บทที่ 7 ปัญหา

1528 Words
"ไอ้มิวกูลงชื่อเรื่องไปทำค่ายอาสาแล้วนะ" "ฮะ ฮ้ะ?" มิวสิคหันขวับใช้สายตามองเพื่อนที่เพิ่งพูดจบ ลงชื่อเรื่องทำค่ายอาสาไม่เคยอยู่ในหัวของเธอเลย ยังไม่ได้บอกสักครั้งว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมนอกสถานที่ที่เพื่อนกำลังพูดถึง "ค่ายนี้ชมรมเรากับชมรมจิตอาสาร่วมกันเป็นเจ้าของโครงการเลยนะเว้ย แล้วมึงเป็นถึงรองประธานชมรมดนตรีจะไม่เข้าร่วมได้เหรอ กูคิดถูกใช่ไหมล่า~" ซินดี้กล่าวด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือของตัวเอง เหมือนว่าทุกอย่างที่ทำก็ทำเพื่อเพื่อนทั้งนั้น ไม่มีผลประโยชน์ของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิด "เอาความจริง" "อยากออกค่ายกับพี่เปอร์" แต่ความจริงแล้วคือไม่ใช่เลย เธอแค่อยากไปออกค่ายอาสากับผู้ชายที่ชอบ แน่นอนว่าคนอย่างเธอไม่ไปคนเดียวอยู่แล้ว จึงต้องลากเพื่อนสนิททั้งสองร่วมชะตากรรมด้วย โดยไม่ได้ถามความสมัครใจสักนิดเดียว "ไอ้ซินดี้!!!" มิวสิคกัดฟันกรอดแสดงท่าทีไม่พอใจ เธอก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่ไม่อยากจะเป็นจิตอาสาอย่างที่ว่า แต่เพราะไม่ชอบออกนอกพื้นที่ด้วยความที่เป็นคนเรื่องเยอะในหลายเรื่อง จึงไม่อยากไปให้ตัวเองและคนอื่นต้องลำบากไปกับเธอด้วย "เอาหนามึง ช่วยมันหน่อย พอมันได้คบกันเราก็จะหลุดพ้นแล้ว" โอโซนตบไหล่เพื่อนเพื่อปลอบใจ เธอเองก็โดนบังคับไม่ต่าง แต่ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว เอือมระอาในความเอาแต่ใจของซินดี้พอตัว "น้าเพื่อนรัก…ตอนนี้พระแม่ก็ทำงานไม่สำเร็จถ้าไม่ได้มึงช่วย…" มิวสิคเบือนหน้าหนี ซินดี้ก็ยังเป็นซินดี้ที่ใช้ลูกไม้ตื้น ๆ มาออดอ้อนอีกเช่นเคย "เออ กูปฏิเสธมึงไม่ได้อยู่แล้วนี่" แล้วคนอย่างมิวสิคก็ต้องยอมเพื่อนอีกเช่นเคย คอนโดเจอาร์ ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอนของคอนโดหรู ที่กบดานส่วนตัวของฉันที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันสอบติดมหา'ลัย เมื่อมีเรื่องทุกข์ใจที่ไม่อยากกลับบ้านก็จะหลบมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่…เช่นเดียวกับวันนี้ ครืดดดดด! แม่. ฉันถอนหายใจเมื่อเห็นปลายสายที่โทรเข้ามา พูดยังไม่ทันขาดคำ สายที่ฉันกำลังหนีไม่อยากคุยด้วยที่สุดตอนนี้ก็โทรมาทันทีแต่ก็ตัดใจไม่รับสายท่านไม่ได้ "ค่ะแม่" (ทำไมวันนี้ไม่กลับบ้านล่ะ) "ต้องทำรายงานส่งพรุ่งนี้ หนูนอนคอนโดไม่กลับบ้าน" (แล้ววันหยุดสัปดาห์หน้าว่างใช่ไหม?) "ไม่ว่างค่ะ" ฉันตอบกลับแม่โดยไม่ต้องคิดเพราะรู้ดีว่าแม่ต้องการอยากทำอะไร (ไม่ว่างก็ต้องว่าง แม่นัดกับทางฝั่งนู้นไว้แล้ว แล้วนี่ก็เป็นคำสั่งจากพ่อลูกด้วย) "พ่อก็เอาด้วยเหรอคะ!?" ฉันเผลอขึ้นเสียงตอบกลับคนเป็นแม่ นึกว่าแผนนี้จะเป็นแม่คนเดียวเสียอีก ไม่นึกเลยว่าคนมีเหตุผลและไม่เคยบังคับใครอย่างพ่อก็เห็นด้วย นี่มันการคลุมถุงชนเลยนะ ชีวิตของฉันทั้งคนแต่พ่อกับแม่กลับทำเหมือนฉันเป็นแค่สิ่งของที่อยากจะยกให้ใครหรือผลักไสไปให้ใครก็ได้ (แม่กับพ่อทำเพื่อลูกนะมิวสิค) ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่หัวเราะออกมาทั้งน้ำตาคลอเบ้า ทำเพื่อฉันหรือทำเพื่อตัวเอง ที่ผ่านมาฉันคิดมาตลอดว่าครอบครัวคือเซฟโซนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ความรู้สึกในตอนนี้คือฉันแทบไม่อยากกลับบ้านและไม่อยากเจอหน้าได้ยินเสียงพวกท่านเลยด้วยซ้ำ (ได้ยินที่แม่พูดใช่ไหมมิวสิค แม่รักลูกนะ ดูแลตัวเองด้วย) ว่าจบสายก็ตัดไปในทันที ฉันได้แต่ปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ แล้วหลับตาลงไล่ความเสียใจ วันนี้ไม่ได้มีการทำรายงานอะไรทั้งนั้นแหละ แต่เพียงแค่อยากหนีความวุ่นวายและอยู่กับตัวเองเท่านั้น ครืดดดดด! สายเรียกเข้าครั้งที่สองดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันลืมตาขึ้นด้วยความหงุดหงิดที่ยังเหลืออยู่ ยิ่งได้เห็นปลายสายที่แสดงชื่อคนโทรเข้าก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม พี่กันย์. "ป่านนี้เพิ่งจะโทรกลับมา ถ้าตอนนี้น้องป่วยไม่สบายก็คงนอนตายเป็นผักไปแล้วมั้ง" เชื่อไหมว่าตั้งแต่รถเสียที่โทรไปคืนนั้นนี่คือครั้งแรกที่มันโทรกลับมา ไอ้พี่รหัสตัวดีที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย (หงุดหงิดอะไรของมึงเนี่ยไอ้มิว กูเพิ่งกลับจากต่างประเทศ) ปลายสายตอบกลับแบบงง ๆ แต่ฉันก็อารมณ์ขึ้นเกินไปแหละ ยังค้างมาจากแม่ด้วย "ต่างประเทศก็โทรกลับหาน้องไม่ได้หรือไง" (กูก็ไปทำงานไหมล่ะ มึงนั้นแหละเป็นอะไร?) "ไม่รู้เว้ย หงุดหงิด!" (เอ้าไอ้นี่ หงุดหงิดก็มาลงที่กู มาผับไหมล่ะ กูเลี้ยงเครื่องดื่ม) "ไม่มีอะไรที่ดีกว่าแดกเหล้าแล้วเหรอพี่กันย์" (แปลว่าไม่มา?) "แต่งตัวก่อน" (สัส ลีลาอยู่นั้น) ด่าเสร็จสายของไอ้พี่กันย์ก็ตัดจบทันที ฉันไม่รอช้ารีบลุกไปอาบน้ำ แต่งตัวใส่ชุดพร้อมไปผับ ทั้งที่วันนี้ไม่ได้ต้องการอยากจะเมา แต่ปัญหาที่ถาโถมอะไรก็ไม่รู้เกิดในชีวิตของสาววัยยี่สิบแบบฉัน แทบมองไม่เห็นทางออก แล้วแบบนี้ฉันจะเลิกพึ่งแอลกอฮอลล์แก้ปัญหาชั่วคราวได้อย่างไร TWENTY SIX PUB