข้าไปอุ้มออกมาจากรถพีรดากลับลืมตาขึ้น
“พี่เดินเอง” พีรดาปัดมือน้องชาย แล้วดันให้เขาถอยออกไปนอกรถ ก่อนจะตามลงมาแล้วจ้องหน้าสุภาที่หยุดยืนรออยู่เช่นกัน
“รดาไม่ได้เมาจนรั่ว เพราะรดารู้ว่าต้องขับรถกลับบ้าน”
“อืม ไม่เมาก็ขึ้นไปนอนซะ” สุภาตัดบท ก่อนพยักหน้าชวนเพียงออเดินเข้าบ้าน ภายในบ้านเปิดไฟสว่างแต่ไม่มีคนเพราะสุภาบอกไว้แล้วว่าจะออกไปธุระและไม่กลับมากินอาหารค่ำ แม่ครัวจึงไม่เตรียมอาหารเย็นให้และไม่มาดูโทรทัศน์เหมือนเคย
“หิวกันหรือเปล่า ป้าหิวนะ” สุภาเอ่ยขึ้นเมื่อพีวัสที่เข้ามาเป็นคนสุดท้ายพร้อมปิดบ้านเรียบร้อยเดินมาถึงห้องโถง
“เดี๋ยวเพี้ยงไปดูในครัวว่ามีอะไรกินบ้าง” เพียงอออาสา
“คงไม่มีอะไรเพราะป้าบอกแม่แดงไว้ว่าไม่ต้องทำเผื่อ”
“ถ้าอย่างนั้นเพี้ยงไปดูของในตู้เย็นก่อนว่าทำอะไรด่วนๆ ได้บ้าง” บอกแล้วรีบเดินเข้าไปในครัวทันที
“ไปอาบน้ำนอนเสียสิรดา” สุภาไล่เมื่อเห็นพีรดายังยืนมองตามเพียงอออยู่
“ขึ้นไหวไหม ผมพาไปส่ง” พีรวัสแตะข้อศอกพี่สาว ทำให้พีรดาหันขวับมามองแล้วปัดมือทิ้ง ก่อนเดินเข้ามาหาสุภา
“ป้าเห็นใช่ไหมรดาไปกินเหล้ากับใคร คุณเดชดวงลูกชายกำนันทรงยศ”
“เห็นแล้ว ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก เป็นสาวเป็นนางไปกินเหล้าเมายากับคนแปลกหน้ามันไม่งามแล้วยังอันตรายด้วย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอกลูก”
“คนแปลกหน้ายังไงคะก็บอกแล้วว่าลูกชายกำนันทรงยศ” พีรดาเถียง
“แกพูดเหมือนไม่รู้ว่ากำนันทรงยศเป็นใคร ทำอะไรกับครอบครัวเราไว้บ้าง” สุภาตวาดดังลั่นอย่างไม่ค่อยได้ยินนัก ขนาดพีรวัสที่ยืนอยู่ใกล้ยังสะดุ้งโหยง เพียงออที่กำลังเดินมาบอกว่ามีอะไรให้กินบ้างหยุดกึกไม่กล้าเดินต่อ
“เขาทำอะไรครับป้า” พีรวัสอดไม่ไหวต้องถามขึ้นเอง
“ไม่มีอะไรหรอกพี ไปดูสิเพี้ยงทำอะไรมากินป้าหิวแล้ว” ปัดมือไล่หลานชาย แล้วเดินเข้าใกล้หลานสาวที่ยังยืนโอนเอน บีบแขนพร้อมออกคำสั่ง
“ไปนอน”
“รดาไปเอง” พีรดาปัดมือสุภาออกแล้วเดินเซๆ หนี
“ขอโทษแทนพี่รดาด้วยนะครับ”พีรวัสรีบบอก
“อือๆ รีบไปดูเถอะว่าเพี้ยงทำอะไรให้กินป้าหิว”
“ครับๆ” เขารับปากแล้วเดินเข้าไปในครัวที่เพียงออยืนรออยู่ตรงประตู ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปหล่อนจึงถามทันที
“กำนันทรงยศทำอะไรไว้หรือคะ”
“เอ๊ะ ยายหมาเน่า มันเรื่องของเธอหรือเปล่า ไปทำอาหารไปป้าหิวแล้ว”
“ก็คนอยากรู้” หล่อนบ่นกระปอดประแปดก่อนเดินกลับเข้าไปในครัว แต่ยังบอกว่าจะทำข้าวผัดรวมเพราะมีข้าวสวยเหลืออยู่
“เอาต้มจืดล้างคอไหมคะ” เพียงออถามขณะเตรียมของที่หยิบมาใช้ได้ง่ายๆ เช่นไส้กรอก กุนเชียง หมูสับ ไข่และผักก่อนสะดุ้งโหยงเมื่อถูกกอดเอวจากด้านหลัง พร้อมลมหายใจเป่ารดต้นคอ
“ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ดูเหมือนป้าไม่ชอบคนบ้านนั้นนักเราเองก็อย่าไปสุงสิงรู้ไหม”
“ค่ะ”ไม่ต้องตอบแบบแนบชิดก็ได้มั้งคะ
“ต้มจืดไม่เอา เอาไข่ดาวแข็งๆ” พีรวัสกระซิบใกล้หูมากขึ้น ก่อนปล่อยมือแล้วถอยห่าง เพียงออหันไปมองเห็นเขายืนกอดอกพิงกรอบประตูสายตากรุ้มกริ่มจนหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที หล่อนรู้ดีว่าร้อนเพราะอะไร เขาเองก็คงร้อนไม่แพ้กันถึงแสดงออกมาทางร่างกายและสายตา
“ถ้าอยากให้เสร็จเร็วๆ ก็ช่วยกันหน่อยสิคะ”
“ยายหมาเน่ากล้าใช้ผัวนะ” เขาพูดทันที แต่เดินมาช่วยโดยดีเช่นกัน
“ให้ทำอะไรล่ะ”
“หั่นไส้กรอกกับกุนเชียงให้ได้ไหมคะ ฉันจะล้างผักเตรียมข้าว” เพียงออบอกสีหน้ายิ้มๆ
“ได้ทีก็ใช้เสียเยอะเชียวนะ” พีรวัสบ่น แต่เดินมาหยิบมีดเตรียมทำตามที่หล่อนบอกทันที เพียงออหันมายิ้มแล้วพูด
“จะได้เสร็จไวๆ ไงคะ คุณท่านหิวแล้วคุณพีก็หิวไม่ใช่หรือ”
“อือ เธอก็อยากกินไข่แข็งๆ ไวๆ ฉันรู้” พีรวัสพูดแล้วผิวปากสบายอารมณ์แม้จะถูกคนแก้มแดงโดยอัตโนมัติค้อนให้ก็ไม่สนใจ อีกทั้งเขายังเข้าไปวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เมื่อทำงานของตัวเองเสร็จ
“ฉันทำไข่แข็งๆ ให้นะ”
“คุณพี!” เพียงออสะดุ้งเพราะอยู่ดีๆ เขาพูดข้างหู
“เสียงดังทำไม คนจะช่วยดาวไข่ให้ นี่เธอหน้าแดงเพราะคิดทะลึ่งใช่ไหม ในห้องครัวก็ยังไม่เว้นนะเรา” พีรวัสว่าแล้วหัวเราะเพียงออหันไปต่อว่าแต่เสียงดังขัดจังหวะเสียก่อน
“ป้าจะได้กินข้าววันนี้ไหมลูก”
“กินเดี๋ยวนี้ละครับป้า นั่งรอแป๊บเดียว เดี๋ยวผมดาวไข่ให้ หมาเน่าก็ผัดข้าวเสร็จแล้วครับ” พีรวัสว่าแล้วติดไฟเตาแก๊สทันที
“พีดาวเองแล้วมันจะได้กินไหมละ” สุภาแกล้งถาม
“แหมๆ ป้าครับ นายพีเคยไปอยู่เมืองนอกคนเดียว เจียวไข่ ดาวไข่ ต้มไข่จนชำนาญแล้ว ป้าจะเอาสุกระดับไหนบอกมาเลยครับ ส่วนผมกับหมาเน่าชอบไข่แข็งๆ” เขายังปลายตามองคนที่เอ่ยถึง แก้มด้านข้างของหล่อนเรื่อสีขึ้นเรื่อยๆ หากป้าสุภาไม่อยู่ตรงนี้เขาอยากหัวเราะออกมาดังๆ
“เอาแบบไหนก็ได้ให้ได้กินเร็วๆ” สุภาบอกแล้วเดินเข้ามาหยิบจานผักสดที่วางอยู่บนโต๊ะเตรียมของพร้อมน้ำปลาพริกถ้วยเล็ก
“ป้าเอาไปก่อนนะ” สุภาบอกแล้วเดินออกไปนอกครัว
“ครับ อุ้ย! ไข่แข็งแล้ว ทำไงดีหมาเน่า” เขาหันมากระซิบเบาๆ เพียงออจึงค้อนให้ก่อนแย่งตะหลิวไปสับลงกลางไข่แดงแล้วพูดรอดไรฟัน
“สับให้เละเลย ใจง่ายนัก เดี๋ยวแข็งๆ”
“ฮ่าๆ” พีรวัสหัวเราะลั่นครัว จนคนที่กำลังเดินไปรอที่โต๊ะอาหารต้องชะงักเท้าก่อนจะเดินต่อสีหน้าสุขใจ เมื่อหลานมีความสุขญาติผู้ใหญ่อย่างสุภาก็พลอยมีความสุขไปด้วย