คฤหาสน์มาร์ติเนซ
หัวใจของณัชรินทร์ไม่ได้เต้นรัวอย่างตื่นกลัวอีกแล้ว กลับกันมันใกล้จะหยุดเต้นทุกขณะ เธอปลงละนะ ปลงจริงๆ เชิญเอาเธอไปต้มยำทำแกงเถอะ หากเขาต้องการ เธอถูกยัดเข้ามาในรถหรู อย่างน้อยมันก็ทำให้เธออุ่นกว่าเดินลุยหิมะอยู่ข้างถนน รถไม่ได้มุ่งหน้าไปท่าเรือ แต่ขับไปที่ไหนสักที่ มันไกลมากจากตรงนั้น และด้วยความมืดมิดของราตรี เธอเลยไม่อาจจดจำเส้นทางได้
แล้วในที่สุดรถก็หยุดหลังจากแล่นมาเกือบชั่วโมง ร่างของณัชรินทร์ถูกดึงออกไป วินาทีแรกที่คฤหาสน์หลังงามปรากฏแก่สายตา เธอคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ ฝันดีเสียด้วย คฤหาสน์หลังมหึมาถูกปกคลุมด้วยปุยหิมะราวกับปราสาทของเจ้าหญิงในนิทาน คงดีกว่านี้ถ้าเธอถูกเชื้อเชิญมาที่นี่ แทนที่จะถูกฉุดมา
ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาเธอ เขาหล่อเหลายามอยู่ใต้แสงสว่างหน้าคฤหาสน์ โครงหน้าเขาช่างสมบูรณ์แบบ คิ้วดกดำ จมูกโด่งคม ริมฝีปากหยักหนา และมีดวงตาที่ชวนลุ่มหลง ชุดที่เขาสวมนั้น หากไม่ได้เบ้าหน้านี้ รับรองว่าไปไม่รอด เขาดูอารมณ์ดี มีรอยยิ้มพร่างพราย
“ผมชื่ออเล็กเซย์ เป็นเจ้าของคฤหาสน์นี่ คุณชื่ออะไรล่ะกระต่ายน้อย”
“เอ่อ...ณัชรินทร์ค่ะ ฉันชื่อณัชรินทร์” เธอเห็นเขามุ่นคิ้วเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“เป็นชื่อที่เรียกยากเหลือเกิน กระต่ายน้อยตัวเหลือง” เขาล้อเรื่องผิวสีเหลืองนวลของหล่อนด้วยเอ็นดู ผิวหล่อนสวยทีเดียว สวยกว่าผิวขาวซีดของผู้หญิงบนเกาะเป็นไหนๆ
“เรียกฉันว่า...น้ำชา...”
“ชาช่า...ผมจะเรียกคุณว่าชาช่า”
“อ่า...ค่ะ อะไรก็ได้ แล้วแต่คุณเถอะ”
อเล็กเซย์ยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกายอย่างนึกสนุก เขาไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นคนเอเชียนะ อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีเลยก็ว่าได้
“ขออภัยที่ลากคุณมา คงตกใจแย่ ผมมีเวลาไม่มากพอให้คุณตอบรับหรือปฏิเสธน่ะ เอาเป็นว่าเรื่องพาสปอร์ตของคุณ คนของผมจะรีบจัดการให้ บอกรายละเอียดกับฟิโอดอร์ ภาษาอังกฤษคุณพอจะ...”
“ฉันพอสื่อสารรู้เรื่องค่ะ แต่ว่า...คุณเป็นคนดีใช่ไหม ขอโทษนะคะที่ถามโง่ๆ ฉันคงไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ”
“ผมเป็นคนดีมาก มากๆ เลยถ้าเทียบกับเลฟละนะ”
เขาพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เสยผมไปมาจนมันดูยุ่งนิดๆ แต่กลับดูเซ็กซี่ในสายตาของณัชรินทร์ เธอมองเขาเพลิน แต่ก็แอบสงสัยว่าเลฟไหนอีกล่ะ
“เอาละนะสาวน้อยผู้น่าเอ็นดู คุณจะได้พักในห้องที่มีเตาผิง ตื่นเช้ามามีนมอุ่นๆ ขนมปังร้อนๆ ให้กิน แล้วพรุ่งนี้ เราค่อยมาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณดีไหม”
ทั้งถ้อยวาจาและดวงตาที่สื่อ บอกได้เลยว่าเธออุ่นใจเหลือเกิน อย่างน้อยๆ ในวันที่สวรรค์กลั่นแกล้ง ท่านยังใจดีส่งเทพบุตรคนนี้มาให้เธอ ขอให้เขาเป็นคนดี มีจิตใจเมตตา และช่วยปกป้องเธอจนกว่าจะก้าวขาออกจากประเทศนี้ด้วยเถิด
“ฟิโอดอร์” อเล็กเซย์เรียกหาคนสนิท
ณัชรินทร์แลหาคนที่เขาเรียก ฟิโอดอร์น่าจะอายุมากกว่าเจ้านาย ร่างเขาสูงใหญ่ไม่แพ้อเล็กเซย์ แต่หน้าตานั้นดุดันกว่ามาก
“ช่วยจัดการเรื่องยุ่งยากให้กระต่ายน้อยจากเอเชียคนนี้ด้วย ฉันเหนื่อยแล้ว”
“ครับนาย”
