ซูหลีคันปากยิกๆ อยากจะโพล่งออกไปว่าคุณหนูของตนนั้นฝีมือดีเลิศ ก็ได้แต่เม้มปากน้อยๆ เสี่ยวเชี่ยนเลื่อนชามเกี๊ยวน้ำมาต่อหน้า
“รีบกินกันเถอะ ข้าจะได้ไปตามคุณชาย อีกสักครู่ก็น่าจะออกมาแล้ว”
เมื่อคนทั้งสองกินอิ่มหนำสำราญแล้วก็มองเห็นจานเจิ้งก็เดินเคียงคู่ออกมาจากจวนกับกัวเจียงเยว่ ซูหลีจับตามองคนทั้งสองจนเสี่ยวเชี่ยนต้องแสร้งมองไม่เห็น เขาคิดจะเป็นเหยื่อที่น่ารักให้นางหลอกได้ง่ายๆ สักหน่อย
“น้องชาย ข้ายังไม่ถามชื่อแซ่เจ้าเลย”
“ข้าแซ่ซู ชื่อหลี”
“เอ๋? เจ้าแซ่เดียวกับเจ้าหนุ่มที่มาเป็นผู้คุ้มภัยให้คุณชายของข้าเลย ไม่รู้จักเขาบ้างหรือ? โน่นน่ะ! เดินมาโน่นแล้ว”
ซูหลีส่ายหน้า “คนแซ่เดียวกับข้าเยอะแยะไปหมด แต่ไม่แน่ว่าสืบสาวไปแล้วอาจจะเป็นญาติห่างๆ ก็ได้”
“ข้าแซ่ซือ ชื่อเชี่ยน”
“พี่เชี่ยน ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารข้า”
“แล้วนี่เจ้าจะไปที่ใดหรือ?”
“ข้ามาเมืองหลวงคิดจะหางานทำ หากท่านไม่ว่าอะไร ข้าขอติดตามท่านไปด้วยได้หรือไม่?”
“ข้าจะไปติดตามดูคุณชายนะ เจ้าจะไม่เบื่อหรือ?”
“ไม่เป็นไรข้าพอมีวรยุทธ์อยู่บ้าง เผื่อได้ช่วยเหลือท่าน”
“ดีๆ เช่นนั้นเราไปด้วยกันเถอะ”
ซูหลีแปลกใจเล็กน้อยที่ซือเชี่ยนผู้นี้เหตุใดจึงตกปากรับคำง่ายเหลือเกิน? แต่พอนึกว่าตนเองได้ประโยชน์มากกว่าจึงเลิกใส่ใจ ติดตามเขาไปห่างๆ
จานเจิ้งบอกกับกัวเจียงเยว่ว่าจะหาคำตอบเรื่องบิดาของเขากับใต้เท้ากัวให้ เมื่อนางมาถึงจวนแล้วจึงพานางเข้าไปค้นในห้องหนังสือของบิดา พวกเขาพบบันทึกฉบับหนึ่งที่กล่าวถึงความผิดของใต้เท้ากัวในครั้งนั้น
“บิดาของเจ้าทำร้ายใต้เท้าถัง ขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งในงานเลี้ยงด้วยความเมามาย ทำให้ถูกยื่นฎีกาให้เนรเทศ” เขายื่นบันทึกนั้นให้กับกัวเจียงเยว่ได้อ่าน หญิงสาวอ่านจบแล้วหน้าก็เผือดสีลง
“ท่านพ่อของข้ามิใช่คนที่เมามายแล้วจะทำร้ายผู้ใดได้? หากว่าท่านพ่อข้าถูกคนวางยาหวังใส่ร้ายเล่า?”
“เรื่องนี้เจ้าคงต้องกลับไปซักไซ้บิดาของเจ้า ส่วนข้าก็จะสอบถามบิดาของข้า หากคนทั้งสองยอมพูดความจริง เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะยาก”
“จะทำให้คนทั้งสองพูดความจริงได้อย่างไรล่ะ?”
จานเจิ้งยกยิ้มมุมปาก “ข้ามีวิธี เจ้าตามข้าไปตรอกคนโฉดก่อนเถิด”
คนทั้งสองจึงเดินออกจากจวนไปด้วยกัน จานเจิ้งต้องการให้เสี่ยวเชี่ยนหลอกล่อเอาซูหลีตามไปด้วย คุณชายสายโฉดพากัวเฉียงเยว่เข้าตรอกคนโฉดไปยังร้านสุราเล็กๆ ท้ายตรอก
“ข้าแพ้สุรา ท่านยังจะพามาที่นี่อีก” นางกระเง้ากระงอด คืนก่อนนางสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างไปบนเตียงจนหมดสิ้นแล้ว
“ข้ารู้แล้ว! แต่สิ่งที่เราต้องใช้หาความจริงมีอยู่ที่ร้านนี้ เราจำต้องมา”
“อันใดหรือ?”
“สุราเปิดใจ เข้าไปก่อนเถอะ ข้าไม่ให้เจ้าดื่มหรอกน่า”
“แต่กลิ่นสุราฉุนมาก ข้าอาจจะวิงเวียนได้”
“เช่นนั้นให้เจ้ารอตรงโต๊ะด้านหน้าติดถนนอากาศถ่ายเทสะดวก”
จานเจิ้งเดินนำนางเข้าไป เขาชี้โต๊ะที่อยู่ระเบียงหน้าร้านให้นางไปนั่งรอ ส่วนเขาเดินเข้าไปหาหลงจู๊ แล้วเอ่ยข้อความสั้นๆ สองสามประโยคซึ่งเป็นที่รู้กัน ก่อนจะเดินกลับไปนั่งกับกัวเจียงเยว่
“เหตุใดร้านสุราต้องอยู่หลบเร้นเช่นนี้?”
“เดิมทีก็มิได้หลบเร้นแต่อย่างใด? ทว่าเมื่อสองปีก่อนเกิดการตามฆ่าคนกลุ่มหนึ่งในยุทธภพ เถ้าแก่จึงต้องย้ายร้านจากด้านหน้าติดถนนเข้ามาหลบอยู่ในตรอกนี้ เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าคนที่นั่งดื่มอยู่ด้านใน ล้วนแล้วแต่เป็นจอมยุทธ์”
กัวเจียงเยว่กวาดตามองไปด้านในตามที่ชายหนุ่มเอ่ย นางจึงเห็นจริงตามที่เขาบอก คนข้างในล้วนพกกระบี่หรือไม่ก็ดาบ ท่าทางของพวกเขาดูมิใช่ชาวบ้านร้านตลาดจริงๆ
“สุราที่ท่านว่าเราจะเอาไปใช้ทำสิ่งใด?”
“มันคือสุราที่ทำให้คนยอมพูดความจริงขอเพียงดื่มไปถึงสามจอกเท่านั้น ข้าสั่งสุรามาสองขวดเล็ก คืนนี้เจ้าต้องลองให้บิดาเจ้าดื่มแล้วถามรายละเอียดมาให้ชัดเจน ส่วนข้าก็รอท่านพ่อกลับมาแล้วจะเค้นหาความจริงด้วยเช่นกัน ข้าไม่อยากให้เจ้าเจ็บแค้นบิดาข้า”
“ท่านกลัวข้าจะฆ่าท่านหรือ?”
“เยว่เยว่ เจ้าใจร้ายพอจะฆ่าสามีคนนี้ได้เลยหรือ?” จานเจิ้งยิ้มน้อยๆ ส่งสายตาแพรวพราวมายังนาง กัวเจียงเยว่หน้าร้อนวูบวาบ นางรู้ว่าประกายตานั้นหมายถึงสิ่งใด ดวงตาของเขาคล้ายยามที่กำลังคร่อมอยู่เหนือร่างของนางบนเตียงยิ่งนัก
“หากจำเป็น ข้าก็คงต้องทำ”
“หากฆ่าข้าแล้ว ผู้ใดจะทำให้เจ้ามีความสุขบนเตียงอีกเล่า? เจ้าน่าจะทบทวนเรื่องนี้หลายๆ ครั้งหน่อยนะน้องหญิง” เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้แสร้งทำเสียงแหบพร่าล้อเลียนนาง
“นายท่าน! ของที่สั่งได้แล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อนำสุราเล็กสองขวดที่ปิดจุกเรียบร้อยใส่ถุงผ้ามาส่งให้
“ขอบใจมาก” ชายหนุ่มควักเอาเงินตำลึงส่งให้เสี่ยวเอ้อแล้วพยักหน้าให้นาง “ได้แล้ว ไปกันเถอะ”
“ยังไม่ได้ ข้าต้องซื้อสุราแสงจันทร์ไปด้วย ท่านพ่อข้าชอบสุรานี้ หากว่าใช้สุราของท่านผสมก็น่าจะทำให้ท่านพ่อข้ายอมดื่มได้ไม่ยาก” หญิงสาวจึงสั่ง เสี่ยวเอ้อนำสุราแสงจันทร์หนึ่งไหเล็กมาส่ง ท่าทางของนางดูยึกยักด้วยความเสียดายเงินเบี้ยหวัดที่เก็บหอมรอบริบมา
จานเจิ้งหัวเราะหึๆ ก่อนจะควักเงินออกมาอีกหนึ่งตำลึง “เดี๋ยวข้าจ่ายให้เอง เรื่องนี้เป็นความคิดของข้า ขอเพียงเจ้าได้ฟังความจริงจากปากใต้เท้ากัวแล้วเอามาบอกข้า เรื่องนี้ก็จะได้กระจ่างเสียที”
*************