ตอนที่ 2
เงียบ…
เงี๊ยบบบบบ
เงียบ…
“วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วหรือไงยัยฝันร้าย”
ไอ้ปิศาจเรโนที่กำลังขับรถอยู่หันมาดันหัวฉันเหมือนจะทดสอบว่าฉันยังมีชีวิตอยู่มั้ย ไม่ตายก็เหมือนตาย ป่านนี้อากิระคงจะเลิกชอบฉันไปแล้ว เขาคงคิดว่าฉันปฏิเสธเขาไปแล้วแน่ๆ ทั้งที่ตั้งใจจะตอบตกลงแท้ๆ เลยนะ T^T
“อย่ามาจับตัวฉันนะไอ้ปิศาจ!”
“ใครปิศาจ? เดี๋ยวนี้อัพเกรดให้ฉันจากเจ้าชายกลายไปเป็นปิศาจแล้วงั้นเหรอ”
“เออ!”
“พูดจาไม่เพราะเลยนะเธอนี่ -*-“
“เป็นเพราะนายคนเดียว! คอยดูนะถ้าอากิระเกิดเปลี่ยนใจไม่ชอบฉันแล้ว ฉันจะไปหาซื้อตุ๊กตาสาปแช่งมาแช่งให้นายเสียโฉม!”
ฉันถลึงตาใส่ไอ้ปิศาจเรโนอย่างเอาเรื่อง ป่านนี้อากิระจะเป็นยังไงบ้างนะ ถึงเมื่อกี้จะบอกว่าคืนนี้จะโทรหาเขาก็เถอะ แต่ฉันไม่มีเบอร์ของอากิระสักหน่อยนี่นา แง้ๆๆ TOT
“นี่ถึงขนาดจะสาปแช่งฉันเพราะไอ้หมอนั่นเนี่ยนะ?”
“เออ!”
“ไหนบอกว่าชอบฉันไม่ใช่เหรอ!”
“ก็บอกไปแล้วเหมือนกันว่าจะเลิกชอบ!”
“มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือไงฮะยัยฝันร้าย!”
“เออ!!!”
“แสดงว่าคิดจะคบกับหมอนั่นจริงๆใช่มั้ย!”
“เออ!”
“จะไปชอบมันแทนงั้นสิ!”
“เออ!”
“จะมากไปแล้วนะยัยฝันร้าย ใครอนุญาตให้เธอคิดที่จะไปคบกับไอ้หมอนั่นไม่ทราบ!”
“แล้วทำไมจะต้องมีใครอนุญาตด้วยล่ะ! นี่มันชีวิตของฉัน ฉันจะคบกับใครมันก็สิทธิ์ของฉัน!”
เพราะชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีผู้ชายคนไหนสายตามีปัญหามาหลงชอบฉันเหมือนอากิระอีกแล้วล่ะ T^T แม่ต้องดีใจแน่ๆที่ฤดูใบไม้ผลิของฉันกำลังจะมาถึงแล้ว
“ก็ฉันไง! เธอต้องขออนุญาตฉัน!”
“หา? -*-“
ฉันต้องหูฝาดไปแน่ๆ ไอ้ปิศาจเรโนน่ะเหรอจะมาพูดจาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉัน ไม่ทีทางๆ
“ถ้าจะละเมอก็รีบกลับบ้านไปนอนซะไอ้ปิศาจเรโน!”
ฉันตะโกนใส่หน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะสะบัดหน้าไปมองวิวข้างทางแทน พรุ่งนี้ฉันต้องรีบไปดักรออากิระแต่เช้า ฉันต้องบอกเขาว่าฉันยินดีที่จะคบกับเขา แล้วหลังจากนั้นเราสองคนก็จะได้ไปออกเดตกันเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ แล้วก็ปิดท้ายด้วย…จุมพิตแสนหวาน อ๊ายยยย แค่คิดก็เคลิ้มแล้วอ่ะ >////////////////Part Reno
ปัง!!!
เสียงปิดประตูบ้านดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบ้านด้วยฝีมือของผม ไอ้ท่าทางระริกระรี้ดีใจที่ถูกสารภาพรักของยัยฝันร้ายนั่นมันอะไรกัน! เธอเพิ่งสารภาพรักกับผมไปเมื่อเช้าเองไม่ใช่หรือไง แล้วพอตกเย็นเธอก็จะหมดรักผมและหันไปคบกับไอ้หน้าแป๊ะยิ้มแทนงั้นเหรอ?
ใครจะยอมให้เป็นแบบนั้นกันเล่า!
“ไปโมโหอะไรมาอีกล่ะเรโน”
คุณแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่ชะโงกหน้ามาถามผม ก็มันน่าหงุดหงิดจริงๆนี่นา ยัยฝันร้ายของผมทำท่าทางเหมือนจะเปลี่ยนใจไปจากผมแบบนั้น จะให้อารมณ์ดีอยู่ได้ยังไงไหว
“ก็มีอยู่คนเดียวบนโลกนี้แหละครับ ที่จะทำให้ผมเป็นได้ขนาดนี้”
ผมตอบกลับไปแค่นั้นก็เดินขึ้นห้องของตัวเองทันที ใบหน้าเขินอายของยัยนั่นตอนที่ถูกเจ้าอากิระบอกรักมันยังฝังแน่นอยู่ในหัวของผม ถ้าเกิด…ถ้าเกิดยัยฝันร้ายตกลงคบกับหมอนั่นผมจะทำยังไงดี ผมจะเอาข้ออ้างอะไรไปฉุดรั้งเธอเอาไว้ ขออ้างที่ว่าเธอชอบผมนั้น...มันคงใช้ไม่ได้แน่ๆ เพราะวันนี้เธอเพิ่งพูดพออกมาเองว่า...
เธอจะเลิกชอบผม
แต่นั่นมันก็เป็นเพราะผมเองอีกนั่นแหละที่ทำร้ายจิตใจเธอ วันนี้ผมได้ทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวผมเองก็ยังอดเกลียดตัวเองไม่ได้ ผมทำให้ยัยนั่นร้องไห้ ผมทำให้ยัยนั่นเจ็บปวด ถ้าเธอจะเกลียดผมจนไม่อยากเข้าใกล้มันก็ไม่แปลกหรอก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ!”
ผมขยุ้มหัวตัวเองจนแทบจะจิกเอาเส้นผมออกมาวางกองไว้ตรงหน้า คำสารภาพรักของยัยฝันร้ายยังคงดังชัดอยู่ในหัวใจ และถึงแม้ว่าผมอยากจะตอบรับมันมากแค่ไหน ผมก็ทำไม่ได้ ผู้ชายที่เปรียบเหมือนสีดำผ่านผู้หญิงมามากมายอย่างผม ไม่คู่ควรกับผู้หญิงที่เปรียบได้กับสีขาวที่แสนบริสุทธิ์อย่างเธอ ผมไม่อาจดึงเธอลงมาเปื้อนความโฉดของผมได้
“ทำไมไม่รออีกสักสิบปีฮะยัยบ้า ทำไมไม่รอให้ฉันเรียนจบ ทำไมไม่รอให้ฉันได้บริหารกิจการต่อจากคุณพ่อก่อน ทำไมถึงไม่รอให้ฉันเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้แล้วค่อยมาสารภาพรัก ไม่สิ ถึงตอนนั้น ฉันนี่แหละจะเป็นคนสารภาพรักกับเธอเอง ทำไม…ทำไมไม่รอ…”
ผมหลับตาลงอย่างเจ็บปวด ในสายตาของคนทั่วไป ยัยฝันร้ายอาจจะเป็นเพียงยัยเฉิ่มบ้าเรียนที่ไม่มีอะไรเด่นสะดุดตา แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ในบรรดาผู้คนมากมาย เพียงคนเดียวที่เด่นชัดที่สุดในสายตาของผมคือเธอ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว…
เธอ…ที่คอยวิ่งตามหลังผมต้อยๆ แต่ไม่ว่าผมจะใจร้ายกับเธอแค่ไหน เธอก็ยังคงยิ้มอยู่เสมอ เธอ…ที่ออกโรงปกป้องผมทุกครั้งที่ผมถูกพวกผู้ชายรุ่นพี่รังแก เธอ…ที่พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความกลัวเอาไว้เพื่อไล่หมาจรจัดโคตรดุที่พยายามจะกัดผม เธอ…ที่ทำทุกอย่างได้เพื่อผม
ทั้งหมดที่เธอทำได้ยึดครองหัวใจของผมไปจนหมดแล้ว แต่ผมไม่กล้าที่จะให้เธอมาเป็นผู้หญิงของผมในตอนนี้ ในตอนที่ผมไม่มีอะไรดีเลยนอกจากหน้าตา ผมตั้งใจเอาไว้ว่าผมจะเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดให้ได้เพื่อเธอ เพื่อที่เวลาเธอแนะนำใครต่อใครว่าผมเป็นแฟน ทุกคนจะได้ไม่คิดว่าเธอมีแฟนดีแค่หน้าตา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แบบนั้นซะแล้ว ถ้าเกิดไอ้เจ้าอากิระนั่นพิชิตใจยัยฝันร้ายได้ขึ้นมา ความฝันที่จะเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดของเธอที่ผมตั้งใจไหวก็ต้องพังทลายลงไป ผมยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้แน่ๆ
ก็ยัยนั่นน่ะ…เป็นของผม!
ผมลุกขึ้นไปเปิดตู้ที่ผมซื้อมาไว้สำหรับเก็บของสำคัญ และของสำคัญที่ว่านั้นก็ไม่ใช่อะไรเลย มันคือของทุกอย่างที่เธอซื้อให้กับผม ผมเก็บทั้งหมดไว้อย่างดี เวลาว่างก็จะเอามาเช็ดทำความสะอาดไม่ให้มีแม้แต่ไรฝุ่น แม้กระทั่งดอกไม้ข้างทางที่เธอเด็ดให้กับผมตอน ป.1 ผมก็เอาเคลือบเก็บไว้ไม่ให้มันสลายหายไปตามกาลเวลา
“ยัยบ้าเอ๊ย…ทั้งที่ฉันชอบเธอมากขนาดนี้แท้ๆ แต่กลับไม่กล้าทำอะไรเลย ฉันคงขี้ขลาดมากใช่มั้ย ผู้ชายที่เธอชอบขี้ขลาดขนาดนี้ เธอจะเลิกชอบเขาหรือเปล่า”
ผมพูดกับรูปของยัยฝันร้ายที่ผมแอบถ่ายไว้มากมายและเอามาติดไว้เต็มตู้ บางทีอาจจะเป็นผมมากกว่ามั้งที่ชอบเธอซะจนถอนตัวไม่ขึ้น =_=// ว่าแล้วก็…แอบดูเธอหน่อยดีกว่า
ผมเดินไปคว้ากล้องส่องทางไกลที่ผมเอาไว้แอบส่องดูเธอที่ห้องโดยเฉพาะขึ้นมาส่องดู แต่ความหวังที่จะได้เห็นหน้าหวานๆของเธอในชุดนอนลายน้องเหมียวสีชมพูก็เป็นอันต้องพังครืนเพราะเธอปิดผ้าม่านตรงระเบียงไว้! ยัยบ้าฝันร้าย! แบบนี้ปฏิบัติการแอบซุ่มดูของฉันก็เป็นหมันสิวะ
เอ่อ…คุณคงไม่ได้กำลังคิดว่าผมนี่มันโคตรสตอล์กเกอร์หรอกใช่มั้ย =__=;;
โอเคๆ ยอมรับก็ได้ว่าผมคงไม่ต่างอะไรกับเป็นสตอล์กเกอร์ของเธอ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ผมไม่รู้วิธีที่จะกำจัดความหลงใหลในตัวยัยนั่นออกไปจากหัวใจนี่นี่
เฮ้อ…เกิดเป็นผมนี่โคตรทรมานเลย
“อ๊ะ! นี่ไม่ใช่เวลามาท้อนี่หว่า ต้องหาแผนการยับยั้งความสัมพันธ์ของยัยฝันร้ายกับไอ้หน้าแป๊ะยิ้มนั่นให้ได้”
ในเมื่อที่ผ่านมาผมร้ายใส่เธอซะจนเธอไม่รู้ว่าใจจริงแล้วผมน่ะหลงรักเธอมากมายแค่ไหน ผมก็คงต้องเปลี่ยนจาก ‘ร้าย’ มาเป็น ‘รุก’…
รุก…จนกว่าเธอจะรู้ว่าผมน่ะโคตรรักเธอเลย!
เช้าวันต่อมา ฉันลุกขึ้นมาแต่งหน้าตั้งแต่ตีสี่เพื่อดักรออากิระที่หน้าโรงเรียนแต่เช้า จะได้มอบคุกกี้ให้กับเขา เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่แต่งหน้ามาโรงเรียนแบบนี้ จะดูสวยบ้างมั้ยนะ แล้วอากิระจะชอบหรือเปล่า แค่จินตนาการตอนอากิระเห็นแล้วส่งยิ้มให้เหมือนเมื่อวาน ตัวของฉันก็แทบจะบินได้แล้ว *O*
ซุบซิบๆๆๆๆๆ
ฉันคิดไปเองหรือเปล่านะ รู้สึกจะเป็นที่หวาดกลัวของพวกนักเรียนมากกว่าเดิมยังไงก็ไม่รู้ ถึงปกติจะไม่เคยมีใครคุยด้วยนอกเหนือจากเรื่องเรียน แต่ก็ไม่เคยได้รับสายตาพิศวงแบบนี้มาก่อนนี่นา หรือจะเป็นเพราะวันนี้ฉันแต่งหน้า คงจะสวยมากแน่ๆเลย ก็ฉันแต่งสุดฝีมือเลยนี่นา
พรวด!!!
เสียงพ่นน้ำที่เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อนทำให้ฉันหันไปมองด้วยความสนใจ แต่คิดผิดจริงๆ เพราะเจ้าของเสียงพ่นน้ำก็คือไอ้ปิศาจเรโนที่ฉันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด! เขายืนมองฉันตาค้างพร้อมกับเพื่อนๆของเขา หนึ่งในนั้นมีคนที่ชื่อฮันเตอร์ที่เข้ามาปลอบฉันหลังจากไอ้ปิศาจเรโนทำเรื่องเอาไว้ ทุกคนพากันมองฉันตาไม่กระพริบเลยล่ะ แสดงว่าคงสวยมากสินะ >//////_////_////O<
“แค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะ ฉันกับหมอนี่ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกันเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมโรงเรียนเลย จริงๆนะ สาบานให้ฟ้า!”
จุ๊บ…
“O/////O”
“ห้ามสาบานเด็ดขาด ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ไปเถอะ ^^”
อากิระฉีกยิ้มหวานก่อนจะจับมือพาฉันเดินไปทางโรงอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เมื่อกี้เขาเพิ่งจะขโมยจุ๊บฉันไปแบบไม่ทันตั้งตัวต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน! ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือต่อหน้าไอ้ปิศาจเรโน!
ขวับ!
ฉันหันกลับไปทางเรโนทันทีที่นึกขึ้นได้ หมอนั่นกำลังมองตามด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา แต่ที่เห็นชัดที่สุดก็คือมือทั้งสองข้างของไอ้บ้านั่นกำเป็นหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด เหมือนเขาพร้อมที่จะซัดใครก็ตามไปไปสะกิดต่อมทำลายล้างของเขาในตอนนี้ ละ…แล้วฉันจะไปสนใจทำไมล่ะเนี่ย! ทำไมหัวใจจะต้องกังวลว่าหมอนั่นจะคิดยังไงด้วยนะ…