เมื่อทุกคนออกไปแล้วเว่ยเซียวหยางก็ลุกขึ้นก่อนจะคว้าลำคอระหงของซ่งจื่อเหยียนที่หลับอยู่เพราะความเพลียขึ้นมา นางตื่นทันทีหายใจไม่ออกก่อนจะดิ้นรน
“ปะ ปล่อย แค่กๆๆข้า”
“ใครใช้เจ้ามา บอกมาเผื่อข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หรือว่าเจ้าจะได้ตายไม่ทรมารมากนัก”
“ไม่มี น้องสาวของข้านางๆให้คนพาข้ามาที่นี่ แค่กกๆๆๆๆๆ”
ร่างบางดิ้นรนเริ่มตาเหลือกโพลง เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางลงไปกลางห้องก่อนจะเอ่ยถาม
“เจ้าชื่ออะไร”
ซ่งจื่อเหยียนที่ตอนนี้หวาดกลัวบุรุษตรงหน้ายิ่งนักนางเอ่ยตะกุกตะกัก
“ข้าแซ่ซ่ง ซ่งจื่อเหยียนเจ้าค่ะ คะ คุณชายเรื่องเมื่อคืนข้าไม่ อุ๊บ!!!!”
ร่างบางถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับเตียงอีกรอบ เว่ยเซียวหยางสะบัดฝ่ามือใส่นางก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ
“อย่าเอ่ยถึงเรื่องอัปยศที่เจ้าเป็นคนก่ออีก แซ่ซ่งหรือ เจ้าเป็นอะไรกับซ่งฮั่นเหลียง”
“เขาเป็นบิดาของข้าเจ้าค่ะ”
“เจ้ารู้ไหมข้าเป็นใคร”
“มะ ไม่ ไม่รู้เจ้าค่ะ”
“ใส่เสื้อผ้าซะ ซ่งฮั่นเหลียงเจ้าเลี้ยงบุตรสาวได้ดีจริงๆ”
เว่ยเซียวหยางออกไปแล้ว ซ่งจื่อเหยียนใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา นางถูกเขาย่ำยีถาโถมจนกลางกายสาวมีแต่ความปวดหนึบ ยามที่ก้าวเดินนางเจ็บตรงกลางจนน้ำตาร่วง
ดึกมากแล้วนี่ยามโฉ่ว(01.00-02.59) นางค่อยๆพาตนเองกลับบ้าน รถม้าไม่มีแล้วออกจากตำหนักก็ไม่ได้ ซ่งจื่อเหยียนร้องไห้ออกมา มารดาทิ้งนางไปมีเพียงเย่วเล่อกับเย่วหลีสองคนที่ภักดี วันนี้พวกนางถูกสั่งห้ามตามมาด้วย
“ฮือๆๆท่านแม่ มารับข้าทีข้ามิอยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วฮือๆๆ ว้าย”
ร่างบางถูกมือหนากระชากขึ้นก่อนจะเหวี่ยงขึ้นรถม้าทันที ซ่งจื่อเหยียนนั่งตัวลีบอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า เขาน่ากลัวมากนางกลัวเขา รถม้าวิ่งมาจนถึงจวนซ่ง ไม่มีคนรอรับมีเพียงสาวใช้สองคนที่พอเห็นเจ้านายของตนก็พากันร้องไห้ออกมา
ไฟในเรือนถูกจุด ซ่งฮั่นเหลียงไม่รู้คนที่มาส่งบุตรสาวเป็นใคร มาถึงก็ตบหน้านางทันที ซ่งจื่อเหยียนทรุดลงไปกอง
“สารเลว แพศยาไปนอนแก้ผ้ากอดก่ายบุรุษ เจ้ามันไร้คนอบรมสั่งสอนจริงๆ”
“ท่านพ่อ น้องรองกับแม่รองพาข้าไปพักที่นั่น ข้าไม่รู้ว่าโอ๊ย”
ซ่งฮั่นเหลียงตบหน้าบุตรสาวซ้ำอีกที เขากำลังจะเงื้อมือตบซ้ำแต่กลับได้ยินเสียงออกมาจากรถม้า
“ข้าไม่สนใจเรื่องของเจ้ากับบุตรสาวคนนี้ แต่ที่ข้าอยากรู้บุตรสาวคนรองของเจ้ากล้าดีอย่างไรใช้ห้องพักของข้าเพื่อทำเรื่องสกปรกเล่นงานพี่สาวตนเอง ที่อื่นไม่มีให้พวกเจ้าลงมือหรอกหรือ ซ่งฮั่นเหลียง”
เสียงนี้เขารู้ว่าใคร ซ่งฮั่นเหลียงเข่าทรุดทันที บุตรสาวคนรองของเขาหรือ หากนางทำจริงๆเขาก็ไม่คิดจะติดใจ แต่นางกลับไปทำในที่ๆไม่สมควรทำนี่สิ
“ชินอ๋องเมตตาด้วย เรื่องนี้ซยาอวิ๋นไม่ได้ทำอันใดผิดนางมิได้วางแผนร้ายให้พี่สาวนางแต่อย่างใด แต่นางลูกชั่วคนนี้ต่างหากที่ทำพระองค์มัวหมองพ่ะย่ะค่ะ”
"ท่านพ่อ ท่านผ่านมาข้ามีตัวตนในสายตาของท่านหรือไม่เจ้าคะ"
"หุบปาก เจ้าทำท่านอ๋องขุ่นเคืองแล้ว เอ่อท่านอ๋องเรื่องท่านกับนางคือว่า..."
“หึ อย่าคิดว่าจะมีเกี้ยวมารับนางเล่า ข้ามิส่งโลงศพมาให้ก็นับว่าดีแล้ว เหวินเปียวไปได้แล้ว”
เมื่อเว่ยเซียวหยางไปแล้วซ่งอั่นเหลียงก็โบยบุตรสาวสิบทีแล้วไล่ไปอยู่ที่เรือนร้าง ข้าวน้ำมิให้ส่งไป มีเพียงแผ่นแป้งแข็งๆเท่านั้น นางถูกทิ้งไว้เรือนร้างหลังจวนมาสามเดือนแล้ว จนกระทั่งวันนี้น้องรองของนางซ่งซยาอวิ่นมาเยี่ยมก่อนจะเอ่ย
“ใบหน้าจิ้งจอกของเจ้าทำร้ายตัวเจ้าเอง ซ่งจื่อเหยียนเจ้ามันก็แค่ขยะไร้ค่า ขนาดบิดายังไม่สนใจเจ้าเลยฮ่าๆๆๆ”
“น้องรอง เหตุใดต้องทำกับข้าถึงเพียงนี้”
“หึ ใครใช้ให้องค์ชายห้าลุ่มหลงใบหน้าจิ้งจอกของเจ้า อ้อได้ข่าวว่ามีคนที่ไม่ชอบเว่ยเซียวหยางไปทูลฟ้องชินอ๋องข่มเหงสตรี จนฝ่าบาทมีรับสั่งให้เขาแต่งเจ้าเข้าจวน ชินอ๋องรังเกียจสตรีมากนัก เจ้าจะมีชีวิตรอดได้ถึงเจ็ดวันหรือไม่เล่าพี่ใหญ่ ฮ่าๆๆ”
ซ่งซยาอวิ๋นไปแล้ว ซ่งจื่อเหยียนร้องไห้ออกมาจนเย่วเล่อปลอบใจ
“อย่าร้องเลยเจ้าค่ะคุณหนู บางทีท่านอ๋องอาจไม่ใจร้ายเพียงนั้น อย่างไรแม้ว่าจะเพียงสัมพันคืนเดียวก็ถือเป็นผัวเมียนะเจ้าคะ”
“พี่เย่วเล่อกล่าวถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูท่านต้องเข้มแข็งนะเจ้าคะ”
“อืม ไปจากที่นี่บางทีอาจดีกว่าก็ได้”
สามคนนายบ่าวได้แต่ให้กำลังใจต่อกัน รุ่งเช้าเมื่อถึงยามซื่อรถม้าของจวนอ๋องก็มารับพวกนางแต่ไม่ได้ไปตำหนักชินอ๋องแต่อย่างใด รถม้าเคลื่อนออกไปนอกเมือง เหวินเปียวเอ่ยกับพวกนางด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“ท่านอ๋องให้ไปส่งพวกเจ้าที่จวนร้างนอกเมือง หวังสูงนักก็ไปเป็นนายหญิงที่จวนร้างโน้น”
เย่วเล่อทนไม่ไหวจึงได้ตวาดขึ้นมา
“หวังสูงหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้นะทั้งนี้ทั้งนั้นหากไม่ใช่เพราะเจ้านายของเจ้ามีสันดานดิบอยู่แล้วเรื่องนี้จะเกิดหรือ”
“เจ้าพูดอีกทีสิ แค่สาวใช้คนหนึ่งกล้าดีอย่างไรมากล่าวหาท่านอ๋องอยากตายหรือ”
เย่วหลีกระตุกแขนเสื้อพี่สาวแต่เย่วเล่อไม่สนใจแล้วนางเหลืออดจริงๆตั้งแต่ออกมาจากจวน องครักษ์คนนี้กล่าววาจาเชือดเฉือนไม่หยุด
“เป็นบุรุษแต่เอาแต่กล่าวโทษสตรี เจ้าอยู่บ้านใส่กระโปรงหรือ องครักษ์เหวินสินะ ได้ยินคนขับรถม้าเรียกเจ้าเช่นนั้น”
เหวินเปียวหันกลับมามองหน้าเย่วเล่อด้วยสายตาอาฆาตแต่ซ่งจื่อเหยียนกลับบอกให้หยุด
“เย่วเล่อหยุดเถอะ อุ๊บ อื้อ ข้าอยากอาเจียนน่ะ เหมือนจะเมารถ ท่านองครักษ์ช่วยชะลอได้หรือไม่”
“อีกไม่ถึงสิบลี้ก็ถึงแล้ว อดทนหน่อยคุณหนูซ่ง”
“ทั้งนายทั้งบ่าวจิตใจไม่เหมือนมนุษย์ ขอร้องพวกเขาสู้ไปขอร้องสุนัขยังดีกว่า”
เย่วเล่อเอ่ยจบก็ไปนั่งกับคุณหนูของนาง ไม่นานก็มาถึงจวนร้างนอกเมือง ทันทีที่ส่งพวกนางเสร็จรถม้าก็กลับทันที สามคนนายบ่าวเข้าไปด้านใน จวนนับว่ากว้างมากนักมีเรือนหลักถึงสามเรือน และเรือนเล็กอีกหลายหลัง พื้นที่กว้างขวาง เพียงแต่เก่ามากต้องบทำความสะอาดครั้งใหญ่
เย่วหลีปิดประตูจวนจากนั้นสามนายบ่าวก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่โดยไม่มีใครรู้ จนกระทั่งได้เจอกับป้าหูที่สามีนางมีอาชีพหาของป่ามาขาย ซ่งจื่อเหยียนเพิ่งรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ก็จนกระทั่งท้องของนางใหญ่ขึ้นและเด็กในท้องเริ่มดิ้น สามคนนายบ่าวไม่มีเงินทอง มีเพียงสินเดิมของฮูหยินที่เป็นหยกเนื้อดีสามชิ้น ขายไปแล้วชั้นหนึ่งได้มาแปดร้อยตำลึง เหลืออีกสองชิ้น คุณหนูบอกว่าให้ถึงที่สุดค่อยขายอีกชิ้น อีกไม่นานก็คลอดแล้ว คนจากตำหนักอ๋องไม่เคยมาดูดำดูดีเลยนั้นแต่เอาพวกนางมาทิ้ง