EP4/2บนเตียงสี่เสาอันเร่าร้อน

3191 Words
“คุณ...เป็นยังไงบ้างคะ คงจะสบายดีใช่ไหม เราสองคนช่างดูแตกต่างกันเหลือเกิน” “คงมีแต่ความเจ็บปวด ที่เรามีเหมือนกัน” เลฟเปรยออกมาแล้วแค่นยิ้ม เพียงแค่นึกถึงเรื่องเก่าๆ หัวใจก็รู้สึกคล้ายถูกบีบอัดจนลีบแบน พาขวัญก็คงไม่ต่างกันกระมัง “ดีแล้วที่เธอปลอดภัย บางทีในความทรงจำของเธอ อาจช่วยอะไรฉันได้บ้าง” ดวงตาของพาขวัญหลุบต่ำ เธอจ้องแต่มือที่ประสานกันไว้บนตัก ก่อนจะทำใจดีสู้เสือ ยิ้มให้เขาไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามถึงอีกเรื่อง “พี่สาวฉันเป็นยังไงบ้างคะ” “สบายดี อยากเจอไหมล่ะ” “คะ? ได้เหรอ ฉันเจอพี่ฉันได้จริงเหรอ” ถามเขาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความยินดียิ่ง “แน่นอน และหวังว่าระหว่างที่พี่น้องได้เจอกัน เธออาจจะพอนึกอะไรออกบ้าง เรื่องเพชร” พาขวัญกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะ ฉันจะพยายามนะคะ คุณคง...ไม่ฆ่าฉันใช่ไหม” เลฟยกยิ้มมุมปาก “จะฆ่าได้ยังไง แค่เธอรอดจากเรื่องตอนเด็กได้ก็นับว่าดีมากแล้ว ยกเว้นว่าเธอจะโกหกเรื่องเพชรละนะ” พาขวัญส่ายหน้าพรืด “ฉันไม่โกหกหรอกค่ะ ฉันไม่ใช่คนชอบโกหกนี่นา ขอบคุณที่เชื่อฉันนะคะ ตอนนี้ฉันยังตกใจเรื่องแฟนของฉัน แต่อีกไม่นานฉันคงนึกอะไรออกบ้าง ฉันจะพยายามหาเบาะแสให้คุณมากที่สุดค่ะ” เลฟพยักหน้า “ไปพักเถอะ ค่ำๆ ค่อยไปเจอพี่สาวก็แล้วกัน” “ค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ” เลฟยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ฟีโอดอร์เรียกคนให้มาพาพาขวัญออกไป ที่นี่มีห้องหับมากพอให้พาขวัญได้พักผ่อน ห้องที่จัดไว้โดยมีการ์ดของเลฟยืนเฝ้าหน้าประตู หล่อนไม่มีทางออกไปไหนได้ ไม่ต่างจากการถูกขังดีๆ นี่เอง เลฟคว้าสร้อยมาถือไว้ ปลายนิ้วลูบแตะที่จี้รูปดอกเดซี่ ครุ่นคิดบางอย่างที่ฟีโอดอร์ไม่อาจเข้าใจ “ถึงจะพูดภาษาที่ผมฟังออกบ้าง ฟังไม่ออกบ้าง แต่ผมว่าเธอดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่” “อืม...แต่เธอเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องเพชรนี่นา รวมถึงเรื่องคืนนั้นด้วย มีหลายอย่างที่ฉันต้องการจากพาขวัญ” “เธอช่างต่างจากมิสชาช่า เธอพูดจาน่าสงสาร แต่ขณะเดียวกัน ก็ดูไว้ใจไม่ได้” “ยังไงล่ะ” คำถามดังมาจากคนที่นั่งอยู่ ความเงียบงันดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครา ก่อนที่ฟีโอดอร์จะเอ่ยทำลายความเงียบนั้น “ก็...