“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” รถแล่นอยู่บนถนนได้สักพักพี่บิ๊กไบค์ก็เอ่ยถามขึ้น
“น้องสาวแก้มเองค่ะ”
“น้องสาว?” พี่บิ๊กไบค์มีสีหน้าแปลกใจ
“น้องสาวต่างแม่น่ะค่ะ”
“ถึงว่า... ไม่เหมือนกันเลยสักนิด”
“เราไม่ค่อยกินเส้นกันค่ะ ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว”
“หายเจ็บหรือยัง”
“คะ?” ฉันหันไปมองหน้าพี่บิ๊กไบค์อย่างมึนงง
“ก็ตรงที่โดนตบน่ะ หายเจ็บหรือยัง”
“อ๋อ” ฉันยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ จะว่าไป ก็ยังรู้สึกปวดนิด ๆ อยู่เหมือนกัน
พี่บิ๊กไบค์เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ลาดจอดของคอนโดแห่งหนึ่ง ฉันมองออกไปนอกกระจกรถ สถานที่นี้ไม่คุ้นเลย
“ที่นี่ที่ไหนคะ” ฉันหันกลับมาถามร่างสูงที่ตอนนี้เขาได้ดับเครื่องยนต์แล้ว
“คอนโดพี่เอง”
“แล้วพาแก้มมาทำไมคะ ทำไมไม่ไปส่งแก้มที่หอพักเพื่อน” ฉันเริ่มพูดเสียงขึ้นเล็กน้อย
“ก็พี่ไม่รู้ว่าหอพักเพื่อนแก้มอยู่ที่ไหนนิ” พี่บิ๊กไบค์ตอบหน้าตาเฉย
“เอ้า! แล้วทำไมไม่ถามแก้มล่ะ” ฉันชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด
“นี่มันก็ดึกแล้วนะ พี่ง่วงแล้วด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแก้มเรียกแท็กซี่กลับก็ได้” ฉันเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปยังริมถนนเพื่อโบกรถแท็กซี่แต่พี่บิ๊กไบค์วิ่งมาขว้างหน้าเอาไว้
“มีอะไรคะ”
“จะกลับคนเดียวได้ไง มันอันตรายนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แก้มดูแลตัวเองได้” ฉันยิ้มให้พี่บิ๊กไบค์อย่างสดใส ไม่อยากให้เขาต้องมาเป็นกังวล
“ถ้าดูแลตัวเองได้จริง คงไม่โดนตบมาแบบนี้หรอกมั้ง” พี่บิ๊กไบค์ยืนเท้าสะเอวบ่น เหมือนผู้ใหญ่กำลังสั่งสอนเด็กดื้อยังไงยังงั้น
“พี่ไบค์ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แก้มกลับได้ ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยแก้มวันนี้” ฉันโค้งศีรษะให้อย่างขอบคุณจากใจจริง
“แต่พี่ไม่อยากได้คำขอบคุณ” พี่บิ๊กไบค์ยังไม่ยอมหลบทางให้ฉัน
“แล้วพี่ไบค์ต้องการอะไรคะ”
“ต้องการให้แก้มนอนที่นี่”
“หะ...”
ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมเอ่ยออกมา ผมไม่ได้ตั้งจะพูดอะไรให้แก้มใสคิดลึกหรอกนะ แค่นึกหาคำเบรกแก้มใสเอาไว้ก่อนแค่นั้นเอง
“ไม่ค่ะ แก้มจะกลับ” แก้มใสยืนยันคำเดิม ก่อนจะเดินเลี่ยงตัวผม เพราะผมไม่ยอมหลบทางให้ ในเมื่อบอกดีๆ ไม่ฟัง มันก็ต้องใช้กำลังกันหน่อยล่ะ ผมหันไปคว้าเอวบางแล้วยกตัวแก้มใสขึ้นพาดบ่าอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรน่ะ! วางแก้มลงนะ พี่ไบค์!” แก้มใสร้องโวยทันทีพร้อมกับระดมทุบหลังผมเป็นว่าเล่น
“พี่ไม่ได้จะทำอะไร แค่จะพาเราไปทายาแค่นั้นเอง” ผมเอ่ยบอกกับร่างบางพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดไปยังชั้นของตัวเองทันที
“แก้มจัดการเองได้ค่ะ ไม่รบกวนพี่ดีกว่า”
“ไม่รบกวนเลย พี่เต็มใจ”
ติ่ง! เมื่อลิฟต์เปิดออก ผมก็เดินตรงไปยังห้องของตัวเองแล้วหยิบคี่การ์ดออกมาแตะที่หน้าจอมิเตอร์ที่ประตู เมื่อผมก้าวเข้าในห้องไฟทั้งห้องก็สว่างวาบขึ้นอัตโนมัติ
ผมพาแก้มใสเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง แล้วค่อย ๆ วางร่างบางให้นั่งลงบนเตียง แก้มใสดูมีอาการเกร็งเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้โวยวายอะไร เมื่อคิดว่าแก้มใสโอเคแล้ว ผมจึงหันไปเลื่อนลิ้นชักข้างเตียงนอนออกมาเพื่อหายาทาแก้อาการฟกช้ำ
พรึบ! ร่างบางอาศัยจังหวะที่ผมเผลอลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังประตูห้อง กะไว้แล้วเชียวว่าต้องมาไม้นี้ ต่อให้เธอเร็วเหมือนเสือชีต้า เธอก็ยังช้ากว่าผมอยู่ดี ผมกระโจนเข้าไปคว้าตัวแก้มใสไว้ได้ทัน แต่ว่า... มันทำให้เราล้มกลิ้งไปกับพื้นทั้งคู่กลายเป็นว่าแก้มใสกำลังคร่อมตัวผมอยู่ ผมจึงเลื่อนมือขึ้นไปโอบกอดแก้มใสไว้แน่นเมื่อเธอทำท่าจะลุกขึ้น
“พี่ไบค์!” ด้วยความที่กอดแรงไปทำให้หน้าอกแก้มใสกระแทกอกแกร่งผมอย่างจัง ผมน่ะไม่เจ็บหรอก แต่ไม่รู้ว่าแก้มใสจะเจ็บหรือเปล่า เพราะพวงแก้มของเธอเริ่มขึ้นสีแดงจัด
“จะเรียกทำไม พี่ก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง” ผมยกยิ้มให้อย่างกวน ๆ
“ปล่อยแก้มนะ” แก้มใสขึงตาใส่อย่างโกรธเคือง
“ก็ถ้าเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรกก็ไม่อยู่ในสภาพนี้ไหม” ผมเลิกคิ้วถามอย่างกวน ๆ ทำให้แก้มใสชักสีหน้าใส่อย่างอารมณ์เสีย
แก้มใสยังไม่ละความพยายาม เธอใช้แขนของตัวเองยันกับพื้นเพื่อทำให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมแขนผมให้ได้ ผมจึงพลิกตัวขึ้นไปคร่อมตัวแก้มใสแล้วจับข้อมือทั้งสองข้างขึงไว้กับพื้นห้องด้วยมือของผมเพียงข้างเดียว
“พี่ไบค์!” ตากลมโตจ้องมองผมด้วยความตกใจ
“เด็กดื้อ ชอบต่อต้าน แบบนี้ต้องลงโทษ”
ผมโน้มหน้าลงไปชิมริมฝีปากบางทีล่ะนิด... ทีล่ะนิด แค่โฉบชิมแค่นั้น ผมหมายจะจูบแก้มใสอีกที เธอเบือนหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับหลับตาปี๋ ผมจึงละไว้แค่นั้นแล้วหันมาสนใจต้นคอขาวเนียนแทน อย่างที่ผมบอกกับแก้มใสไปแหละครับ ผมไม่ต้องการคำขอบคุณ ผมต้องการมากกว่านั้น ถ้าหากว่าแก้มใสจะยินดี
