นับตั้งแต่ก่อนเที่ยงจรดค่ำอาหารที่ฮูหยินตัวป่วนกล่าวว่าจะเตรียมไว้ให้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา กระทั่งตัวของผู้เอ่ยก็ยังเงียบหายไร้วี่แววจะโผล่หน้ามาก่อกวนเช่นเคย แม่ทัพหนุ่มรอแล้วรอเล่าจนรู้สึกขุ่นเคืองใจ คำพูดหลี่หลินฮวามีสิ่งใดเชื่อได้บ้าง
อยากให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นแต่กลับทำเช่นนี้ เขาอดทนปฏิเสธของผู้อื่นรอนางเก้อหรอกหรือ
เขานั่งอยู่ในห้องทำงานครู่ใหญ่ก่อนจะเตรียมลุกไปถามนางให้รู้เรื่องว่าเกิดสิ่งใดขึ้นถึงได้หายเงียบไปไม่บอกกล่าวแต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเพราะเห็นคนที่ตนกำลังขุ่นเคืองเดินมาพร้อมกับชิงหลัน
“วันนี้ข้าไม่ว่างเถียงกับเจ้า” ยังไม่ทันจะฟังสิ่งใดเสียงราบเรียบก็เอ่ยขึ้น คนกล่าวก้มหน้าลงอ่านตำราศึกสงครามในมือไม่ยอมเงยหน้ามองหลี่หลินฮวาที่กำลังสะกดกลั้นอารมณ์อย่างสุดความสามารถ
นางหันไปส่งสายตาให้สาวใช้ออกจากห้อง ชิงหลันย่อกายและเดินจากไป
“ชิ ทั้งปีทั้งชาติ ข้าบอกตอนไหนว่าจะมาเถียงกับท่านพี่”
โฉมงามกอดอกเถียง สำหรับสามีแล้วการสนทนากับนางล้วนไม่ว่างตลอด
บุรุษเช่นนี้ไม่ควรเอามาทำสามีเลยแม้แต่น้อย ภาพลักษณ์แม่ทัพที่หลายคนวาดหวังนั้นตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เขามันบุรุษใจร้าย
หลี่หลินฮวาแอบเบะปากใส่อย่างหมั่นไส้
“มีธุระใดก็ว่ามา” คิ้วเข้มกระตุกยามได้ยินเสียงหวานแอบเถียงแบบจงใจให้เขาได้ยิน อาการเช่นนี้ต้องถูกขัดใจมาอย่างแน่นอน
ฮูหยินเขาก็เป็นเช่นนี้ ยามถูกขัดใจจะหงุดหงิดเป็นพิเศษ นางเติบโตมาตามลำพังใช้ชีวิตผู้เดียวมาตลอด เป็นไปได้ว่าเมื่อต้องมาอยู่ในจวนที่มีคนมากมายอาจไม่คุ้นชิน
“ข้าอยากจะไปเยี่ยมบ้านเดิมจึงมาขออนุญาตท่าน”
นอกจากบ้านนางก็นึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนได้ นางอยู่ลำพังไร้ญาติ บ้านคือสถานที่เดียวที่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่านสงบได้
“อีกสองสามวันค่อยไป พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าวังไปพบฮ่องเต้”
คนพูดวางตำราเงยหน้าขึ้นมองสตรีใบหน้างดงามทว่าบึ้งตึง
จวนแห่งนี้เขากับนางมีอำนาจสูงสุด หากไม่อยู่พร้อมกันผู้ใดจะดูแล อีกสองสามวันเสร็จสิ้นการเข้าพบฮ่องเต้แล้ว เขาสามารถไปบ้านเดิมกับนางได้ ปีกว่าแล้วที่กราบไหว้ฟ้าดินแต่ยังไม่เคยพานางไปบ้านเดิมด้วยตนเองสักครั้ง
“เจ้าค่ะ” นางกล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังกลับ
หลี่ต้าหมิงขมวดคิ้วสงสัยที่นางไม่เอ่ยปากชวนเฉกเช่นทุกครา ไหล่กว้างยกขึ้นตามแรงหายใจสีหน้าเริ่มแสดงออกชัดว่าไม่ชอบกับกิริยาของนางนัก
“เหตุใดอยากไปทั้งที่บ้านนั้นไม่มีคนอยู่” บิดามารดาจากไปนานแล้วเหตุใดนางยังอยากกลับไปที่นั่นบ่อยครั้ง ความทรงจำที่นั่นดีจริงหรือ ทุกครั้งหลังจากกลับมานางก็มักจะเซื่องซึมทุกครั้ง
“เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับท่าน” ร่างงามไม่คิดจะหันกลับมามองคนที่คล้ายจะพูดจาไม่เข้าหู บ้านของนางไม่มีใครอยู่ก็จริงแต่ที่นั่นเคยเป็นที่ที่นางมีความสุขกับครอบครัว
“เมื่อครู่ย้อนข้าอย่างนั้นหรือ” ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดมาคว้าท่อนแขนเล็กไม่ให้นางเมินใส่ตนได้อีก
สตรีล้วนเข้าใจยากนัก เหตุนี้ทำให้เขาไม่เคยคิดอยากมีความรักหรือแต่งงานในหัว ขนาดไม่ได้ยุ่งเกี่ยวฮูหยินเขายังเป็นเช่นนี้ หากอยู่กันฉันท์ผัวเมียจะไม่ตามติดตามหวงเขาตลอดเวลาเลยหรือ
“ข้าอยู่กับผู้ใดเล่า เลิกถามเซ้าซี้ให้ข้าหงุดหงิดเสียที!”
เสียงหวานดุอีกฝ่าย นางสะบัดมือที่จับแขนตนทิ้งอย่างไม่นึกไยดี
“ข้าจะถามไม่ได้เลยหรืออย่างไร นับวันยิ่งทำนิสัยร้ายกาจ เจ้านี่ชอบยั่วโมโหข้านัก” ปกครองคนมากมายยังไม่เหนื่อยเท่าปกครองภรรยาผู้นี้
หลี่ต้าหมิงตอนนี้เต็มไปด้วยโทสะ สองร่างยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ ความอยากเอาชนะส่งผลให้แม่ทัพเตรียมจะคว้าร่างฮูหยินของตนอีกครั้ง
“เงียบสักทีหลี่ต้าหมิง!” ใบหน้างามแดงก่ำดวงตาแข็งกร้าวตะคอกสามีที่ไม่เคยมองว่านางเป็นคนดี ชีวิตนี้ฝากไว้ผิดคนเสียแล้ว
“เหตุใดต้องเสียงดังใส่ข้าด้วย” แม่ทัพผู้ไม่เคยถูกตะคอกใส่มาก่อนถึงกับเกิดความไม่พอใจฮูหยิน
“ชิ น่ารำคาญ!” เห็นหน้าแล้วไม่สบอารมณ์ นางสัพยอกในใจ
“อย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้หลี่หลินฮวา ข้าเป็นสามีของเจ้า เจ้าเสียสติหรืออย่างไรถึงได้เอาอารมณ์หงุดหงิดมาลงที่ข้า ถูกผู้ใดขัดใจมากอีกเล่า” แม่ทัพหนุ่มกระชากร่างฮูหยินเข้าหาตัวพร้อมทั้งกล่าวสั่งสอนนางในคราวเดียวกัน
“ไม่ต้องมาแตะข้า นี่เจ้า!” แรงกอดรัดส่งผลให้นางดิ้นอย่างตกใจ สามีเสียสติแล้วแน่ ๆ ถึงได้มาโอบกอดนางเช่นนี้
“บอกมาว่าโกรธเคืองสิ่งใด อย่ามาทำตัวไร้สาระใส่ข้า”
ตาคมก้มมองใบหน้าบึ้งตึง
“เจ้านั่นแหละอย่ามาทำตัวน่ารำคาญใส่ข้า ปล่อย ข้าบอกให้ปล่อย!” คนบ้านี่จะเอาอย่างไรกับนาง
ผลั่ก! ความประมาทไม่ทันระวังส่งผลให้แม่ทัพที่ผ่านการต่อสู้มาทุกรูปแบบพลาดถูกฝ่ามือเล็กซัดจนเซเล็กน้อย แม้ไม่เจ็บมากแต่หลี่ต้าหมิงก็อดประหลาดใจไม่ได้
ร่างน้อยวิ่งไปเปิดประตูก่อนจะหันมามองเขาด้วยสายตาแค้นเคือง
“วันนี้ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้ามิเช่นนั้นข้าจะเล่นงานให้หนัก”
นางไม่วายหันมาชี้หน้าสามี
“สตรีบ้ากล้าทำร้ายข้าเชียวหรือ เหตุใดถึงได้แรงเยอะนัก”
แรงสะบัดและซัดฝ่ามือใส่มานั้นแรงจนถึงขนาดทำให้เขาจุกจนเซได้เชียวหรือ
บุรุษนักรบเช่นเขาแข็งแรงกว่านางหลายเท่า โทษความไม่ระวังเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แรงเมื่อครู่ที่ซัดมานั้นแสดงให้เห็นว่าฮูหยินเขาไม่ใช่สตรีอ่อนแออย่างที่คิด นางพอมีวิชาต่อสู้ป้องกันตัวอยู่บ้าง
ชิงหลันกับบ่าวเฝ้าอยู่หน้าห้องนั่งคุกเข่าก้มหน้าอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ผู้เป็นนายทั้งสองต่างก็แรงมากพอกัน
“พวกเจ้าขัดใจฮูหยินข้าเหรอ ข้าเคยสั่งไว้แล้วว่าอย่าขัดใจ หลี่หลินฮวา ยามโกรธนางมองต่างจากปีศาจสิงร่างพวกเจ้าจำไม่ได้หรืออย่างไรกัน นางโกรธอะไรพวกเจ้ารู้หรือไม่”
เขาเดินเอามือกุมท้องออกมาถามสาวใช้และบ่าวอย่างข้องใจ หลี่หลินฮวาโกรธมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ฮูหยินยังตั้งใจเตรียมอาหารให้ท่านแม่ทัพแต่ไม่รู้ผู้ใดขัดใจ อาหารทุกอย่างจึงอยู่ในสภาพนี้เจ้าค่ะ”
ชิงหลันส่ายหน้าปฏิเสธและถือถาดอาหารที่ถูกโยนทิ้งเอาไว้ นางให้คนเก็บซากมาเมื่อครู่นี้เอง
หลี่ต้าหมิงมองถ้วยเปล่าแตกพังอย่างไม่เข้าใจนัก
“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไร ตอนทำอาหารได้ช่วยนางทำหรือไม่” ต้องมีคนขัดใจนางตอนทำอาหารแน่ ๆ
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะไม่มีคนช่วยนะเจ้าคะ บ่าวในจวนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบฮูหยินเพราะรู้ว่านายหญิงหลี่หลิงเฟยไม่ชอบหลานสะใภ้เจ้าค่ะ” แม้ตนจะถูกส่งมาดูความเคลื่อนไหวของฮูหยินตามคำสั่งท่านแม่ทัพ แต่ความภักดีนั้นมีให้ฮูหยินไม่น้อย ในจวนนี้น้อยคนนักจะเคารพฮูหยินจากใจจริง
“บ่าวโง่พวกนั้นเสียสติหรือไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วถึงกล้าทำให้นางโกรธ มิน่านางถึงดูอารมณ์เสียแปลก ๆ เจ้าไปจัดการพวกโง่เง่าด้วย”
พวกบ่าวโง่ช่างไม่รู้ความ
ร่างสูงยกมือขึ้นนวดขมับทั้งสองข้าง เขาไม่เคยเกี้ยวพาสตรี ยามถูกโกรธจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
“ฮูหยินกล่าวว่าจะขอกลับบ้านเดิมด้วยเจ้าค่ะ เห็นทีว่าครั้งนี้จะโกรธมาก ๆ ขนาดอาหารยังเอาไปโยนทิ้ง บ่าวขอไปดูฮูหยินนะเจ้าคะ”
สาวใช้นึกห่วงนายของตน
ผู้เป็นนายโบกมืออนุญาต ชิงหลันพอรู้ความน่าจะช่วยทำให้ฮูหยินอารมณ์เย็นได้ หากชิงหลินทำดีครั้งนี้เขาจะยอมเป็นพ่อสื่อให้นางกับรองแม่ทัพที่นางหลงใหล
เฮ้อ สตรีช่างเข้าใจยาก…