หลังจากที่เจ้าสาวคนสวยโยนมาลัยดอกไม้โดยการหันหลังให้สาวๆ ที่พร้อมรับมาลัย มาลัยพวงนั้นก็ถูกโยนออกไปอย่างสวยงาม สาวๆ แย่งกันอย่างสนุกสนาน มันกระเด็นกระดอนไปมา ก่อนที่จะมาตกลงบนศีรษะของ นิลยาที่ยืนลุ้นอยู่อีกด้าน
เธอตาโตเมื่อรับรู้ว่ามาลัยดอกไม้มาตกลงบนศีรษะของตัวเอง มือน้อยจับไปที่มาลัยก่อนจะหยิบมันลงมาดู กลิ่นหอมของมันพร้อมด้วยเสียงดีใจของสาวๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดีกับเธอทำเอานิลยาได้แต่อ้ำอึ้ง เธอหันไปมองภูษิตที่เขาเองก็กำลังยิ้มอ่อนโยนให้เธออยู่ก่อนแล้ว
“วันนี้ต้องไปนอนที่บ้านดอกแก้วนะ พรุ่งนี้จะได้เตรียมขัดผิวแล้วก็เข้าพิธีแต่งงาน” นิลยาได้แต่งุนงงเมื่อถูกดึงให้ไปนอนค้างที่บ้านของดอกแก้ว เธอหันมามองภูษิตที่เขาเองก็ถูกหนุ่มๆ ลากไปอีกด้านเหมือนกัน
ความวุ่นวายเกิดขึ้นหลังจากคืนนั้น พอวันรุ่งนี้ นิลยาก็ถูกสาวๆ จับขัดผิวด้วยสมุนไพรสด ผิวกายผุดผ่องและหอมสดชื่น เธอไม่อยากเข้าพิธีแต่งงานกับภูษิตแบบมัดมือชกเช่นนี้ แต่ถ้าเธอปฏิเสธการแต่งงานตามธรรมเนียมของที่นี่ก็จะหาสามีไม่ได้อีกตลอดชีวิต แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจมากไปกว่าถามตัวเองว่าเธอเองก็อยากแต่งงานกับเขาเหมือนกัน
“นิลต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในค่ำคืนนี้” เธอปฏิเสธว่าไม่ได้สนใจธรรมเนียมปฏิบัติของหมู่บ้าน แต่ดอกแก้วและเพื่อนสาวหลายคนก็ไม่ได้นำพา จนนิลยาอ่อนใจ
นิลยาได้รับรู้ว่าภูษิตนั้นถูกนำไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณไม่ต่างจากเธอ แถมยังให้ดื่มสมุนไพรบำรุงร่างกายจะได้มีแรงร่วมรักในคืนเข้าหอ คนฟังถึงกับหน้าแดงกับประโยคของสาวๆ ที่จับเธอแต่งตัว
นิลยาได้พบกับภูษิตในพิธีแต่งงานตอนเย็น นายบ้านและจำปีผู้เป็นภรรยาเข้ามาผูกไม้ผูกมือเป็นคนแรก แล้วคนอื่นๆ ก็เข้ามาผูกไม้ผูกมือจนข้อมือของเธอเต็มไปด้วยสายสิญจน์
สองหนุ่มสาวมองสบตากัน เขายิ้มตอบกลับมาเธอก็เขิน พอทำพิธีเสร็จเขากับเธอถึงได้พูดคุยกัน
“เราทำพิธีไปก่อน ถ้านิลไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร อย่าไปขัดใจพวกผู้ใหญ่เลย พวกเขาช่วยชีวิตเราเอาไว้” ประโยคของเขาทำให้เธอคลายใจ เนื่องด้วยเธอเองก็ไม่อยากให้เขาต้องอึดอัดใจที่ต้องแต่งงานกับเธอแบบนี้
พิธีดำเนินไปเหมือนค่ำคืนที่ผ่านมาเฉกเช่นคู่แต่งงานคู่ก่อนหน้า ก่อนที่จะมีพิธีโยนมาลัยดอกไม้ แล้วคนที่ได้ก็เป็นสาวคนหนึ่งในหมู่บ้าน
การส่งตัวเข้าห้องหอเป็นพิธีง่ายๆ ที่นายบ้านกับภรรยามาปูเตียงให้ อวยพรให้รักกันจนแก่เฒ่า แล้วก็มีลูกเร็วๆ ก่อนที่ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านจะออกไป
ก่อนออกไปทั้งสองดื่มน้ำหวานจากแก้วที่นายบ้านกับจำปาส่งมาให้ดื่ม ความรู้สึกของสองหนุ่มสาวเลยตื่นเต้นวาบหวามแปลกๆ แถมยังกำชับว่าคืนเข้าหอห้ามออกจากห้องหอเด็ดขาด
“เดี๋ยวผมนอนข้างล่างก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ อุ๊ย!” เธอรีบปรามก่อนจะสะดุดขาตัวเอง เขาจึงรีบเข้าประคองเธอเอาไว้ แล้วร่างน้อยก็เสียหลักลงบนเตียง
ภูษิตที่โอบกอดทาบทับมองสบตาสวยหวานของคนใต้ร่างนิ่ง นิลยาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอเผลอยกมือขึ้นไปลูบแก้มสากของเขาตอนไหน แต่พอสัมผัสไปแล้วเขาก็จูบฝ่ามือเธอกลับมาเบาๆ
ก่อนที่เขาจะทาบทับริมฝีปากเข้ามาจุมพิตกลีบปากหวานฉ่ำของเธอ
นิลยารู้สึกมัวเมากับรสจูบกำซาบซ่านของเขา เธอจูบตอบเขาอย่างดูดดื่ม แล้วมือหนาของเขาก็สัมผัสร่างกายของเธออย่างถ้วนทั่ว พร้อมด้วยริมฝีปากที่เข้าจุมพิตตามติดกับผิวกายผุดผ่อง
หญิงสาวรู้สึกว่ามันคือความยินยอมพร้อมใจของตัวเธอเองที่จะตกเป็นของเขา ความวาบหวามที่เกิดขึ้น เธอไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แต่มันทำให้เธอทั้งสุขซ่านทั้งตื่เต้นในเวลาเดียวกัน ยามที่เขามอบแก่นกายความแข็งแกร่งสอดเสียบเข้ามาในเรือนกายสาวและเริ่มขยับเข้าออกเป็นจังหวะจะโคน เสียงร้องครวญครางของหนุ่มสาวดังขึ้นตลอดค่ำคืนจวบชั่วราตรีกาล
อากาศยามเช้าที่แสนสดชื่นทำให้นิลยาต้องสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ลึกๆ เธอบิดกายไปมาเพราะรู้สึกเมื่อยขบ ก่อนจะอุทานเมื่อสัมผัสกับร่างอุ่นๆ ของใครบางคน
“อุ๊ย! คุณ”
“เปลี่ยนได้ไหม เรียกพี่แทน” ภูษิตจุ๊บหน้าผากนูนเกลี้ยงของคนในอ้อมแขนเบาๆ นั่นทำให้นิลยาถึงกับหน้าแดง ลูบหน้าผากของตัวเองไปมาเบาๆ ด้วยความขัดเขิน
“พี่ภู” เธอลองเรียกดูแล้วอมยิ้ม เขินอายหนักเข้าก็ซุกเข้าหาอกกว้างของเขาแทน
“คราวนี้ก็ได้แต่งงานกันจริงๆ แล้วนะ”
“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้รับรู้กันเลยนะคะ”
“ป่านนี้คงออกตามหาแล้วล่ะ พี่ว่าวันนี้เราขอตัวจากนายบ้านออกเดินทางกันดีกว่า ให้คนในหมู่บ้านพาออกจากป่าไปส่งกลับไร่”
“ก็ดีนะคะ นิลเป็นห่วงพี่นวล ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” พอพูดถึงนวล สาวใช้ที่เข้ามารับกระสุนแทนก็ทำให้นิลยาถึงกับหน้าซีดเผือด น้ำตาไหลในทันที
“อย่าคิดมากเลยนะ” เขาดึงเธอมากอดปลอบ เข้าใจความรู้สึกของเธอดี
“นิลทิ้งพี่นวล” เธอพูดเสียงเศร้า ก่อนจะร้องไห้ออกมา ความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจ
“เราไม่ได้ตั้งใจจะทิ้ง แต่ตอนนั้นกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน ถึงเรากลับไปก็ช่วยพี่นวลไม่ทันแล้ว ดีไม่ดีเราสองคนก็อาจจะตายไปด้วย แล้วพ่อแม่รวมถึงคนอื่นๆ ก็จะเสียใจเหมือนกัน ถ้าช่วยได้พี่ช่วยไปแล้วเพราะพี่ไม่เคยคิดจะทิ้งใคร” เขาปลอบใจและให้กำลังใจเธอ
ทั้งสองจัดการอาบน้ำอาบท่าและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ก่อนจะบอกลานายบ้านและคนในหมู่บ้าน ขอให้นายบ้านพาคนไปส่งออกจากป่าด้วย ซึ่งนายบ้านก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“เอาไว้กลับมาที่นี่อีกนะ ขอให้มีลูกไวๆ นะจ๊ะ” สาวๆ ในหมู่บ้านเข้ามาอวยพรนิลยากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา นิลยายิ้มเขิน ก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปพร้อมกับภูษิตและคนนำทางอีกสองคน
การเดินเท้าออกจากป่าใช้เวลาไม่นานนัก แต่ทั้งหมดไม่คิดว่าจะได้เจอกับพวกที่กำลังขนสินค้าผิดกฏหมายอยู่
“นั่นมันพวกที่ตามไล่ล่าเรานี่คะ” นิลยาเอ่ยขึ้น ในขณะที่ภูษิตรีบลากเธอให้ตามชาวบ้านอีกสองคนที่พยักหน้าให้เข้าไปหลบตรงพุ่มไม้
นายไม้กับนายยอดมองคนที่คุยกับพวกค้ายาแล้วหันมากระซิบเล่าให้ภูษิตกับนิลยาฟัง
“นั่นไอ้ศักดิ์กับไอ้ชัยครับ มันเป็นพวกแหกคอกหันไปค้ายากับไอ้พวกสารเลวนั่น สักวันเจ้าป่าเจ้าเขาจะต้องหักคอมัน” ยอดพูดอย่างเคืองแค้น
“แกจะทำอะไร” ไม้รีบกดไหล่เพื่อนเอาไว้เมื่อเห็นว่ายอดกำลังจะออกไปประจันหน้ากับคนพวกนั้น
“ไปจัดการมันไง”
“ไม่ได้ จะวู่วามแบบนี้ไม่ได้ เรามีกันกี่คน พวกมันมีกันกี่คน” ไม้ปรามและยอดก็สงบลง
ในขณะที่ภูษิตกับนิลยาถึงกับมองหน้ากันเมื่อเห็นใครคนหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับลูกน้องหลายคน
“พี่ชัช” เขากับเธออุทานออกมาเบาๆ สีหน้าตื่นตะลึงไปหมด นิลยาไม่คิดว่าพี่เขยของตัวเองจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด แสดงว่าที่พวกคนร้ายตามมาทำร้ายเธอกับภูษิตได้ก็เพราะชัชชัยนี่เอง
“พี่ก็เคยสงสัยว่าทำไมคนร้ายถึงรู้ความเคลื่อนไหวของเรา” ภูษิตเปรยขึ้นเบาๆ
“ที่คุณพ่อกับคุณแม่ติดหนี้เพราะพี่ชัชด้วยอีกเหตุผลหนึ่ง นิลเคยได้ยินน่ะค่ะว่าพี่ชัชเอาเงินไปลงทุน ที่แท้ก็เอามาทำอะไรไม่ดีแบบนี้นี่เอง” นอกจากลุงกับป้าแล้ว ชัชชัยก็คือคนที่ทำให้ครอบครัวของเธอเป็นหนี้อีกคน ซึ่งเธอก็รับรู้แค่ไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวเท่านั้นเอง
“เราต้องไปบอกเรื่องนี้กับตำรวจ” หลังจากปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนทำท่าจะขยับ วัตถุบางอย่างก็กดลงมาที่ท้ายทอยของคนทั้งสี่
“ค่อยๆ ยืนขึ้น เดินออกไป” ร่างของทั้งสี่โดนผลักออกไป เผชิญหน้ากับชัชชัย
“พี่ชัชทำแบบนี้ทำไมคะ”