ปึก! "เอามาอีก" ฉันกระแทกแก้วเหล้าบนเคาน์เตอร์บาร์แล้วกระดิกนิ้วบอกบาร์เทนเดอร์ให้เติมเครื่องดื่มมาเพิ่ม สามแก้วเข้ม ๆ ที่ชงมายังไม่มากพอที่จะทำให้ฉันลืมเรื่องแย่ ๆ ที่ต้องเจอในตอนนี้ได้ "ได้แล้วครับ" ฉันรับเครื่องดื่มที่เพิ่งจะถูกชงเสร็จมาหมาด ๆ กำลังจะกระดกเข้าปากแต่ก็ถูกใครบางคนแย่งเอาไปต่อหน้าต่อตา "ใครว่ะ!?" ฉันปรายมองเจ้าตัวด้วยสายตาหงุดหงิดพร้อมระเบิดลง "กูเอง" จนเห็นไอ้พี่กันย์ที่ยืนยักคิ้วกวนตีนให้ก็หันไปคว้าอีกแก้วกระดกดื่มโดยไม่สนใจ "เป็นอะไรของมึง?" "เปล่า" ฉันกล่าวปฏิเสธแล้วกระดกดื่มเหล้าออนเดอะร็อกที่อยู่ในมือ ก่อนที่จะไปคว้าอีกแก้วแต่ไอ้พี่กันย์ก็แย่งไปอีกครั้ง "ถ้าอยากดื่มมึงก็สั่งเองดิพี่ ร้านก็ร้านมึง" ไอ้นี่มันทำให้ฉันหงุดหงิดได้ทุกเวลาจริง ๆ "เมาแล้วขึ้นมึงกูกับพี่เลยนะไอ้มิว แล้วกูก็ไม่ได้อยากแย่งเครื่องดื่มมึงด้วย แต่กูกลัวมึงคุยกับกูไม่รู้เรื่อง" "ขอโทษ" ฉันยกมือไหว้ไอ้พี่กันย์ท่วมหัว ถึงจะนิสัยไม่ค่อยดีแต่ก็มีมารยาท ส่วนหนึ่งที่ก้าวร้าวก็เพราะอารมณ์และแอลกอฮอลล์ น้ำเปลี่ยนนิสัยที่เขาว่าไม่เกินจริง "เออ ๆ ว่าแต่มึงมาคนเดียว?" พี่กันย์ว่าจบก็หันซ้ายขวาคาดว่ามองหาเพื่อนของฉัน แน่นอนว่าไม่มีเพราะฉันไม่ได้บอกเพื่อนว่าจะมา "อือ มาคนเดียว" "มาคนเดียวแต่มึงแดกแบบไร้สติเนี่ยนะไอ้มิว" ไร้สติตรงไหน ฉันรู้เรื่องในสิ่งที่พี่รหัสพูดทุกคำ ได้ยินครบแต่เพียงแค่เห็นมันมีหลายร่างและกำลังจะสูญเสียการทรงตัวแค่นั้นเอง "กลัวอะไรวะ เมาก็นอนนี่ดิ ผับพี่รหัสก็เหมือนบ้านตัวเองนั้นแหละ" ใช่ว่าจะไม่เคยนอนที่นี่ แต่แค่ครั้งก่อน ๆ จะมีซินดี้กับโอโซนนอนด้วยตลอด "งั้นก็ไปดื่มข้างบน กูต้องขึ้นไปทำงาน" พี่กันย์พยายามลากแขนฉัน แต่ฉันกลับสะบัดแขนมันออกแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม "ไม่ไป จะนั่งดื่มที่นี่ พี่มีงานก็ไปทำ มิวอยู่คนเดียวได้" "จะให้กูปล่อยมึงนั่งล่อเสือล่อตะเข้คนเดียวเนี่ยนะ?" "ไม่ต้องห่วงหรอกหนา เดี๋ยวถ้าใกล้เมาจะให้บาร์เทนเดอร์รูปหล่อไปส่ง" ฉันยิ้มแล้วชี้นิ้วไปทางชายหนุ่มบาร์เทนเดอร์ร้านพี่กันย์ พอเมาแล้วก็มองคนอื่นหล่อไปหมด "เออ ๆ ฝากดูน้องกูด้วย ถ้ามันไม่ไหวโทรหากูแล้วกัน" "ครับเฮีย" บาร์เทนเดอร์รูปหล่อพยักหน้ารับปากเจ้าของร้าน ไอ้พี่กันย์ก็เดินขึ้นไปทำงานของมัน เอาเข้าจริงมันก็เป็นพี่ที่ดีคนหนึ่งนั้นแหละ ถึงจะดีไม่มากแต่อย่างน้อยก็มีข้อดีอยู่บ้าง นั้นแหละเริ่มเมาแล้วก็เริ่มคุยไม่รู้เรื่องเป็นธรรมดา "สุดหล่อเอาเครื่องดื่มมาเพิ่ม..."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD