บทที่ ๓ คุณชายผู้ครองสิบสี่โรคร้ายแรง(๑)

1279 Words
เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนในยามที่อดีตฮ่องเต้ยังทรงครองราชย์ มองไปจนถ้วนทั่วเมืองหลวงแห่งแคว้นฉินอย่างเมืองเทียนหลิวก็จะเห็นว่ามีสี่ตระกูลใหญ่มีหน้ามีตามากที่สุด นั่นคือตระกูลเซียนของเหนียงเจินฮองเฮา ซึ่งยามนี้คือไทเฮาของแคว้น ตระกูลเยว่ซึ่งเป็นตระกูลแม่ทัพชายแดนตะวันออก ฟาดฟันกับโจรแม่น้ำในช่องเขาร่องคลื่น ทำการกวาดล้างจนไม่มีผู้ใดกล้าตั้งตนเป็นโจรปล้นฆ่าอีก ว่ากันว่าในปีนั้นทวนของท่านแม่ทัพเยว่เอาชีวิตโจรเถื่อนไปนับหมื่น ตระกูลเจิ้นของเจิ้นหยางโหวซึ่งเป็นถึงเสนาบดีคู่พระทัยของอดีตฮ่องเต้ คนผู้นี้เป็นทั้งกุนซือ กองทัพหลวงและยังเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของอดีตฮ่องเต้ด้วย นอกเหนือจากสามตระกูลนี้คงเป็นตระกูลเจียงของพระชายา รัชทายาท บัดนี้คือเจียงฮองเฮา แน่นอนว่าหลังแต่งเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ตระกูลเจียงไม่รู้ว่ากระทำการสิ่งใดลงไปบ้าง นานวันนับว่ายิ่งใหญ่เหนือตระกูลอื่นๆ ครั้งนั้นสี่ตระกูลมีหน้ามีตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าคนในตระกูลจะปรากฏตัวที่ใดล้วนได้รับการไว้หน้าถึงสามส่วน ขุนนางในท้องพระโรงมีใครไม่นอบน้อมต่อตาเฒ่าและลูกหลานจากทั้งสี่ตระกูลนี้บ้าง ว่ากันว่า ถ้าหากเป็นชายก็ล้วนถูกนับเป็นคุณชายมากความสามารถและสูงศักดิ์ยิ่ง ว่ากันว่า ถ้าหากเป็นหญิงล้วนถูกยอมรับว่าเป็นคุณหนูลำดับหนึ่งของแผ่นดิน แต่ละคนมีใครไม่มีความสามารถมีใครไม่สะคราญโฉมบ้าง ทว่าหลังอดีตฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ชะตาชีวิตของตระกูลเยว่กับตระกูลเจิ้นคล้ายจะเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือ ความจริงชะตาของอีกสองตระกูลใหญ่อาจเปลี่ยนไป ทว่าถึงอย่างไรก็ยังมีบุตรสาวเป็นถึงไทเฮาและฮองเฮา ผลกระทบจึงมีไม่มากนัก ตระกูลเจิ้นที่ไม่รุ่งเรืองดังก่อนเป็นเพราะหลังอดีตฮ่องเต้สวรรคต เจิ้นหยางโหวลาออกจากการเป็นขุนนาง ทุกวันทำเพียงท่องเที่ยวทั่วหล้า เพิ่งหวนกลับคืนสู่เมืองหลวงเมื่อสิบเจ็ดสิบแปดปีก่อนนี้เอง ส่วนตระกูลเยว่นั้นหลังจากภรรยาเอกของท่านโหวคลอดคุณชายน้อยผู้หนึ่งออกมา ก็ติดตามท่านแม่ทัพเยว่ไปสู้ศึกยังชายแดน การต่อสู้กินเวลายาวนานนับครึ่งปี สุดท้ายท่านแม่ทัพกับฮูหยินล้วนสิ้นชีพในสนามรบ แม้แต่นายท่านรองยังต้องจบชีวิตไปด้วย ตระกูลแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลเยว่ จึงเหลือเพียงท่านแม่ทัพผู้เฒ่าผู้ผ่านการกรำศึกมาอย่างหนักกับนายน้อยอายุไม่ถึงหนึ่งขวบ หลังจากสิ้นทั้งบุตรชายใหญ่ สะใภ้ใหญ่ และบุตรชายรอง ท่านแม่ทัพทูลขอราชโองการฉบับหนึ่งจากฮ่องเต้ ว่ากันว่า ราชโองการฉบับนั้นคือต่อไปนี้ตระกูลเยว่ไม่ขอเข้าร่วมกองทัพอีก บ้างก็ว่าท่านแม่ทัพผู้เฒ่าทูลขอราชโองการแต่งตั้งหลานชายตัวน้อยของตนเป็นแม่ทัพในภายภาคหน้า เมื่อถึงวันนั้นตระกูลเยว่ย่อมกลับมารุ่งเรืองดังเดิม คำเล่าลือเกี่ยวกับตระกูลเยว่นับแต่นั้นจึงมีไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อคุณชายน้อยตระกูลเยว่เติบโตขึ้น ข่าวลือเกี่ยวกับสกุลนี้ยิ่งหนาหู มีคนเล่าลือกันว่า ที่ท่านแม่ทัพเยว่กับฮูหยิน รวมถึงนายท่านรองต้องตายในสนามรบเป็นเพราะคุณชายน้อยตระกูลเยว่เกิดมาพร้อมกับคำสาปแช่งให้สกุลฉิบหาย มีคนเล่าลือกันว่า พอคุณชายน้อยอายุได้ห้าขวบก็ป่วยเป็นสิบสี่โรคร้ายแรง ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ทุกวันทุกคืนต้องอยู่อย่างทรมาน