คนรักตายไปทั้งคน แต่เธอดูเศร้าน้อยไป ดูไม่เหมือนคนที่สูญเสียสักเท่าไหร่” “นั่นสินะ” เลฟเอ่ยตามที่คิด จริงอย่างที่ผู้ช่วยเขาว่า พาขวัญดูแปลกไปในข้อนี้ หรือบางที หล่อนกับผู้ชายคนนั้นอาจไม่ได้รักกันมากพอกระมัง การสูญเสียทำให้รู้สึกเสียใจแค่ไหนนั้น เขารู้จักมันดี การที่ต้องเห็นบิดาตายไปต่อหน้าต่อตา เขาทั้งเจ็บปวดและทรมานจนไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้เลย มาเฟียหนุ่มกำสร้อยแน่นหนึบ จู่ๆ ภาพวันวานก็ตามมาหลอกหลอน มันบีบหัวใจเขาให้ลีบแบนได้อีกคราแล้ว เขาได้แต่หลับตาลงแน่นๆ ให้ความรู้สึกทรมานนี้หายไป “นายครับ?” ฟีโอดอร์ท้วงเมื่อเห็นความผิดปกติของเจ้านาย จู่ๆ เลฟก็เอามือทุบอกตรงตำแหน่งหัวใจ “ฉันอยากนอนพัก กลับห้องโน้นเถอะ” “ลูก้า” ฟีโอดอร์เรียกคนที่อยู่หน้าประตู ก่อนที่การ์ดร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำ จะก้าวเข้ามาข้างใน ลูก้าผิวขาวมาก มีเคราดกหนาจนแทบบังปากริมฝีปากของเขา และถึงจะร่างกายใหญ่โต แต่เขาก็คล่องตัวมาเวลาถือปืน เขาเป็นการ์ดฝีมือดีที่อยู่กับตระกูลมาติเนซมานาน นับตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา ความไว้เนื้อเชื่อใจสำคัญสำหรับมาเฟีย และสำหรับเลฟ ก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เขาไว้ใจ “นายครับ” “ช่วยฉันที อ๊ะ!” เลฟพยายามยืนให้ได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ เขาเริ่มหายใจไม่ออก และท้ายที่สุด สติสัมปชัญญะของเขาก็ดับวูบลง เหมือนไฟในห้อง ที่จู่ๆ ก็ดับพรึ่บตอนที่ปิดสวิตช์นั่นเอง ณัชรินทร์ได้ยินเสียงเปิดประตู เธอปรือตาขึ้นมอง นึกว่าคนของเลฟเอามื้อเที่ยงมาส่ง แต่กลายเป็นร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่เธอเฝ้ารอ ชายที่สวมเสื้อผ้าสีสันสดใส และมีรอยยิ้มพิมพ์ใจตลอดเวลา อเล็กเซย์มาแล้ว เขาเหมือนจะกลั้นขำตอนเห็นสภาพของเธอ “ทำไมเขาต้องล่ามคุณแบบนี้บ่อยๆ ด้วยนะ” “นั่นสิ บางทีคุณน่าจะคุยกับเขาให้ฉันบ้าง” “ไม่คุยหรอก ถ้าคุยคงได้ทะเลาะกัน คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เธอส่ายหน้าให้อเล็กเซย์ รู้สึกดียามได้ยินน้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขา “หายไปไหนมาคะ ฉันหาคุณไม่เจอเลย” “ผมเหรอ ข้างนอกนั่นไง” เธอมองตามมือเขา ปุยหิมะสีขาวนอกหน้าต่างนั่นหรือสิ่งที่เขาจะสื่อ “ผมขึ้นเขาไปเล่นสกีมา สนุกมาก!” เธอส่ายหน้าระรัว สกีหิมะนี่หรือสนุก น่ากลัวจะตาย “มันอันตรายออก” “ก็ท้าทายดี ผมชอบ เอาละ เราออกไปจากที่นี่ดีกว่า” ณัชรินทร์คล้ายว่าได้ยินประโยคนั้นจากเขาซ้ำๆ ทุกทีที่เลฟล่ามเธอไว้ จะกลายเป็นอเล็กเซย์ที่มาปล่อยเธอออกไป เป็นอเล็กเซย์ที่คอยถามว่าเธอเจ็บปวดตรงไหน หรือเป็นอะไรหรือเปล่า อเล็กเซย์ยังมีรอยยิ้มให้เธอเสมอ มีมืออุ่นๆ คอยจับจูงให้เธออยากตามเขาไปทุกๆ ที่ คงดีถ้าบ้านนี้มีแค่อเล็กเซย์ ไม่มีเลฟ “เดี๋ยว อย่าเพิ่ง” เธอรั้งเขาไว้ก่อนที่เขาจะจูงเธอพ้นจากกรอบประตู “อะไร” “พาสปอร์ตอยู่ในเซฟ เลฟได้มันมาแล้ว คุณ...รู้รหัสเปิดเซฟหรือเปล่า” อเล็กเซย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “รู้สิ บางครั้งผมต้องทำงานแทนเขานี่นา เอกสารสำคัญหลายอย่างผมต้องรับรู้ อย่าแปลกใจที่เรามีเซฟใบเดียวกัน” แปลกใจสิ ทำไมจะไม่แปลกใจ ยิ่งตอนที่เห็นอเล็กเซย์แตะปุ่มเปิดเซฟของเลฟ เธอก็ยิ่งสงสัย พี่น้องคู่นี้ดูไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ แต่กลับรับรู้เรื่องราวของกันและกันดีทีเดียว แล้วพาสปอร์ตเล่มบางก็ถูกวางใส่มือ ณัชรินทร์ดีใจจนน้ำตาคลอ เธอเปิดพาสปอร์ตออกดู ทุกอย่างดูดีไม่มีที่ติ หวังว่ามันจะทำให้เธอขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยได้จริงๆ ละนะ “ขอบคุณนะอเล็กซ์ คุณดีกับฉันมากเลย” อเล็กเซย์ยิ้มสดใส ไม่ติดใจที่กระต่ายน้อยเรียกชื่อเขาเพียงสั้นๆ ตามแต่ใจหล่อนเถิด หากชื่อนั้นจะทำให้หล่อนเรียกเขาได้อย่างสะดวก “คุณจะกลับวันไหน” “ทันทีที่เจอน้องสาวฉัน หรือไม่ก็...เร็วที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ คุณรู้เรื่องเพชรหรือเปล่า” “ฟีโอดอร์พูดให้ฟังเหมือนกัน” “ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าน้องสาวมีเพชรหรือเปล่า แต่ฉันอยากกลับเมืองไทยให้เร็วที่สุด คุณช่วยฉันได้ไหม สัญญาว่าถ้าเพชรอยู่กับพาขวัญจริง ฉันจะคืนมันให้พวกคุณแน่ๆ” ณัชรินทร์ละล่ำละลักบอก มั่นใจว่าเมื่อตัวเองเจอเพชร จะรีบส่งคืนเจ้าของแน่ๆ แม้ว่าตอนนั้นเธอจะอยู่ที่เมืองไทยแล้วก็ตาม อเล็กเซย์วางมือลงบนกระหม่อมของณัชรินทร์ ลูบมันเบาๆ แล้วยิ้มให้หล่อน “อย่ากังวลเลยน่า ผมจะพูดกับเลฟเอง ผมจะพาคุณกลับบ้านทันทีที่ได้เจอน้องสาวดีไหม” น้ำตาอุ่นๆ คลอในดวงตาของกระต่ายน้อย เธอซึ้งใจในสิ่งดีๆ ที่อเล็กเซย์ทำเพื่อเธอ “ในความโชคร้าย ฉันโชคดีที่เจอคุณ ทำไมถึงดีกับฉันมากนักก็ไม่รู้” “นั่นสิ จู่ๆ ผมก็...รู้สึกเหมือนติดค้างอะไรบางอย่างกับคุณ เอ่อ...มันเป็นความรู้สึกที่ผมก็ไม่รู้สาเหตุจริงๆ ผมสบายใจที่ได้ทำอะไรเพื่อคุณอย่างนี้ บางทีมันอาจเป็นโชคชะตา คุณว่าไหม” ณัชรินทร์พยักหน้าระรัว นึกอยากโผเข้าหาอ้อมกอดอเล็กเซย์ อยากสัมผัสอกอุ่นๆ ของเขา มันคงรู้สึกดี คงรู้สึกปลอดภัย อยากกอดเขาจัง... หมับ! จู่ๆ ร่างบอบบางก็ถูกดึงไปกอด ณัชรินทร์ตาเบิกโต แต่ไม่ได้ขัดขืนเมื่ออเล็กเซย์กอดเธอไว้ กอดเขาไม่เหมือนกอดของเลฟ มันไม่ได้ทำให้เธอร้อนวูบวาบไปทั้งกาย แต่ทำให้เธออบอุ่นไปถึงหัวใจที่เหน็บหนาวมานาน กอดเขาอุ่นอย่างที่เธอนึก ทั้งอุ่นทั้งรู้สึกปลอดภัย เขากอดเธอไว้ ตบเบาๆ บนหลังของเธอ ราวกับปลอบโยน ราวกับให้กำลังใจ ชอบจัง...ชอบจริงๆ นะ “คงอยากกลับบ้านมากเลยใช่ไหม คงคิดถึงคนทางโน้น คิดถึงอาหารที่เคยกิน คิดถึงที่นอนนุ่มๆ ของตัวเอง ไม่เป็นไรนะชาช่า ผมรับรองว่าจะส่งคุณขึ้นเครื่องด้วยตัวเอง ผมสัญญา” “ขอบคุณนะอเล็กซ์ ฉันเป็นหนี้คุณเหลือเกิน ขอบคุณที่หยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้ฉันทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันเลย” อเล็กเซย์เผลอยิ้ม เขาเองยังไม่รู้ว่ายิ้มอะไร เขาผลักหล่อนออก เมื่อส่งกำลังใจให้หล่อนมากพอแล้ว เหมือนว่าหล่อนมีน้ำตานะ หล่อนปาดมันทิ้งแล้วยิ้มให้เขา ยิ้มสดใสราวพระอาทิตย์ยามเช้า ช่างน่าเอ็นดู “ไปเถอะชาช่า เราไปสนุกกันดีกว่า” “สนุกอะไรคะ” ถามขณะเดินตามแรงจูงของอเล็กเซย์ บางคราที่เขารีบร้อน เธอก็แทบเดินตามเขาไม่ทัน “ก็เลฟคงจะอยู่ที่กาสิโนจนถึงพรุ่งนี้เช้า เรามาสนุกกันดีกว่า ไปหาชุดสวยๆ ใส่ แล้วจัดปาร์ตี้กัน” “คะ? ปาร์ตี้เหรอ” “อาฮะ!” ความสงสัยของณัชรินทร์ถูกไขให้กระจ่างในชั่วโมงถัดมา โถงกว้างที่ชั้นล่างถูกเนรมิตให้เป็นงานปาร์ตี้เต็มรูปแบบ ผู้คนมากหน้าหลายตาหลั่งไหลมาที่นี่ เธอได้แต่ยืนหลบมุมอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่ที่ถูกเนรมิตขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ เครื่องดื่มสีสวย แสงไฟหลากสีและดนตรีจังหวะมันๆ ที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง ผู้คนดื่มกินอย่างสนุกสนาน ไม่สนว่าด้านนอกนั้น ราตรีกาลยังไม่มาเยือน อเล็กเซย์ยังขยันส่งยิ้มมาให้เธอ เขานั่งอยู่ท่ามกลางสาวๆ ที่พร้อมใจส่งแก้วเครื่องดื่มให้เขาจิบ เขาดูมีความสุข เหมือนเจ้าชายที่อยู่กลางฮาเร็ม นี่สินะ เม็ดเงินที่บันดาลได้ทุกสิ่ง เธอไม่สนุกเลย เธอได้พาสปอร์ตมาแล้ว และคงดีถ้ารู้ว่าตอนนี้พาขวัญอยู่ที่ไหน ขอแค่ได้เจอพาขวัญก่อนเถอะ เธอหนีแน่ เธอไม่อยู่รอพ่อคนหื่นอย่างเลฟหรอก ดีแล้วที่เขาไม่อยู่ที่นี่ เพราะเรื่องที่เขาทำกับเธอเมื่อเช้ายังตามมาหลอกหลอน กลิ่นเขา สัมผัสของเขายังกรุ่นที่ปลายจมูก แค่นึกถึงก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว “ชาช่า! มาทางนี้เถอะ! มาสนุกด้วยกันเร็วเข้า!” อเล็กเซย์ร้องเรียกกระต่ายน้อยของเขาอยู่ที่อีกฝั่งของงาน ณัชรินทร์มองตามเสียงเรียก ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเขาดึงเขาไปจูบอย่างดูดดื่ม อเล็กเซย์ก็จูบตอบแต่โดยดี รู้อะไรไหม ตอนที่เขาบดจูบกับแม่สาวหุ่นแซ่บที่แต่งตัวไม่แคร์หิมะนอกหน้าต่าง เธอกลับรู้สึกไม่ชอบใจ ก็ใครใช้ให้เขามาหน้าตาเหมือนเลฟล่ะ แต่เอ๊ะ!? แล้วถ้าเป็นเลฟที่กำลังจูบกับผู้หญิงคนนั้น ทำไมเธอต้องรู้สึกไม่พอใจด้วย คุณพระช่วยด้วยเถอะ! เธอคงประสาทกลับกระมัง มีเรื่องในหัวเธอมากเกินไปจนสมองเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ อเล็กเซย์บอกสาวๆ ของเขาเป็นภาษาถิ่น ให้หลีกทางให้คนพิเศษของเขาที่กำลังเดินตรงมา ณัชรินทร์เดินแหวกแม่สาวทรงโตทั้งหลาย เข้าไปนั่งข้างๆ เจ้าบ้าน แล้วแก้วเครื่องดื่มสีสวยก็ถูกส่งมา เธอโบกมือไหวๆ เธอดื่มไม่ได้หรอกนะ เธอไม่ชอบดื่ม เธอไม่ถูกกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใดๆ ทั้งสิ้น! “อึก...อึก!” นั่นเสียงกลืนของเธอเอง อเล็กเซย์อาศัยทีเผลอยกแก้วเครื่องดื่มมาจ่อถึงปาก เขากรอกมันลงมา เธอกลืนอึกๆ ตามด้วยเสียงปรบมือ เสียงร้องเฮของบรรดาเพื่อนๆ ของเขา รสชาติของค็อกเทลหวานบาดทรวง และเหมือนว่าบางอย่างกำลังแล่นลิ่วเข้าไปในผิวเนื้อ เธอรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และดีสุดๆ ไปเลย! “อีกแก้วนะชาช่า อีกแก้วนะที่รัก!” แล้วอเล็กเซย์ก็ส่งแก้วเครื่องดื่มให้ณัชรินทร์อีก จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จากเครื่องดื่มรสชาติบางๆ ก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ความกลัดกลุ้มในหลายๆ เรื่องของณัชรินทร์ ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้จางหายไป เธอเริ่มสนุกกับปาร์ตี้ เธอไม่ปฏิเสธยามที่เพื่อนหญิงเพื่อนชายของเขาส่งเครื่องดื่มให้ลอง เสียงเพลงจังหวะเร่งเร้าที่เธอเคยคิดว่ามันหนวกหู บัดนี้ก็กลับไพเราะขึ้นมา ร่างกายเธอเริ่มโยกย้ายส่ายไปตามจังหวะกระแทกกระทั้น กระทั่งเมื่อแสงสว่างด้านนอกเริ่มจางลง เธอกับอเล็กเซย์ก็ได้วาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์ ณัชรินทร์ได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเองอย่างชัดเจน มันไม่ได้เกิดขึ้นนานแล้ว ความรู้สึกสนุกสุดเหวี่ยงที่เป็นอยู่นี้ วันรุ่งขึ้นมันอาจจะหายไปกลายเป็นเพียงความฝัน ถ้าเช่นนั้นในยามที่เธอฝันยังไม่ตื่น เธอก็ขอสนุกกับมันให้เต็มที่ ปลดปล่อยตัวเองออกจากความทุกข์ทั้งหลาย แล้วสนุกไปกับรสชาติหวานบาดลิ้นของเหล้าสีสวย เสียงเพลงจังหวะมันๆ และสหายที่แสนเลิศเลออย่างอเล็กเซย์ กลางดึกของคืนปาร์ตี้ ในเวลาที่ผู้คนที่เมามายเริ่มทยอยออกจากคฤหาสน์ เจ้าของปาร์ตี้กับกระต่ายน้อยก็พร้อมใจกอดขวดเหล้าแนบกาย พากันลากสังขารขึ้นชั้นบน สองแก้มของอเล็กเซย์แดงก่ำ สนุกอย่างทุกคราที่ได้ปาร์ตี้ เขามักมีปาร์ตี้เช่นนี้อยู่บ่อยครั้งยามที่ห่างสายตาเลฟ มันสนุกอย่าบอกใครเชียว “ชาช่า...คนสวย อยาก...จาดูอาลาย สนุกๆ ไหม!” “อยากเซ่! อยาก! เอื้อก!” ณัชรินทร์กอดเอวอเล็กเซย์ ส่วนแขนอีกข้างกอดขวดเกล้าแน่นหนึบ เธอมองแทบไม่เห็นทาง ต้องอาศัยอเล็กเซย์ช่วยพาเธอเดินไป พวกเธอคุยด้วยเสียงอ้อแอ้อย่างคนเมา รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ในที่สุดเขาก็พาเธอมาล้มกายลบบนเตียงได้สำเร็จ และพอหัวถึงหมอน เธอก็อยากหลับเสียให้ได้ เธอเมามาก เธอไม่ไหวแล้ว เธอจะนอน... “ชาช่า!” “อาราย...” แม่คนเมาดีดผึงลุกขึ้นมาทั้งที่เพิ่งล้มกายลงบนเตียง อเล็กเซย์ยิ้มแฉ่ง เดินเซไปเซมาแล้วมาหยุดอยู่ที่ขอบเตียง เขานั่งลงบนพื้นแล้วเริ่มดึงลิ้นชักใต้เตียงออกมาดู “โอะโอ...สวรรค์ของเลฟอยู่นี่เอง ฮ่าๆๆ” แล้วอเล็กเซย์ก็ดึงแส้เส้นหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก ตามด้วยผ้าปิดตา กุญแจมือและท่อเหล็กอะไรสักอย่าง ณัชรินทร์มองแล้วทำหน้าเหยเก แต่กลับหยิบเอาแส้ที่ยาวราวหนึ่งช่วงแขนมาฟาดใส่บ่าของอเล็กเซย์ เผียะ!!! “อ๊า! ยอมแล้วค้าบ! ยอมแล้วค้าบนายท่านนน!!!” “ฮ่าๆๆ” พออเล็กเซย์รับมุก ทั้งสองก็หัวเราะด้วยกันอย่างรู้ทัน ณัชรินทร์รีบโยนแส้ทิ้ง ทำท่าขนลุกขนพองแต่กลับมีแต่เสียงหัวเราะ เธอทิ้งร่างลงกลางเตียง ยกขวดเหล้าขึ้นมาแล้วกระดกมันเข้าปากทั้งที่นอนอยู่ อเล็กเซย์ทิ้งร่างลงมาด้วย เขาใกล้จะหลับเต็มทีแล้ว “วันนี้...สนุกมากเลย...ชาช่า” “อือ...ซา...หนุกเจงๆ” ณัชรินทร์สำทับ หันตะแคงมาหาเขา อเล็กเซย์หลับตาอยู่ เธอมองเขาอย่างพิจารณา เขาเหมือนเลฟมากจริงๆ นะ เหมือนกันอย่างกับฝาแฝด อ้อ...ก็พวกเขาเป็นฝาแฝดนี่นา... หญิงสาวยิ้มกว้าง เอื้อมมือไปแตะแก้มเขา ใช้ปลายนิ้วจิ้มแก้มแรงๆ “อือ...อย่าแกล้ง...จานอน...” “เรา...นอนที่นี่ ม่ายด้ายยย...” อเล็กเซย์ส่ายหน้าระรัว ณัชรินทร์ยิ้มขบขัน ท่าทีปฏิเสธของอเล็กเซย์นั้น เหมือนเด็กน้อยช่างน่ารักน่าเอ็นดู เขาทำหน้ายู่จมูกย่นทั้งที่ยังหลับตา และพอเขาทำตัวน่ารัก เธอก็อดหวั่นไหวไม่ได้ พวกเธออยู่บนเตียงนะ แถมยังมีแอลกอฮอล์นำทางอีก เธอรู้ว่าเธอรู้สึกดีๆ กับอเล็กเซย์ แต่มันคงไม่ดีแน่ ถ้าเธอจะเกินเลยกับเขาทั้งที่พี่ชายเขาจ้องจะงาบเธออยู่ เธอไม่อยากให้พวกเขาพี่น้องต้องมาทะเลาะกันหรอก เฮ้อ...เซ็งตัวเอง เธอน่าจะใช้ความเมาที่เป็นอยู่ ทำเรื่องบ้าๆ ให้บ้าสุดเหวี่ยง แต่สติส่วนดีที่เหลือเพียงน้อยนิดก็ย้ำเตือนไว้ เธอลากปลายนิ้วไปตามแนวคางของอเล็กเซย์อย่างแสนเสียดาย อ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากเขา ก่อนจะตัดใจ แล้วลุกขึ้นนั่ง “ฉันต้องกลับห้อง ฉันนอน...ที่นี่ ม่ายด้าย!” ฟึ่บ! เสียงอะไรสักอย่างกระแทกหมอนนุ่มฟูของเลฟ ณัชรินทร์ชักมึนศีรษะ เมื่อกี้นั่นแขนหรือขากันนะที่ผลักร่างเธอลงมา “จาทิ้งกันเหรอ ห้าม! ห้ามเลย เราต้องดื่ม เอื๊อก! ดื่มให้หมดขวด! อึกๆๆ” แล้วอเล็กเซย์ก็ยกขวดเหล้ากระดกอึกๆ ณัชรินทร์ปรือตามอง อยากจะยกขวดขึ้นดื่ม แต่ทำไม่ได้ แขนมันหนักอึ้งไม่ต่างจากกระบอกตา เธอพยายามแล้ว พยายามลืมตามองอเล็กเซย์ แต่มัน...ไม่ไหวจริงๆ อเล็กซ์เซย์เองสองตาก็แทบลืมไม่ขึ้น แต่ยังยกขวดขึ้นกระดกรัวๆ เขาบ่นพึมพำไปตามประสาคนเมา ก่อนจะแลหาอะไรสักอย่างที่แขวนอยู่ข้างเสา “หึๆๆ ห้ามหนีนะชาช่า เราต้องดื่มกันยันเช้า อึก!” อเล็กเซย์สะอึกไปหลายหน ตอนที่มือคว้าเอาสายโซ่ข้างเสามาถือไว้ เขาดึงมันเข้าหาร่างของณัชรินทร์ ล่ามข้อมือทั้งสองของหล่อนไว้ ก่อนจะยิ้มเรี่ยราดอย่างสมใจ “ห้ามหนีน้า...ชาช่า...ห้ามหนี เรา...ต้องดื่มสิ ดื่ม! อึกๆๆ” อเล็กเซย์ทิ้งร่างลงข้างกระต่ายน้อย กำคอขวดกระดกอยู่ดีๆ แรงที่มีก็หดหาย เขากลืนเหล้าอึกสุดท้ายในตอนที่ขวดเหล้าหล่นลงข้างเตียง เจ้าพ่อปาร์ตี้สิ้นฤทธิ์แล้ว สิ้นฤทธิ์บนเตียงของพี่ชายโดยไม่รู้ตัว [5] รสรักของเลฟ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD