ฉันรู้สึกว่าหมอนข้างมันแข็งกว่าทุกวัน แต่ลองเอามือคลำๆ แล้วมันไม่ใช่หมอนข้าง ฉันตัวเกร็ง ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
‘ไอ้คาสโนว่าข้างห้อง’
‘แล้วเรามานอนกอดปัทม์ได้ไงว่ะ’
ฉันรู้สึกเย็นวาบ คลำดูไม่มีเสื้อผ้า อยากกรี๊ดออกมาแล้วทุบไอ้คนที่นอนข้างๆ ความสาวของฉันที่อุตส่าห์ถนอมกว่า20ปี แต่ต้องมาเสียให้ไอ้ผู้ชายสำส่อนข้างห้อง พอยกมือขึ้นจะทุบปัทม์ที่กำลังนอนหลับอยู่ ก็มีเหตุการณ์แวบเข้ามาในความคิด
‘รู้สึกเหมือนเราเริ่มก่อน?’
‘แต่เหมือนเราผลักออกแล้ว’
ฉันเริ่มสับสน อีกทั้งยังปวดหัวจากฤทธิ์เหล้า ไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
‘เสียแล้วก็เสียไป’
‘อย่างที่นวพลบอก สมัยนี้ไม่มีใครสนครั้งแรกของผู้หญิงหรอก’
‘คนอย่างปัทม์คงไม่สำนึกอะไรเรื่องพวกนี้หรอก’
ฉันค่อยๆ ย่องลงจากเตียง หาเสื้อผ้ามาสวมใส่ แล้วหยิบกระเป๋าออกจากห้องปัทม์ไปยังห้องของตัวเอง
พอถึงห้องฉันก็รีบอาบน้ำ สำรวจความผิดปกติ
ดีที่ไม่มีรอยจ้ำตามคอเหมือนที่เคยเห็นเพื่อนบางคนเป็น แต่มีรอยดูดเล็กๆ ตรงเนินอกแทน
ฉันแต่งตัวขึ้นนอนหลับตาบนเตียง ตอนนี้ตีสี่แล้ว พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้า นอนตื่นสายสักหน่อยคงไม่เป็นไร ส่วนยาคุมฉุกเฉินค่อยกินก่อนไปเรียนแล้วกัน ฉันคิดไว้แบบนั้นก็ค่อยๆ หลับไป
ตื่นขึ้นมาอีกรอบก็เก้าโมงกว่าแล้ว ฉันเปลี่ยนชุดลงไปซื้อข้าวกล่องตามร้านสะดวกซื้อ และยาคุมฉุกเฉินป้องกันการตั้งครรภ์ที่ร้านขายยาใกล้ๆ พอจะถึงห้องปัทม์ก็เดินออกมาจากห้องพอดี
“เมื่อคืนเป็นไงบ้าง” ปัทม์ถามสีหน้าปกติ
“ไม่รู้สิ มึนหัวนิดหน่อย ตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่ในห้องแล้ว” ฉันบอก แล้วยิ้มให้ตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“งั้นเราเข้าห้องก่อนนะ” ฉันขอตัวกลับห้อง
“อืม เจอกันคลาสบ่าย” ปัทม์พูด
อกหัก แฟนนอกใจ เสียสาวให้คนเจ้าชู้ แต่ยังยิ้มและทำตัวปกติได้ขนาดนี้ ต้องสตรองเบอร์นี้แหละถึงจะเดินหน้าต่อไปได้ ฉันจะไม่อ่อนแอให้ใครมาดูถูก ฉันจะไม่ท้องให้ใครมารับเป็นพ่อของเด็ก จะไม่รั้งคนที่ทิ้งฉันไปให้ต้องกลับมารักฉัน ถึงจะอ้วน ถึงจะไม่สวย แต่ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันต้องก้าวผ่านเรื่องพวกนี้ไปให้ได้
*********************
คลาสตอนบ่ายเป็นวิชาเลือกของคณะที่มีเอกอื่นมาเรียนคละๆ กันไปในแต่ละเซค เซคนี้ฉันต้องเรียนร่วมกันทั้งนวพล อีฟ และปัทม์
ฉันเลือกที่จะไปนั่งคนละมุมกับนวพลที่ตอนนี้นั่งรวมกลุ่มกับอีฟและแฟนของอีฟที่อยู่เอกคอมฯธุรกิจ ส่วนปัทม์ก็นั่งกับเพื่อนในเอกอีกสองคนอยู่อีกมุมหนึ่ง
ฉันพยายามเลิกคิดเรื่องเกี่ยวกับสองคนนี้ ตั้งสติจดจ่ออยู่กับสไลด์ที่ฉายตรงหน้า ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องพวกนี้มาทำลายการเรียนของฉัน ยิ่งจะสอบไฟนอลในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันยิ่งต้องตั้งใจทบทวนเนื้อหาที่ผ่านมาให้ดีที่สุด
พอจบคลาสฉันก็เก็บของรีบเดินออกไป นวพลรีบเดินมาดักฉันไว้
“ดาว เราขอคุยด้วยหน่อย” นวพลพูดเสียงอ่อน
“มีอะไรสำคัญไหมพอดีเรารีบ” ฉันทำตัวเหมือน ‘เพื่อน’ทั่วไป นี่เป็นวิธีจัดการกับปัญหาทุกอย่างของฉัน
‘ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น’
“ดาวอย่าทำแบบนี้ เราขอโทษ” นวพลพยายามจะคุย
“พล เราขอตัวนะ เรารีบ” ฉันบอกด้วยเสียงปกติ แล้วรีบเดินออกไป เจอกับอีฟที่ยืนกับแฟนอยู่หน้าประตู สีหน้าเหมือนกลัวฉันจะพูดวีรกรรมของเธอออกไป ฉันมองหน้าแฟนของอีฟแล้วยิ้มทักทายก่อนจะเดินผ่านหน้าอีฟไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เหมือนดาว” เสียงพ่อคาสโนว่าข้างห้องเรียกฉัน ฉันหันไปตามต้นเสียง
“มีอะไรไหมปัทม์”
“เราจดสิ่งที่อาจารย์อธิบายตามสไลด์ไม่ทันอ่ะ ว่าจะขอยืมเลกเชอร์” ปัทม์พูดยิ้มๆ เหมือนปกติตามประสาเพื่อนและเพื่อนบ้านที่เคยทำบ่อยๆ
‘นี่ก็อีกคน หวังแต่จะมาลอกเลกเชอร์’
“อืม เดี๋ยวถ่ายเอกสารไว้ให้นะ” ฉันบอกแล้วจะเดินออกไป
“เมื่อคืนปัทม์มันไปส่งเธอที่ห้องใช่ป่ะ?” เสียงของเขตเพื่อนในกลุ่มของปัทม์ถามขึ้นมา ฉันก้าวขาไม่ออก เลยยืนฟังต่ออยู่ตรงนั้น
“กลับกับเดือนมหา’ลัย เธอคงไม่หน้ามืดปล้ำไอ้ปัทม์นะ” ยูพูดขึ้นเสริม
ปัทม์นิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ อย่างน้อยก็ควรห้ามเพื่อนไม่ให้มาพูดแซวฉันแบบนี้
“ไม่หรอก” ฉันตอบ แกล้งยิ้มรับมุกแซวนั้น นวพลยืนฟังอยู่แถวๆ นั้นมองมาที่ฉัน ฉันจึงขอตัวเดินออกจากตรงนั้นไป โดยรู้สึกตัวว่านวพลเดินตามมา
ฉันเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ นวพลถือโอกาสนั้นตามมานั่งเบาะหน้าข้างๆ ฉัน
“เราต้องคุยกันให้จบนะดาว ดาวจะทำแบบนี้กับเราไม่ได้” นวพลพูดด้วยท่าทางร้อนรน
“ได้ งั้นไปหาที่คุยกัน” ฉันพูดเสียงเรียบ
“งั้นไปคุยห้องดาวก็ได้”
ฉันไม่ตอบรับใดๆ แต่ขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโดของฉัน โดยไม่สังเกตว่ามีรถของหนุ่มข้างห้องขับตามมาติดๆ
พอถึงห้อง ฉันก็เปิดประตูออกไปสูดอากาศที่ระเบียงแล้วยืนอยู่ตรงนั้น
“มีอะไรก็รีบพูดมา”
นวพลเดินตามมายืนข้างๆ ฉันที่ระเบียง แล้วเอามือค้ำระเบียงไว้เหมือนฉัน
“ดาว เราขอโทษที่นอกใจดาว เราขอโทษที่ไม่ยอมอดทนรอดาวจนถึงวันแต่งงานของเรา ขอโทษที่ไม่เห็นความสำคัญของดาว ขอโทษที่ไม่รักษาสัญญา” นวพลพูดเสียงสั่น
“พลรู้ไหม สิ่งที่เราเสียใจที่สุด คือการที่พลเลือกนอกใจเราไปนอนกับคนที่เป็นเพื่อนของพวกเราทั้งๆ ที่เขามีแฟนแล้ว พลทำลงไปได้ยังไง แล้วยังจะบอกว่าคบเราเพราะเราช่วยเรื่องเรียนของพลอีก เราจะบอกอะไรให้นะพล เรื่องเรียนเราช่วยได้ทุกคน ไม่จำเป็นต้องมาเป็นแฟนเราเพราะสิ่งเหล่านี้หรอก” ฉันเก็บเอาสิ่งที่อึดอัดมานานออกมาพูดระบายให้นวพลฟัง
“อีกอย่างเราจะบอกว่าเราให้อภัยพลนะ เราไม่โกรธ แต่ต่อไปเลิกมายุ่งกับเราอีก เราขอกลับไปเป็นเพื่อนกันอย่างเดิม”
“เราพูดตรงๆ นะดาว ตอนแรกเราก็แค่หวังเรื่องให้ดาวช่วยเรื่องเรียน แต่พอได้คบจริงๆ เราถึงรู้ว่าเรารักดาวจริงๆ รักมากๆ” นวพลพูดความในใจออกมาหวังให้ฉันใจอ่อน
“เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ พล” ฉันพูดในสิ่งที่ตัดสินใจดีแล้ว
“ดาว!! เรามาง้อดาวดีๆ แล้วนะ ดาวคิดดูดีๆ ดาวอ้วนแบบนี้จะมีใครมาชอบดาวได้อีก อย่าเลิกกับเราเลยนะดาว หมดจากเราไปก็ไม่มีใครมาจีบดาวอีกแล้วนะ” นวพลพูดออกมาตรงๆ ฉันถึงกับสะอึก ที่เขาพูดดูถูกฉันออกมาขนาดนี้
“ถึงเราจะอ้วน เราก็มีหัวใจ เราก็อยากมีความรักดีๆ มีคนรักดีๆ เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งดีๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครมาชอบเราเพียงเพราะเราอ้วน ก็ช่างมัน เพราะถ้าต้องรีบเลือกรีบคว้าเอาไว้เพียงเพราะกลัวไม่มีแฟน แล้วได้แฟนเลวๆ มาคบแบบนี้ เราขอโสดไปจนตายดีกว่า” ฉันพูดตะโกนใส่หน้านวพล นวพลดึงฉันเข้ามาพยายามจะจูบ
“ใช่ เรามันเลว งั้นขอทำเลวอีกสักเรื่องแล้วกัน” นวพลกอดฉันไว้แล้วจูบที่ปากพยายามจะดันลิ้นเข้ามา ฉันผลักออกแล้วพยายามจะวิ่งออกไปนอกห้อง นวพลก็ตามเข้ามากอดฉันไว้จากด้านหลังแล้วลากฉันไปที่ห้องนอน ฉันจะตะโกนให้คนช่วยนวพลก็เอามือมาอุดปากฉันไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างก็กอดฉัน พยายามจะถอยหลังลากเข้าห้องนอน
ก็อก ก็อก ก็อก!!! มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เหมือนดาว เรามาเอาเลกเชอร์” เสียงปัทม์ดังขึ้นมา นวพลปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ฉันจัดเสื้อผ้ากับผมให้เข้าที่เล็กน้อย ก่อนจะไปเปิดประตูให้ปัทม์ เขาถือวิสาสะเดินเข้ามานั่งที่โซฟากลางห้อง ยิ้มทักทายนวพลเล็กน้อย
“เราจะมาขอให้เหมือนดาวอธิบายสไลด์ที่สิบสี่ถึงยี่สิบให้ฟังด้วย” ปัทม์บอกวางเอกสารที่หอบมาวางไว้บนตัก
“คงไม่สะดวก พอดีเรากับแฟนเรากำลังคุยธุระกันอยู่” นวพลพูดขึ้นมา
“เราสะดวกนะปัทม์ พลกลับไปได้แล้วนะ...อีกอย่าง ‘เราไม่ได้เป็นแฟนกัน’ นะ” ฉันพูดกับพลย้ำสิ่งที่ต้องการสื่อในประโยคนั้น นวพลมองฉันด้วยสายตาที่เจ็บปวด
“เราจะไม่ยอมเลิกกับดาว และเราจะไม่ยอมแพ้หรอกนะดาว” นวพลพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ฉันปิดประตูห้อง หันมามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่นั่งเก๊กหล่อบนโซฟา
“ปัทม์กลับไปก่อนนะ พอดีเราไม่สะดวกแล้ว แล้วเราจะสรุปเลกเชอร์และเขียนคำอธิบายลงในนั้นถ่ายเอกสารไว้ให้นะ” ฉันพยายามไล่แขกอย่างสุภาพ
“เราได้ยินพวกเธอทะเลาะกัน เลยเข้ามาช่วย” ปัทม์พูดสาเหตุที่เข้ามาตรงๆ
“แล้วเราก็จะมาคุยเรื่องเมื่อคืนอ่ะ”
“เรื่องอะไร?” ฉันแกล้งไม่รู้เรื่อง
“เรื่องที่เรามีอะไรกัน” ปัทม์ลุกขึ้นยืนมองหน้าฉัน
“แล้วไง?”
“เราอยากขอโทษ เราไม่รู้ว่าเธอยัง..”
“ช่างมันเถอะ มันเป็นอุบัติเหตุ เมาทั้งคู่ เราเข้าใจ”
“เธออยากให้เรารับผิดชอบอะไรไหม” ปัทม์ถาม เสียงดูกังวลหน่อยๆ คงกลัวว่าฉันจะให้รับผิดชอบมาเป็นแฟน อะไรทำนองนั้น
“ไม่หรอก แค่อยากขอให้ลืมๆ มันไป แล้วช่วยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่นี้ก็พอ” ฉันบอกให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจว่าไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบ
“แล้วเธอลืมได้เหรอเรื่องแบบนี้” ปัทม์ย้ำถามอีกรอบ ฉันเลยตอบติดตลกเพื่อให้ปัทม์สบายใจ
“ลืมได้สิ ก็ลีลาของปัทม์มันไม่ได้น่าจดจำสำหรับเราเลย”
“.......”
“กลับห้องได้แล้ว” ฉันหยิบเอกสารที่ปัทม์หอบมาใส่มือเขาแล้วดันหลังให้ออกจากห้องไป
‘อย่างน้อยก็มีสำนึก รู้จักมาขอรับผิดชอบ’
‘แต่ถ้าไม่ได้เกิดจากความรัก การรับผิดชอบ มันคงไม่จำเป็น’
*********************