“ทำไมต้องไปอยู่ห้องคุณ เอาไปขังไว้ที่อื่นสิ คุกใต้ดินหรืออะไรก็ได้ จะตัดแขนตัดขาก็ว่าไป”
“อา...ขอโทษด้วยคุณผู้หญิง บังเอิญฉันไม่ชอบมีเซ็กซ์กับคนพิการน่ะ อย่างน้อยๆ ก่อนที่ฉันจะพิสูจน์ว่าเธอเวอร์จิ้นจริงหรือเปล่า มั่นใจได้เลยว่าแขนขาเธอจะยังอยู่ครบ แต่ถ้าเธอเล่นตุกติกโกหกกันละก็ รับรองว่าหัวกับตัวได้อยู่คนละที่แน่ๆ”
ณัชรินทร์อ้าปากค้าง เกิดมายังไม่เคยเจอคนใจบาปหยาบช้าขนาดนี้เลย
“ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว! ขายฉันเลยสิ ขายฉันซะ! กรี๊ดดด!!!”
เสียงกรีดร้องของแม่ตัวแสบยังดังอยู่ข้างหูของเลฟทั้งที่ร่างหล่อนถูกหิ้วปีกออกไปแล้ว เขาส่ายหัวอย่างระอา แต่ก็ดีที่อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีกระต่ายน้อยมายืนเกะกะลูกตาแล้ว
“จะดีหรือครับ” ฟิโอดอร์อดท้วงเจ้านายไม่ได้
“อะไร?”
“มิสชาช่า เธออาจจะไม่สะอาดและไม่ปลอดภัย” เขาเอ่ยตามจริง ก็ไม่ได้รู้จักหล่อนมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำหล่อนเป็นใคร
“ฉันคงได้พิสูจน์คืนนี้ว่าเธอสะอาดจริงไหม”
“เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่มิสชาช่ายัง...เวอร์จิ้น โดยเฉพาะที่เธอเป็นคนไทย ประเทศที่เลื่องลือเรื่องผู้หญิงแบบนั้น”
“โอ...ภาษาไทยดีขึ้นนะฟิโอดอร์ ฟังรู้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอ”
“ครับนาย หลังจากที่ถูกมาดามตามตัววันละหลายหน ผมคิดว่าตัวเองเก่งขึ้นเยอะ”
“อย่าพูดถึงแม่ฉัน”
เลฟห้ามในทันทีที่ได้ยินฟีโอดอร์เอ่ยถึง มาดามวาเลนติน่า ผู้เป็นมารดา เป็นเรื่องปกติที่แม่กับลูกไม่ค่อยถูกคอกันนักโดยเฉพาะแม่ที่ดันมีลูกอย่างเขา เขาพยายามแล้วนะในการสานต่อธุรกิจของผู้เป็นตา เขาอยากจะทำให้มันขาวสะอาดพอๆ กับปุยหิมะนอกหน้าต่างนั่นแหละ แต่ของแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปสิ จริงไหมล่ะ
“จะแวะไปหาไหมครับ”
“ไม่ มาดามของนายคงไม่อยากเจอฉันหรอก เตรียมรถ ฉันจะไปคลับ”
ฟิโอดอร์พลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“เช้าเกินไปที่จะไปคลับ”
“งั้นฉันควรขึ้นไปบนห้องแล้วจัดการกระต่ายน้อยของอเล็กเซย์ดีไหม”
“จะเตรียมรถให้เดี๋ยวนี้ครับนาย”
เสียงรถแล่นออกไปจากหน้าคฤหาสน์ ณัชรินทร์วิ่งไปดูที่หน้าต่าง หวังว่านั่นจะเป็นรถของเลฟ เธอไม่สนหรอกว่าเขาจะไปไหน เพราะสิ่งเดียวที่เธอสนตอนนี้คือทำอย่างไรถึงจะออกไปจากที่นี่ได้ เธอไม่อยากสังเวยความสาวให้ปีศาจตัวซีดนั่นหรอกนะ
ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างขุ่นเคือง ทำไมฝาแฝดถึงได้นิสัยต่างกันสุดขั้วขนาดนี้
“พอรู้ว่าเราบริสุทธ์เข้าหน่อยระริกระรี้จะพาเราขึ้นเตียง แหม...ฝันไปเถอะ! เงาขาฉันก็ไม่มีวันได้เห็นหรอก ไอ้บ้าเลฟ! มาเฟียจอมหื่น!!”
ปัง! ปัง! ปัง!
ฟิ้ว!!!
ไม้กอล์ฟราคาแพงถูกเหวี่ยงทิ้ง มันตกอยู่ข้างเตียงด้วยความโมโห เธอพยายามแล้วในการทำลายระบบล็อกประตูอัตโนมัติ แต่ไม่สำเร็จ เธอกดรหัสบนแป้นสี่เหลี่ยมผิดไปหลายรอบ และพอหลายรอบเข้า เธอก็ไม่สามารถกดปุ่มนั่นได้อีก จากที่เคยเห็นมา ประตูแบบนี้สามารถเปิดได้จากข้างในนะ แต่คงมิใช่ประตูของอีตานี่ เพราะเธอเปิดมันไม่ได้!
“โธ่เว้ย! จะอะไรกันนักกันหนา ปล่อยฉันออกไปนะ ปล่อยฉ้านนน!!!”
ณัชรินทร์กรีดร้อง ทั้งยังทุบบานประตูปังๆ เพื่อส่งสัญญาณให้คนข้างนอก แต่จนแล้วจนรอดก็เสียแรงเปล่า เธอกลับมานั่งที่โซฟาตัวหนึ่งที่วางอยู่ปลายเตียง ถึงกับหอบแฮ่กๆ เมื่อออกแรงหวดไม้กอล์ฟใส่ประตูไปหลายรอบ ก็อยากชื่นชมกับความหรูหรามีราคาของเครื่องเรือนทั้งหลาย แต่นาทีนี้มันชื่นชมอะไรไม่ลง พอนั่งนิ่งๆ สงบสติอารมณ์ก็เริ่มทำใจแล้วว่าถึงอย่างไร เสียตัวให้มาเฟียบ้าอำนาจแค่คนเดียวก็ยังดีกว่าถูกขายไปซ่องเพื่อปรนเปรอผู้ชายมากหน้าหลายตา
อันนี้ก็แค่คิดปลอบใจตัวเองละนะ เพราะถ้าเป็นไปได้ ก็อยากหอบความสาวกลับเมืองไทยนั่นแหละ
“ยัยขวัญ เธอรู้ไหมว่าทำอะไรไว้กับพี่ เธอรู้บ้างไหม” พูดกับตัวเองอย่างสิ้นหวังแล้วหันมองที่หน้าต่าง หิมะสีขาวยังโปรยปราย ใกล้จะปีใหม่แล้ว หิมะก็เห็นสมดั่งใจแล้ว แต่กลับไม่ยินดีเลย เธออยากกลับบ้าน แม้ที่บ้านจะไม่มีใครคิดถึงเธอก็ตาม
ช่วงสายของวันเดียวกัน คนของเลฟเอาหารเข้ามาส่ง ณัชรินทร์อยากหนีออกไปอยู่หรอก แต่ไม่ได้มีแค่สาวใช้นี่นา ผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนก็มาด้วย เธอยอมก็ได้ เธอจะกินให้อิ่ม สมองจะได้แล่น พอสมองแล่น เธอจะได้หาทางหนีได้อย่างไรเล่า
ณัชรินทร์กินอาหารที่มีคนยกมาให้ มันเป็นซุปข้นสีแดงจัดจ้านที่มีส่วนผสมของบีทรูท กะหล่ำปลีและเนื้อ มีเครื่องเคียงเป็นขนมปังกระเทียมราสชีส อย่าได้ถามถึงรสชาติ มันจะไปสู้ส้มตำไก่ย่างได้อย่างไร
“แต่ก็อุ่นท้องดีเหมือนกันแฮะ” บอกตัวเองแล้วก้มมองถ้วยซุป มันเหลือแต่ถ้วยเปล่าแล้วตอนนี้ เธอดื่มชาอุ่นๆ ไปถ้วยใหญ่หลังมื้ออาหาร พอหนังท้องตึงหนังตาไม่ได้หย่อนหรอกนะ เพราะสมองมีพลังพอที่จะหาอะไรทำนอกจากนั่งรอชะตากรรมอันโหดร้าย
เธอเริ่มสำรวจห้องของเลฟอีกครั้งหนึ่ง ตู้ไหนเปิดได้เปิด ลิ้นชักอันไหนเปิดได้ก็เปิดให้สิ้น ในห้องที่มีประตูบานเลื่อนสีเดียวกับผนังห้อง พอเปิดเข้าไปก็ประหนึ่งว่าเป็นศูนย์รวมสินค้าของบุรุษ มีเสื้อผ้าแบรนด์หรู รองเท้า เข็มขัด นาฬิกา โอ๊ย...เยอะ! แต่เธอไม่สนมันหรอก เธอสนแค่อะไรก็ได้ที่สามารถเปิดประตูได้น่ะ
ไม่มีสิ่งที่เธอต้องการในห้องแต่งตัว เธอพยายามคิดว่าคนอย่างเขาจะซ่อนอะไรไว้ตรงไหนบ้าง แล้วสมองอันชาญฉลาดก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ มีหมอนสองใบบนเตียงเขา เธอยืนมองมันอยู่นาน ก่อนเลือกหยิบหมอนใบขวามือ
“โอ๊ะโอ!? หน้าตาฉันดูไม่มีพิษภัยเลยเหรอ ทำไมเขาถึงเอาฉันมาขังไว้ในห้องที่มีปืนซ่อนไว้ใต้หมอนล่ะ”