ฟิโอดอร์รับคำเจ้านาย ผายมือเชื้อเชิญแขกพิเศษให้ไปยังห้องพัก
ณัชรินทร์รู้สึกเหมือนถูกพาขวัญถีบลงนรกแล้วถูกมือของอเล็กเซย์ดึงขึ้นมา เธอทิ้งกายลงบนฟูกหนา เมื่อสาวใช้สามคนของอเล็กเซย์ก้าวจากไป
ฟิโอดอร์ยังอยู่ เขาเข้ามาจดรายละเอียดส่วนตัวของเธอ เพื่อจะได้ควานหาพาสปอร์ตมาให้ เธอคุยกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ
“ฉันคิดว่าทำหายที่คลับ เอ่อ...ฉันจำชื่อคลับไม่ได้ค่ะ แต่น่าจะมีที่เดียวบนเกาะนี้ ฉันมาเที่ยวกับน้องสาวน่ะ”
ฟิโอดอร์ไม่ตอบโต้ แต่จดบางอย่างลงในไอแพดของตัวเอง
“ฉันจะได้คืนไหมคะ อันที่จริงฉันไม่แน่ใจว่ามันหล่นหายหรือว่าติดไปกับกระเป๋าที่น้องสาวขโมยไปกันแน่”
“เราจะหาให้ครับมิส”
“นานไหมกว่าจะได้คืน หรือกว่าจะได้เบาะแส”
“ง่ายกว่าถ้าหาพาสปอร์ตเล่มใหม่ให้คุณ” เขาบอกแล้วยิ้ม ก่อนจะเอ่ยต่อ “นั่งตรงๆ แล้วมองกล้องครับมิส”
ณัชรินทร์นั่งตัวตรงแล้วมองไปยังไอแพดของฟิโอดอร์ เกิดเสียงแชะเบาๆ ตามมา เธองงอยู่ หรือว่าเขาจะทำพาสปอร์ตใหม่ให้เธอจริงๆ
โอ...มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ!?
ความงุนงงของณัชรินทร์ยังตามติดเหมือนเงา แม้แต่ในตอนเช้าที่กลิ่นขนมปังอบใหม่กรุ่นไปทั่วคฤหาสน์ เธอลุกมาอาบน้ำอุ่นแล้วสวมเสื้อผ้าที่มีคนเตรียมไว้ให้ เดรสผ้าไหมเนื้อดีสีครีมอ่อน กับเสื้อหนาวสีเข้ากันแขวนไว้ในตู้ เธอไม่มีเวลาตะลึงลานกับเสื้อผ้ามีราคา เธออยากคุยกับอเล็กเซย์ อย่างน้อยก็เรื่องที่เธอต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้พาสปอร์ต เธอเกรงใจถ้าต้องอยู่เฉยๆ คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้คงมีอะไรให้เธอทำบ้าง จริงไหมล่ะ
เธอหันซ้ายแลขวา ก้าวไปตามทางเดินที่มีประตูห้องเรียงกันเป็นตับ ได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน น่าจะเป็นตรงห้องโถงใหญ่ที่มีไออุ่นของเตาผิง เสียงฟืนที่ถูกเผาแตกลั่นดังเปรี๊ยะๆ สื่อให้รู้ว่ามีคนอยู่ตรงนั้นจริงๆ
“คุณไม่ใช่เทพบุตรบนฟ้า คุณคือคนจริงๆ ด้วยอเล็กเซย์”
เธอเอ่ยออกมาอย่างตะลึงลาน อเล็กเซย์ยืนอยู่ข้างเตาผิงในชุดสูทสีนิลแสนสง่า ช่วงขายาวๆ นั่นไม่ต่างจากนายแบบชื่อดังทีเดียว เขาดูแตกต่างเล็กน้อย ทั้งเรือนผมที่เซ็ตจนเงาวับกับเสื้อสูทที่ไม่มิใช่ลายกุหลาบอีกต่อไป เขาดูเหมือนนักธุรกิจมาดขรึมที่หล่อเหลาบาดจิตบาดใจ และเธออดยิ้มไม่ได้ ผู้ชายอะไรหล่ออย่างกับสวรรค์ปั้นมา
“คุณจริงๆ ด้วย” เธอเอ่ยแล้วไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน เขามองเธออยู่ คิ้วย่นและทำหน้างงๆ “ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืนนี้ ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี ฉันมีคำสรรเสริญมากมายที่ชาตินี้คงพูดกับคุณไม่หมด ฉันซาบซึ้งที่คุณช่วยฉัน และ...ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณละก็...”
“ฟิโอดอร์!!!?”
สองบ่าของณัชรินทร์สะเทือนแรง นั่นเสียงอเล็กเซย์จริงๆ แต่ไม่ใช่แบบนุ่มนวลอย่างที่เธอเคยได้ยิน มันดุดันและเต็มไปด้วยอำนาจจนเธอสะดุ้งโหยง ฟิโอดอร์ก้าวเข้ามาในห้องภายในสิบวินาที เขามองเธอและแน่นอนว่าเธอแอบเห็นเขาถอนหายใจ
“นั่นใคร!?”
“มิสณัชชา...เอ่อ...ชาช่าครับนาย”
ชายหนุ่มยังงงอยู่ แน่นอนว่าแม่สาวตัวเล็กตาคมที่มีผิวสีเหลืองนวลนี่ดูสะดุดตาไม่น้อย แต่ใช่เรื่องที่หล่อนจะมาเดินกรีดกรายอยู่ที่นี่รึ