มีคนเล่าลือกันว่า พอคุณชายน้อยตระกูลเยว่อายุได้สิบเอ็ดขวบกลายเป็นคนพิการ เดินไม่ได้ แขนขาเล็กลีบ มีคนเล่าลือกันว่า พอคุณชายน้อยตระกูลเยว่อายุได้สิบเจ็ดปี ท่านแม่ทัพผู้เฒ่าส่งแม่สื่อพร้อมของหมั้นไปยังสกุลใหญ่ในเมืองหลวงเพื่อขอหญิงสาวในห้องหอผู้มีคุณธรรมมาเป็นหลานสะใภ้ ทว่าหลังจากส่งแม่สื่อไปเพียงข้ามวัน สกุลทางบ้านฝ่ายหญิงพลันถูกทางการจับกุมโทษฐานฉ้อราษฎร์บังหลวง มีคนเล่าลือกันว่า ตระกูลเยว่ส่งแม่สื่อไปบ้านใด บ้านนั้นจะล่มสลายในเวลาไม่กี่สิบวัน ด้วยคำเล่าลือทั้งหมดนี้ คุณชายน้อยเยว่หมิงเซียนจึงอายุได้ยี่สิบหกปีแล้ว แต่ข้างกายหามีสตรีสักคนเข้ามาพัวพันไม่ แม้แต่บ่าวรับใช้ที่เอาไว้อุ่นเตียงยังไร้วี่แวว ดังนั้นผ่านมาหลายสิบปี เหตุเพราะคำเล่าลือทั้งหมดจึงทำให้ตระกูลใหญ่หนึ่งในสี่ของเมืองหลวง อย่างตระกูลเยว่ค่อยๆ ตกต่ำลง ตามโรงน้ำชา เหลาสุรามีชื่อ หรือแม้แต่สถานที่ชื่นชมทิวทัศน์งามไม่มีใครพูดถึงเยว่หมิงเซียนอีก คล้ายกับว่าในเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ไม่มีคุณชายสกุลเยว่อย่างไรอย่างนั้น ส่วนทางด้านสกุลที่ตกในคำเล่าลือของชาวบ้านชาวเมืองพันปากหมื่นปากน่ะหรือ มองไปจนถ้วนทั่วรอบด้านทั้งสี่ทิศทางเงียบสงบนัก สถานที่อย่างจวนตระกูลเยว่คงเป็นจวนเดียวในเมืองหลวงที่ไร้สีสันของดอกไม้นานาชนิด ทั้งๆ ที่ยามนี้อยู่ในช่วงต้นปีใหม่ จวนอื่นแขวนโคมแดงมีงานรื่นเริงสังสรรค์ทว่าที่นี่กลับเงียบเชียบยิ่ง จวนอื่นเหมยแดงเบ่งบานทอความงามท่ามกลางหิมะพร่างพรม ที่นี่กลับไร้เงาของต้นเหมย มองไปทั้งสี่ทิศทางตั้งแต่หน้าจวน เรือนชั้นนอก เรือนชั้นในจนถึงบริเวณท้ายจวนกลับแวดล้อมไปด้วยป่าไผ่สูงชัน บัดนี้จึงแว่วเสียงลำไผ่เสียดสีกันชวนวังเวง เงียบสงบ น่ากลัวยิ่ง ทว่าพอเงี่ยหูฟังให้ชัดๆ กลับได้ยินเสียงลำไผ่หลายท่อนพุ่งไปรอบๆ ด้วยความเร็วสูง ศาลาหกเหลี่ยมสร้างด้วยลำไผ่หมื่นลำตั้งอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของจวน เรียกขานกันว่าศาลาหมื่นทรมาน ชาจากยอดไผ่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว ในมือของแม่ทัพผู้เฒ่ามีจอกน้ำชาที่ทำจากหยกขาวมันแพะชั้นดี ไออุ่นร้อนพวยพุ่งส่งความหอมยวนใจ เยว่หมิงเหอในวัยหกสิบปีสูดกลิ่นแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบ น้ำชาจากยอดไผ่ให้ความหวานตรงปลายลิ้น แต่พอกลืนลงคอกลับฝาดขมไม่น้อย บนลานกว้างด้านหน้า บ่าวรับใช้ชายตัวใหญ่ใบหน้าเคร่งขรึมกลุ่มหนึ่งอายุราวสี่สิบปีกำลังขว้างลำไผ่ที่ถูกตัดเป็นท่อน ขนาดห้าฉื่อไปยังคุณชายหล่อเหลาผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่กลางลาน อาจมองว่าบ่าวรับใช้เหล่านี้อายุมากแล้วคงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทุกคน ณ ที่แห่งนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารเดนตายที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่ท่านแม่ทัพผู้เฒ่ามาทั้งสิ้น แม้จะไม่ได้จับดาบฟาดฟันในสนามรบมาหลายสิบปี แต่ฝีมือกลับไม่เคยถดถอย เพราะนับตั้งแต่ท่านแม่ทัพผู้เฒ่าทูลขอราชโองการกับฮ่องเต้ในคราวนั้น คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่เคยวางมือ ทุกวันฝึกฝน ทุกวันฟาดฟัน พละกำลังที่ควรมีจึงยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะการได้รังแกคุณชายผู้หนึ่งตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบจนล่วงเลยมายี่สิบกว่าปี ฝีมือพวกเขาแม้ควรถดถอยแต่คงเป็นไปไม่ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD