ตอนที่ 2

1394 Words
ทำอะไรแปลกๆดีกว่า เผื่อได้ความรู้ ได้แนวทาง ใช้ชีวิตแบบใหม่ๆ เงินน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก เอาไปใช้จ่าย ซักสามพันก่อน เป็นเงินส่วนตัวของอิฐศอร เงินที่แบขอจากพ่อแม่ แต่รู้จักประหยัดอดออมเอาไว้ แต่ก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายบ้างหลายอย่าง ถ้าเป็นของที่ชอบ เช่นเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ ที่อิฐศอรกับเพื่อนๆเป็นขาประจำห้างสรรพสินค้าในตัวจังหวัดสุรินทร์ เป็นเงินที่ขายมันสำปะหลังกับข้าวโพดและถั่วเหลืองมากกว่า ถั่วลิสงด้วย อิฐศอร มีส่วนช่วยพ่อแม่บรรจุใส่กระสอบกับคนงาน หล่อนต้องขอแบ่งปันเอาไว้ส่วนหนึ่งสิ ถ้าขอพ่อแม่ก็ต้องให้ เพราะเงินทองไม่ใช่สิ่งหายากสำหรับคนในครอบครัวของหล่อนเลย แต่ครอบครัวของคนอื่น มันก็ไม่แน่ เพราะมีคนที่ลำบากยากจนกว่าครอบครัวของหล่อนก็มี แต่ฐานะครอบครัวจามรรัมภ์ของหล่อน อยู่ในระดับมหาเศรษฐีภูธรที่พ่อมีโรงสีอยู่สองที่ ที่นาอีกพันไร่ กรุงเทพมีอะไรดีนักหนา จิตใจของอิฐศอร อยากจะไปพบเจอ ไปเป็นคนใช้เขาซักเดือนสองดี คงสนุกดีไม่เบา เพราะปิดเทอมตั้งสามเดือน คงมีอะไรให้ทำเยอะ อิฐศอร ไม่เคยพบเจอความลำบาก พ่อกับแม่เลี้ยงดูอย่างสุขสบายมาก นอกจากฐานะเอื้ออำนวย หล่อนเองก็อยากพบเจอความลำบากลำเค็ญกับคนอื่นบ้าง เคยมองเห็นภาพของคนที่บ้าน พวกชาวบ้านทั่วไป ทำงานอย่างหนัก ทั้งวัน เหนื่อยสายตัวแทบขาด อิฐศอรคิดว่าหล่อนทำได้ ความจริงอิฐศอรมีชื่อเล่นเหมือนกัน ชื่อหล่อนหวานและเพราะก็มี ที่พ่อกับแม่ชอบเรียกคือ กระถิน แต่เพื่อนๆที่โรงเรียนชอบเรียกคือ ยายอิฐ ชื่อแข็งๆเหมือนผู้ชาย แต่ยืนยันได้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงแท้ อิฐศอร คิดมาตลอดทั้งคืน ว่าต้องหลบหนีจากพ่อแม่แน่ และไม่ต้องการให้ท่านรู้ ถ้าท่านรู้เป็นอันว่าจบเห่ อิฐศอรอาจจะเขียนหมายลาพ่อกับแม่ไว้ในห้องว่า ไปพักค้างแรมทำธุระที่บ้านเพื่อน สักสองอาทิตย์ พ่อแม่คงไม่รู้จักชื่อของเพื่อนสนิทของลูกสาวทุกคน ว่าใครมีบ้านญาติอยู่ที่ไหนได้ แบบนี้ก็เท่าว่าสามารถปกปิดท่านได้ อิฐศอรคิดว่าจะใช้วิธีนี้ดีที่สุด เพราะหล่อนก็ไม่เคยทำตัวเหลวไหลขนาดนี้ แต่ถ้าพ่อแม่เกิดสงสัยหนักเข้า ที่คิดว่าหาลูกสาวไม่เจอ คิดจะแจ้งความ หรือประกาศคนหายทางหน้าหนังสือพิมพ์ อิฐศอรจะทำอย่างไรดี ไว้ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นก่อนเถอะ จะหาเรื่องจัดการในภายหลังเอง อิฐศอรคิด เหมือนมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญประการใด ตอนนี้ใครจะทัดทาน ให้หล่อนไปเมืองกรุงไม่ได้หรอก เพราะหล่อนตัดสินใจจะไปแล้ว คืนทั้งคืนในห้อง เด็กสาวเฝ้าคิดถึงในเรื่องนี้ ต้องเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าออกจากบ้านแต่เช้ามืดเลย จะขอไปหลบอยู่ที่บ้านเริงฤดีเพื่อนรักที่สามารถไว้ใจได้ ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับศาลาที่พักผู้โดยสารที่จะรอรถประจำทางเข้าตัวจังหวัด นั่นล่ะ สามารถมองเห็นพี่สาวของหล่อนได้ ถ้าพี่สุภาจะเดินทางเข้ากรุงเทพในตอนบ่ายของวันนี้ พี่สุภาขึ้นรถเมื่อไหร่ อิฐศอรจะขึ้นตามไปด้วย ทางด้านสุภาตัดสินใจจะขึ้นไปกรุงเทพ เพราะโทร.ไปหานายจ้างเก่าแล้ว ว่ามีงานว่าง เพราะคนใช้คนเก่าลาออกไปแล้ว ได้สองเดือน ทุกข์อย่างหนักของบรรดาเศรษฐีคือ ไม่มีคนใช้ เพราะชินอยู่กับความสุขสบายทุกอย่าง ประเภทที่ว่า มีอะไรก็คนอื่นทำให้ งานหยุมหยิมเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะว่าความเป็นอยู่ในสังคมเมืองนั้นบังคับ เร่งรีบจะไปทำงาน เช้าก็ต้องตื่นแล้ว เย็นจึงค่อยกลับมาทำงาน ถ้างั้นจะโทษ ต้องโทษความเป็นอยู่ของสังคม ที่นอกจากไร้ระเบียง ไม่หวังนำพาให้ตนเองรู้จักช่วยเหลือตัวเอง คนในเมืองกรุง มีแต่ลมหายใจเข้าออก เป็นงาน เพื่อนฝูง และเที่ยว บรรดาคนใช้จึงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก นอกจากช่วยเฝ้าบ้าน หน้าที่งานในบ้านมอบให้ทั้งหมด คือ เลี้ยงลูก ปัดกวาดถูบ้าน ล้างจาน แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด คือ เป็นอาหารด้วย ถ้ามีฝีมือทำกับข้าว นายก็จ้างก็ต้องจ่างเพิ่มขึ้นอีก และรายได้ก็ไม่เลวนัก เรียกว่าคุ้มแต่อุปนิสัยของนายจ้างอีกเหมือนกันนั่นล่ะที่ไม่เหมือนกัน บางบ้านชอบจู้จี้ขี้บ่น สั่งโน่นสั่งนี่ บางบ้านดี เจ้าของใจสปอร์ต เลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่รายแบบนี้เหมือนจะหายากหน่อย เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร และต้องเป็นบ้านของผู้ดีและยิ่งเดี๋ยวนี้ สาวใช้ต่างด้าว เป็นที่น่ากลัว และอันตรายต่อทรัพย์สิน คนในครอบครัว ข่าวคราวกับพวกต่างด้าว หลบหนีเข้าเมือง ใจร้ายใจเหี้ยม ผิดปกติวิสัยมนุษย์ ก่อเหตุอาชญากรรม ตกเป็นข่าว ทำร้ายนายจ้างจนถึงแก่ความตาย เพราะเห็นแก่ทรัพย์สิน หลังจากที่ทนอยู่เป็นเนิ่นนาน เพื่อให้นายจ้างเกิดความไว้วางใจ ความละโมบเกิดขึ้นที่ใด มันไม่เลือกสถานที่ และกาลเวลา มันอยู่ที่ความเสื่อมต่ำ ของจิตใจมนุษย์ผู้นั้น นอกจากนั้นยังมีการลักเด็กไปขายให้กับพวกเดียวกันอีก มันร้ายกาจนักพวกนี้ นับวันจะร้ายกาจมากยิ่งขึ้น พอก่อเหตุเสร็จ ก็หลบหนีเข้าไปประเทศของตนเอง ฆาตกรเหล่านี้ จะหาทางกลับมาอีกในภายหลัง เมื่อเรื่องซาและเงียบ เหมือนเมืองไทย เป็นที่ซ่องสุม ประกอบมิจฉาชีพของพวกมันอย่างดี ไทยเป็นเมืองพุทธ มีจิตใจดีงาม ตอนนี้ก็ยังงามสมชื่อ ปราณีคนพลัดบ้านพลัดถิ่น แต่คนเหล่านี้ ไม่นึกสงสารเจ้าของประเทศเลย โปฏก ต้องหาหาคนใช้ดูแลตาหนู ลักษมิน ลูกชายของน้าสาว เพ็ญแข เพราะเพ็ญแขกับสามี อชิระ มัวแต่ทำงาน ไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก แกกำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสอง ส่วนโปฏกเป็นหนุ่มใหญ่วัยสามสิบเต็มปีนี้ เขาทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ เพราะน้าเขยเอาเข้าเรียกว่าใช้เส้น หลังจากที่โปฏกเรียนจบที่มหาวิทยาลัย ความจำเป็นของพ่อแม่ที่อยู่ในเมืองกรุง โปฏกรู้ดี เพราะทุกคนต้องทำงาน เลยต้องหาคนเลี้ยงลูก ยอมเสียเงินจ้าง รายเดือน เพราะมันไม่มีวิธีอื่น โปฏกรับปากพี่สาวในเรื่องนี้ เลยสอบถามไปยังบ้านญาติ และเพื่อนฝูงที่สนิทกัน ส่วนมากเพื่อนของเขามีแต่คนมีฐานะ ให้คนใช้ในบ้านของเพื่อนเหล่านั้นหาให้อีกที โดยเฉพาะสาวใช้คนที่ดี ทั้งนิสัย การวางตัว การทำงานดี คล่องแคล่วไปหมดทุกอย่าง จึงอยู่ได้นาน อย่างน้อยก็บ้าน ของวิทู เพื่อนที่เรียนมาตั้งแต่ชั้นประถมและมัธยมโรงเรียนสาธิตด้วยกัน สาวใช้บ้านนี้ ชื่อ มะยม โปฏกเคยไปบ้านของเพื่อนคนนี้หลายครั้ง พบเจอมะยม ซึ่งอายุนั้นคงจะมากกว่าเขา ห้าหกปี เป็นอย่างต่ำ เพราะตอนที่เขายังเรียนอยู่ชั้นประถมถึงมัธยมต้นนั้น เห็นวิทูมีสาวใช้มารับกลับบ้านทุกเย็นกับคนขับรถ และเขาสนิทสนมกับพี่มะยมพอสมควร พี่มะยมมีบ้านอยู่ที่บุรีรัมย์ เขาก็เลยอยากจะถามว่า ให้หาคนใช้มาทำงานเลี้ยงหลานเขาได้ไหม อย่างอื่นไม่ต้องยุ่ง เพราะแม่ครัวในบ้าน มีแล้ว คนปัดกวาดเช็ดถู ล้างถ้วยชาม มีแล้ว ขาดแต่คนเลี้ยงเด็ก โปฏกตั้งจะไปบ้านของวิทู เพื่อสอบถามพี่มะยม หากพูดกันทางโทรศัพท์คงไม่รู้เรื่อง มันทำให้เขาไม่สามารถอธิบายถูก และเขาก็ไม่รู้ว่า พี่มะยมจะตกลงด้วยหรือเปล่า นอกจากนั้นเขายังตั้งใจไปเยี่ยมเพื่อนสนิทที่บ้านหลังนั้นด้วย “พี่มะยม” เขาเอ่ยเรียก “อ้าว คุณโป มาหาคุณวินหรือคะ” “ครับ ” เขาพยักหน้า “แต่นอกจะมาหาเจ้าวินแล้ว ผมมีเรื่องอีกอย่างหนึ่งที่อยากให้พี่มะยมช่วย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD