[2]
ผู้หญิงของมาเฟีย
ณัชรินทร์กลับมาที่ห้องพักด้วยความช่วยเหลือของอเล็กเซย์ เขาส่งเธอเข้าห้อง ช่วยหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน และพอเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ พอกลับออกมาอีกที อเล็กเซย์ก็ยืนยิ้มแป้นรอท่าพร้อมกับชาดอกไม้หอมอบอวลไปทั่วห้อง
“จิบชาดอกคาโมไมล์หน่อยไหม จิตใจจะได้สงบ ขอโทษอีกทีกับการกระทำของเลฟ ไม่รับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่จะพยายามกันเขาให้ห่างจากคุณ”
“เขาไปแล้วหรือคะ”
“ไม่แน่ใจ อาจจะอยู่ที่ไหนสักที่ในบ้านนี่แหละ เขาโดนยิงนี่นา”
พออเล็กเซย์พูดอย่างนั้นณัชรินทร์ก็ดันรู้สึกผิด อย่างไรเสียเขาก็เป็นเจ้าของบ้าน และเธอดันยิงเขาเสียได้
“กระสุนเข้าลึกไหม”
“ไม่มั้ง ถ้าอาการสาหัสคุณคงได้เห็นบรรดาหมอเดินกันให้ว่อนแล้ว อ้อ...ฟิโอดอร์แจ้งว่าพาสปอร์ตของคุณจะมาถึงในอีกสามวันข้างหน้า”
“โอ...นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากเลย” หัวใจเธอพองโตเมื่อรู้ถึงความคืบหน้าเรื่องพาสปอร์ต อเล็กเซย์รินชาให้เธอ ท่าทีเขานุ่มนวลเป็นธรรมชาติ ช่างต่างจากเลฟมากมายเหลือเกิน หากอเล็กเซย์คือความนุ่มนวล เลฟก็คือความแข็งกร้าว หากอเล็กเซย์สุกสว่างเหมือนดวงดาว เลฟก็คือความมืดมิดดั่งราตรี พวกเขาแตกต่างกัน ทว่าก็เหมือนกันอย่างน่าเหลือเชื่อ
เธอจิบชาช้าๆ ให้ไออุ่นของชาในถ้วยช่วยบรรเทาอาการที่เป็น เธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เธอไม่รู้ว่าเลฟจะกลับมาวันไหน และเขาจะเอาคืนเธออย่างไร บอกตรงๆ เลยว่ากลัว
“เห็นบ้านหลังเล็กนั่นไหม”
อเล็กเซย์ชี้ออกไปนอกหน้าต่าง เธอลุกไปมอง บ้านหลังเล็กที่เขาว่านั้นมีอาณาเขตมากกว่าบ้านของป้าเธอที่เมืองไทยหลายเท่าทีเดียว
“ไปอยู่ที่นั่นเถอะ”
“คะ?”
“อย่างน้อยก็จนกว่าพาสปอร์ตจะมา”
“ใครอยู่ที่นั่นเหรอ”
“แม่ผมเอง”
พอเขาพูดอย่างนั้นณัชรินทร์ก็แทบสำลักน้ำชา
“แม่ผมอาจจะดู...น่าปวดหัวสักหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าอยู่นั่น คุณต้องปลอดภัยจากพี่ชายผมแน่”
“ขอบคุณนะคะอเล็กเซย์ แต่ว่า...คงดีกว่าถ้ามีที่อื่นให้ฉันอยู่ อย่างเช่นนอกรั้วคฤหาสน์ของคุณ โรงแรมเล็กๆ ที่ค่าเช่าไม่แพงก็ได้ สัญญาว่าถ้ากลับถึงเมืองไทยเมื่อไหร่ ฉันจะใช้หนี้ให้คุณอย่างแน่นอน” เธออธิบาย ทว่าเขายิ้มขบขันราวกับว่าเธอกำลังพูดเรื่องตลก
“เรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหาหรอกที่รัก อย่าลืมสิว่าคุณทำอะไรไว้ คุณยิงเลฟ ไม่ว่าคุณจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบนเกาะนี้ หรือว่าบนโลกใบนี้ เชื่อเถอะว่าเขาไม่ปล่อยคุณหรอก”
