วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีการศึกษาชั้น ม.6 ที่โรงเรียน นลินกับคิมหันต์เดินทางกันมาที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าร่วมพิธีปัจฉิมรุ่น ความจริงแล้วคิมหันต์ไม่ได้ตั้งใจอยากจะมานัก แต่ก็โดนนลินปลุกและรบเร้าให้ตื่นมาโรงเรียนเพื่อทำกิจกรรมด้วยกันเลยต้องยอมเลยตามเลยมา แหงละ แค่เป็นนลินอะไรก็ยอมทั้งนั้น
ในพิธีกล่าวคำอำลาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและประทับใจ ถึงแม้จะมีทั้งคนที่ดีด้วยและไม่ดีด้วยกับนลิน แต่เธอก็ดีใจที่ได้เรียนจบมาและได้เจอกับเพื่อนสนิทอย่างม่านมุก ในวันสุดท้ายนลินกลายเป็นจุดสนใจเพิ่มขึ้นมาอยู่บ้าง มีรุ่นน้องและเพื่อนผู้ชายหน้าตาดีต่างห้องมาแปะสติกเกอร์และให้ของขวัญอำลา ส่วนคิมหันต์นั้นเป็นที่แน่นอนว่าต้องโดนรุมและหิ้วของจนพะรุงพะรังอยู่แล้ว สายตาของเขาเหลือบไปเห็นนลินกำลังโดนล้อมไปด้วยรุ่นน้องผู้ชายเขาจึงฝ่าวงสาว ๆ ทั้งหลายที่ล้อมหน้าล้อมหลังตัวเองไปหาเธอทันทีเพื่อกันท่า
“ไม่เห็นเหรอว่าคนเขาไม่มีมือจะถือของแล้ว จะให้อะไรนักหนา” คิมหันต์เอ่ยพูดขึ้นมากลางวงหลังจากฝ่ามาถึงตัวของนลินสำเร็จ เขาชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจและกำลังหงุดหงิดเป็นอย่างมากที่มีคนมาวุ่นวายกับเธอเยอะไปหมด แถมพวกนั้นยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก
“ไม่เอาสิคิม น้อง ๆ กลัวหมดแล้ว” นลินตีคิมหันต์ที่ไหล่เบา ๆ ทีหนึ่ง “น้อง ๆ ก็แค่มาอำลาไหม เขาเอาของมาให้ เพราะเดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว”
“ฉันไม่ชอบให้เธออยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่น ผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้” คิมหันต์กล่าว
“ไม่มีใครน่ากลัวเท่านายแล้วคิมหันต์”
เด็กหนุ่มหันขวับทันที
“เดี๋ยวนี้เธอพูดจาแรงขึ้นนะ เดี๋ยวจะโดนยัยหมูน้อย” เขาบีบจมูกนลินด้วยความมันเขี้ยวเข้าไปหนึ่งที และเมื่อคนอย่างเขาออกปากขนาดนี้แล้ว นักเรียนชายคนอื่นที่เหมือนจะพยายามเจ๊าะแจ๊ะนลินจึงหายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว การกระทำของทั้งคู่นั้นอยู่ในสายตาของไปรยา เพื่อนหญิงร่วมชั้นปีที่แอบมองคิมหันต์มาโดยตลอด
ไปรยาหรือยา สาวสวยดีกรีระดับตัวท็อปของโรงเรียน เธอเป็นเจ้าแม่กิจกรรมที่หนุ่ม ๆ ต่างหมายปอง ทว่าเธอไม่สนใจใครทั้งสิ้นเพราะแอบชอบคิมหันต์ เธอรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึก ๆ แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะมาแพ้ให้ผู้หญิงอย่างนลิน ความคิดนั้นทำให้เกิดเป็นไฟร้อนในใจอย่างบอกไม่ถูก
“นลิน คิมหันต์ ยินดีด้วยนะ จบ ม.6 แล้ว พวกเธอจะไปต่อที่ไหนกันหรอ” ไปรยาเดินเข้ามาทักทาย ถึงแม้ว่าเธอจะถามนลินเป็นคนแรก ทว่าสายตากลับมองไปที่คิมหันต์อย่างไม่วางตา
“เราจะไปเรียนมหาลัยที่กรุงเทพฯ ด้วยกันน่ะ มหาลัย D ฉันกับลินสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน” ยังไม่ทันที่นลินจะเอ่ยปากพูดคิมหันต์ก็ตอบแทนไปเรียบร้อยเสร็จสรรพ
“ดีจังเลย โลกกลมเนอะ เราก็สอบติดมหาลัย D เหมือนกัน” ไปรยายิ้มแบบหลอก ๆ ให้คนตรงหน้า เธอกึ่งยินดี กึ่งไม่ยินดี เพราะเธอยินดีที่จะได้เรียนที่เดียวกับคิมหันต์ แต่ไม่ยินดีที่จะได้อยู่มหาลัยที่เดียวกับนลิน
“ไว้เจอกันที่กรุงเทพฯ นะไปรยา โชคดีที่ได้มีเพื่อนไปเรียนเพิ่มด้วยกันอีกตั้งหนึ่งคน” นลินตอบยิ้ม ๆ ด้วยความจริงใจ
“อะไรอะลิน มีแค่ฉันไปเรียนด้วยคนเดียวยังไม่พออีกหรือไง” มือหนาจับแขนเธอให้เอียงตัวหันมามองหน้าราวกับเด็กเรียกร้องความสนใจ
“มีนายมันดีอยู่แล้ว แต่ฉันหมายถึงว่ามีเพื่อนเพิ่มมันก็ดีไปอีกไง เราสองคนจะได้ไม่เหงา”
“เออ ก็ได้ เข้าใจก็ได้” คิมหันต์แกล้งทำเป็นงอนเธอเล็กน้อยจนนลินอดยิ้มและขำออกมาไม่ได้ ไปรยาอดไม่ได้ที่จะต้องถามหลังจากเห็นพวกเขาใกล้ชิดกันอย่างจริงจัง
“พวกเธอดูสนิทกันมากเลยนะ”
“ก็สนิทสิเราอยู่ด้วย...”
“หมายถึงเป็นเพื่อนสนิทกันเฉย ๆ น่ะ คิมเขาชอบมาแกล้งเรา แกล้งไปแกล้งมาเลยสนิทกัน” โชคดีที่นลินปิดปากคิมหันต์ไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องหลุดออกมาแล้วแน่ ๆ ว่าเธอกับเขาอาศัยอยู่คอนโดเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเธอจะอยากปกปิดอะไรหรืออายที่อยู่กับเขา แต่พวกเธอไม่ได้เป็นอะไรกันและยังเด็กอยู่ หากพูดไปก็คงจะดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก คนคงจะคิดกันไปต่าง ๆ นานาเลยทีเดียว
“อ๋อ… ดีจัง” ไปรยายิ้มแหย ๆ ออกมา เธอปิดบังความรู้สึกที่ว่ากำลังอิจฉานลินมากมายเพียงใด
“อื้อ ก็สนิทกันมาสักพักหนึ่งแล้วแหละ ตอนนี้งานเลิกสักพักแล้ว เราขอตัวนะ” พูดจบนลินก็ขอตัวแยกออกมาจากไปรยาและคิมหันต์ ทว่าคิมหันต์กลับวิ่งตามเธอออกมา จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ลานจอดรถแล้วกลับไปที่คอนโดด้วยกัน
17.00 น.
หลังจากกลับมาที่ห้องคิมหันต์ก็เข้าห้องไปเล่นเกมกับเพื่อน ๆ ส่วนนลินเองก็กำลังเข้าครัวพยายามตั้งใจทำอาหาร เมนูวันนี้เป็นมื้อพิเศษฉลองเรียนจบมัธยมกับคิมหันต์ เธอตั้งใจตั้งแต่ออกไปจ่ายตลาดใกล้ ๆ กับห้องพักแล้ว เธอเลือกวัตถุดิบในการปรุงอาหารรวมถึงพิถีพิถันในการปรุงสำหรับวันนี้เป็นพิเศษ ซึ่งเมนูที่ได้ออกมานั้นก็น่ารับประทานมาก ๆ
“คิมหันต์ออกมาทานข้าวเร็ว” นลินเคาะประตูห้องเรียกให้อีกฝ่ายออกมา คิมหันต์ออกมาพร้อมกับสูดกลิ่นหอมเข้าจมูก
“โห หอมมาก กลิ่นฟุ้งมาแต่ไกลเลย วันนี้มีอะไรกินบ้างเนี่ย”
“เราลองทำปลาทับทิมนึ่งซีอิ๊ว ผัดคะน้าหมูกรอบ แล้วก็มีคั่วกลิ้งไก่แหละ”
“มิน่าละ เห็นรีบออกไปจ่ายตลาดตั้งแต่กลับมาถึงห้อง ทำอาหารเป็นชั่วโมง เล่นใหญ่ขนาดนี้เลยนะลิน”
“เราตั้งใจทำมากเลยนะ ถือเป็นของขวัญแล้วก็เป็นมื้ออาหารฉลองวันจบการศึกษาของเราสองคนไง” นลินยิ้มก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับคิมหันต์ เธอตักข้าวให้เขาและตัวเอง จากนั้นทั้งคู่ก็ตั้งใจทานข้าวเป็นอย่างมาก มื้อนี้อาหารดูเหมือนจะอร่อยเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะคนทำตั้งใจทำมาก ๆ ถึงจะเป็นเมนูทั่วไปแต่ก็รู้สึกอร่อยกว่าที่เคยทาน
“วันนี้ลินทำอาหารอร่อยมาก ยกนิ้วโป้งให้เลย” คิมหันต์พูดเอ่ยชมนลินจากความรู้สึกจริง ๆ และประทับใจกับมื้ออาหาร เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวไปที่ข้างหลังของเธอที่กำลังยืนล้างจานฮัมเพลงไม่สนใจอะไร ก่อนจะกอดหมับเข้าที่เอวคอดเล็กของเธอ
“ทำไมชอบมากอดเวลาแบบนี้ มันร้อน มีแต่เหงื่อเนี่ย ฉันล้างจานไม่ถนัด” เธอขมวดคิ้ว
“กอดเป็นการขอบคุณให้ยัยหมูคนเก่งของฉันในวันนี้ไง”
“โอ๊ย แค่กับข้าวเองคิม ไม่ต้องกอดไม่ต้องรัดเราแน่นขนาดนี้ก็ได้มั้ง” ถึงจะพูดออกไปเหมือนไม่พอใจแบบนั้น แต่ใบหน้าของนลินกลับขึ้นสีแดงก่ำด้วยความรู้สึกเขิน ถึงแม้จะถูกอีกคนจับและกอดอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่อาจทำใจให้ชินได้สักที มันอดไม่ได้ที่จะเขิน
“หอมด้วยเนี่ย ขนาดทำกับข้าวเหงื่อออกยังหอมเลย” พูดจบคิมหันต์ก็หอมเข้าที่แก้มของนลินเข้าฟอดใหญ่
“คิมหันต์ ทำบ้าอะไรเนี่ย !!!” นลินแหวใส่เสียงดังลั่น เธอเขินจนทำอะไรไม่ถูก จึงตัดสินใจล้างมือและพักจานที่กำลังล้าง พลางหันมาฟาดฝ่ามือเข้าที่แผ่นอกของคิมหันต์จัง ๆ เป็นการโกรธแก้เขินที่ดูไม่เนียนเลยสักนิด แต่คิมหันต์ก็ยังดูไม่ออกอยู่ดี
“โอ๊ย ๆ เจ็บ ฉันเจ็บนะ !” เมื่อโดนฟาดเข้าไปเต็มแรงคิมหันต์ก็เอาฝ่ามือลูบไปที่หน้าอกบริเวณที่โดนฟาดเบา ๆ พลางทำหน้าสำออยออเซาะคนที่ฟาดตัวเองเมื่อสักครู่นี้
“อย่ามาสำออยหน่อยเลย นายตัวใหญ่กว่าฉันตั้งเยอะ ฉันตีไปทีเดียวไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก อย่ามาใจเสาะแถวนี้สิ”
“แต่มันเจ็บจริง ๆ นะลิน สงสัยตรงที่โดนตีจะต้องแดงแน่ ๆ เลย แย่จัง”
“เวอร์น่าคิมหันต์ อยากจะโดนอีกสักทีใช่ไหม” นลินพูดพลางยกมือขึ้นกลางอากาศ ขู่เหมือนจะฟาดลงมาอีกที คิมหันต์แกล้งทำหน้าอ้อร้อ โบกมือขอยอมแพ้ไม่สู้กับคนตรงหน้าอีกสักยก