“เขาจะทำอะไรกับฉัน จะฆ่าฉันเหรอ”
อเล็กเซย์ยักไหล่
“คุณน่าจะรู้แล้วนะว่าเขาจะทำอะไร และมันแปลกมากที่เขาพาคุณขึ้นเตียง คุณไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เลฟชอบ”
“ไม่แปลกหรอกถ้าคุณรู้ว่าฉันยังเวอร์จิ้น”
“โอ้ว...กระต่ายน้อยหายาก มิน่าล่ะเลฟถึงไม่ฆ่าคุณ รู้ไหมว่าเลฟเขาเป็นพวกนิยมชมชอบเรื่องบนเตียง รสนิยมเขาแบบว่า...รุนแรงและดิบเถื่อนไปบ้าง แต่เขาเป็นคนดีนะ จริงๆ”
“คนดีที่ไหนขายผู้หญิงไปซ่องล่ะ”
อเล็กเซย์ยิ้มแหยๆ เมื่อได้ฟังคำท้วง
“ผมพยายามคัดค้านแล้วในเรื่องนี้ แต่ไม่สำเร็จ ผมไม่ค่อยชอบเรื่องงานของเขาหรืองานของครอบครัว แต่ผมชอบเงิน เงินเยอะๆ แม่ผมก็ชอบแบบนั้น และเราไม่มีสิทธิ์ออกเสียงมากนักในเมื่อเราไม่ได้เป็นคนหาเงิน ผมกับเขาแตกต่างกันมากนะ แม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกันก็ตาม”
“โอ...ฉันรู้ค่ะ คนที่ซ่อนปืนไว้ใต้หมอนน่ะ ไม่ใช่คนดีนักหรอก”
“งั้นผมก็เป็นคนดีสิ อ้อ...รู้หรือยังว่าผมไม่ใช้ปืน”
“หมายถึง?”
“ผมใช้ปืนไม่เป็น และมันน่าทึ่งมากที่คุณใช้ปืนเก่งกว่าผมที่เป็นผู้ชายเสียอีก”
“ฉันแค่พอยิงได้น่ะ เคยยิงมาบ้างสมัยเรียนน่ะ”
“ดีแล้ว อย่างน้อยถ้ามีปืนสักกระบอก คุณคงอยู่บนเกาะได้สบายใจมากขึ้น เอาละนะ เราไปอาณาจักรของคุณนายมาติเนซกันเถอะ”
ณัชรินทร์ยอมตามไปแต่โดยดี นาทีนี้ให้อยู่ที่ไหนก็ได้ ขออย่างเดียว อย่าต้องให้ร่วมห้องกับเลฟเป็นพอ
การตกแต่งแบบคลาสสิกปรากฏอยู่ทั่วทุกมุมของบ้าน และพอเข้ามายืนอยู่ภายในจึงได้รู้ว่ามันหลังใหญ่มิใช่น้อย ผนังด้านหน้าเป็นกระจกใสบานใหญ่ยาวไปจนสุดห้องโถง ประดับด้วยผ้าม่านสีทองสลับแดง โซฟาบุนวมหรูหราตั้งวางอยู่กลางห้อง เจ้าบ้านที่เป็นสตรีมากวัยนั่งจิบชาอุ่นๆ อยู่ตรงนั้น กลิ่นชากุหลาบหอมฟุ้งจนณัชรินทร์เผลอสูดเข้าไปเต็มปอด
“อเล็กเซย์! นั่นลูกหรือจ๊ะ”
ภาษาไทยที่คุณนายมาตินเนซใช้ ทำให้ณัชรินทร์โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“แน่นอนครับ ผมเอง อเล็กเซย์”
รอยยิ้มของสตรีวัยกลางคนระบายเต็มวงหน้า นางโผเข้ากอดลูกชาย ในขณะที่ณัชรินทร์มองตาค้าง คุณนายมาติเนซเป็นสตรีที่งดงามมาก แม้ว่าจะอายุมากแล้วก็ตาม
“มีของมาฝากแม่ด้วย เธอมาจากบ้านคุณยาย”
“โอ๊ะโอ...มาจากเมืองไทยเหรอ”
“ครับ” เขาบอกมารดาพร้อมรอยยิ้ม ดึงแขนณัชรินทร์เข้ามาใกล้
หญิงสาวรีบยกมือไหว้ รู้สึกเกร็งไม่น้อยกับสายตาของสตรีตรงหน้า
“ว้าว...เธอเป็นของขวัญใช่ไหม” ถามลูกชายแต่อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้ม
ณัชรินทร์มองคนทั้งสองตาปริบๆ เธอเป็นคนนะ เธอไม่ใช่ของขวัญ
“ฝากไว้สองสามวันได้ไหม ถ้าเลฟมาตามหา ช่วยบอกว่าเธอไม่อยู่นี่”