“ไม่ให้จูบเหรอ งั้นพี่จูบตรงอื่นก็ได้”
ผมลากไล้จูบต้นคอเบา ๆ แก้มใสถึงกลับสะดุ้งเฮือก ผมจึงเริ่มดูดเม้มตั้งแต่ต้นคอลงมา ร่างบางถึงกลับผวาเป็นระยะ ๆ เหมือนกับว่าแก้มใสกำลังพยายามทำตัวให้นิ่งเพื่อที่ผมจะได้หมดอารมณ์แล้วไม่ทำอะไรเธอต่อ ถ้าหากคิดอย่างนั้น... บอกเลยว่า คิดผิดแล้วล่ะ
ผมใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ลากไล้ต้นขางาม ค่อย ๆ เลือนสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ จนมาถึงหน้าท้องแบนราบผมวนนิ้วเล่นกับสะดือเล็กอย่างหยอกล้อ เสียงแก้มใสกัดฟันแน่นแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาต่อว่าผม ดูสิ จะทนได้สักกี่น้ำ ผมจึงเลื่อนมือสูงขึ้นไปอีก
“อืออออ” แก้มใสแปร่งเสียงออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อโดนมือหนาของผมบีบเคล้นก้อนเนื้อนิ่มอย่างเอาใจ แก้มใสยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาอีก ไม่ใช่แค่แก้มใสหรอกนะที่อดทน ผมเองก็ต้องอดทนไม่แพ้กัน พยายามไม่เกิดความต้องการไปมากกว่านี้ แต่ว่า... ความอยากเอาชนะแก้มใสมันก็มีมากกว่าความอดทนแล้วล่ะตอนนี้
ผมจึงเลิกชายเสื้อของแก้มใสขึ้นไปกองไว้บนเนินอก สิ่งสวยงามใต้ร่มผ้าปรากฏต่อหน้าทันที เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ ซ่อนรูปจังนะ
“อย่านะ!” แก้มใสร้องออกมาด้วยความตกใจ
เมื่อผมได้เห็นสิ่งสงวนบนกายเธอ ผมก็ไม่สนคำห้ามปรามใดๆ รีบจัดการถอดบราปีกผีเสื้อออกทันที เม็ดทับทิมสีสวยชูชันขึ้นอย่างล่อตา ผมไม่รอช้ารีบโน้มริมฝีปากเข้าไปชิมทันที
“อย่า... อ๊ะ!”
เม็ดทับทิมแข็งชูชันยิ่งขึ้นยามที่โดนปลายลิ้นผมสัมผัส ด้วยความที่ผมไม่ได้ปลดปล่อยมานาน มันทำให้ผมเผลอตะกละตะกามอย่างลืมตัว ดูดเม้มแรงจนเกิดเสียงดังจั๊วเจี๊ยะ เม็ดทับทิมนี่ก็ชั่งพอดีปากผมเหลือเกิน มันทำให้ผมลุ่มหลงจนไม่อาจถอดตัวได้
“อือออ...” แก้มใสหอบหายใจแรง มันยิ่งทำให้เลือดในกายผมสูบฉีดมากขึ้นไปอีก “พะ พี่ไบค์คะ” ผมชะงักกึก เมื่อได้ยินเสียงอ้อนจากปากหวาน ผมยอมละริมฝีปากออก แต่ก็ไม่วายจ้องมองเม็ดทับทิมสีหวานอย่างอ้อยอิ่ง เม็ดทับทิมในตอนนี้เกิดอาการช้ำแดงขึ้นมาทั้งที่ก่อนหน้าเป็นสีชมพู ก็ว่าจะไม่รุนแรงแล้วนะ
“นะ ไหนบอกว่า จะทายาให้แก้มไง” แก้มใสพยายามพูดจาอ่อนหวาน สายตาของแก้มใสในตอนนี้ชั่งดูเซ็กซี่เหลือเกิน จากคนที่เคยผ่านประสบการณ์เรื่องบนเตียงมา ผมรู้ได้ในทันทีว่า แก้มใสเกิดความรู้สึกบางอย่างและเธอกำลังต่อต้านมันอยู่ด้วยการโน้มน้าวผม
“ก็ได้...” ผมยอมลุกขึ้นออกจากตัวแก้มใส เธอรีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว รีบดึงเสื้อลงแล้วจัดให้เข้าที่ก่อนจะยกสองแขนขึ้นมากอดอกตัวเองไว้อีกชั้นเพราะว่าไม่มีบราไว้ปกป้องแล้ว
“ไปนั่งรอที่เตียงสิ พี่หายาแป๊บ” แก้มใสพยักหน้างึก ๆ อย่างว่าง่าย เธอเดินไปนั่งบนเตียงแล้วหยิบหมอนใบใหญ่มากอดไว้แทนการกอดอกตัวเอง หวังว่าจะเข็ด คงไม่กล้าตุกติกอีกนะ ผมหันหลังให้แล้วหายาที่ลิ้นชักอีกรอบ
ในระหว่างที่ค้นลิ้นชักอยู่นั้น ผมก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างค่อยๆ ย่องมาด้านหลังอย่างเงียบๆ มันก็คงเป็นใครไม่ได้หรอกครับเพราะอยู่กันแค่สองคน จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย ผมแกล้งทำเป็นค้นหายาต่อทั้งที่หาเจอแล้ว แกล้งทำเป็นเผลอไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบย่องมาด้านหลัง แล้วผมก็รู้สึกได้ว่ามีลมพัดวูบหนึ่ง เหมือนมีคนยกของเบาขึ้นที่สูง ก่อนที่ของสิ่งนั้นจะกระทบโดนตัว ผมจึงหันกลับไปแล้วคว้าเอาเอวบางทำให้เราทั้งคู่ล้มตัวลงบนเตียงนอนไปพร้อมกัน
“จะทำอะไรครับ” ผมยกยิ้มอย่างกวน ๆ ให้กับแก้มใส มุกตื้นๆ แค่นี้คิดว่าผมรู้ไม่ทันหรือไง สิ่งที่แก้มใสถือมาเตรียมที่จะปะทุสระร้ายผมนั้น ก็คือหมอนที่เธอเอามากอดนั่นแหละ
“ปล่อยแก้มนะ แก้มจะกลับบ้าน” แก้มใสขึงตาใส่อย่างดุ ๆ
“ก็ไหนจะให้พี่ทายาให้ไง จะรีบไปไหนล่ะ หื้อ...” ผมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวนเพื่อให้แก้มใสโมโหเล่น ๆ
“แก้มไม่ต้องการค่ะ แก้มจะกลับบ้าน” แก้มใสพยายามดันอกผมให้ออกห่าง แค่ดันไม่พอ เธอเอาเล็บข่วนด้วย เอาสิ เอาให้แสบกันไปข้างเลย
“ชอบข่วนจังนะ” ผมจับแขนทั้งสองข้างของแก้มใสให้แนบข้างลำตัวแล้วผมก็ใช้ขาคร่อมทั้งตัวทั้งแขนแก้มใสไว้แน่น ก่อนจะผละตัวออกเล็กน้อยแล้วถอดเสื้อตัวเองออกโชว์ซิกแพคแน่น ๆ
“ถอดเสื้อทำไมคะ!” ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ก็ชอบข่วนนักไม่ใช่เหรอ นี่ไง ข่วนให้เต็มที่เลยนะ” ผมไม่ได้ถอดแค่เสื้อ ผมปลดเข็มขัดพร้อมกับกระดุมกางเกงยีนด้วย
“อย่าถอดนะ!” แก้มใสร้องห้ามเมื่อเห็นผมปลดกางเกง
ผมโน้มตัวลงไปหาแก้มใสอีกครั้ง แล้วจับข้อมือบางทั้งสองข้างให้ชิดกันและมัดด้วยเข็มขัดของผมเอง แก้มใสดินพล่านเริ่มรู้ชะตาข้างหน้าของตัวเองแล้วว่าจะโดนอะไร
“อย่าทำอะไรแก้มเลยนะ แก้มขอโทษ... แก้มจะเชื่อฟังและไม่ดื้ออีกแล้ว” แก้มใสร้องขออย่างตื่นกลัว
“แต่พี่ชอบให้แก้มดื้อนะ... เพราะพี่จะได้ทำโทษไง” ผมยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไม่เอา อยะ...อุ๊บ!”
อาศัยจังหวะที่แก้มใสอ้าปากพูดนั้น โฉบจูบพร้อมกับแทรกลิ้นชื้นเข้าไปตวัดดูดดึงลิ้นเล็กอย่างโหยหา ผมบดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนริมฝีปากบางมีอาการเจ่อปวดขึ้นมาเล็กน้อย
“อืออออ” ผมกดข้อมือบางที่ถูกหมัดไว้เหนือหัวแก้มใส ใช้มืออีกข้างเลิกเสื้อตัวยาวขึ้นเผยให้เห็นดอกบัวคู่งามอีกครั้ง ไม่รอช้ารีบโฉบริมฝีปากเข้าฉกชิมอีกครั้งในทันที ผมละมือที่จับข้อมือบางไว้ แล้วเลือนลงมาบีบเคล้นดอกบัวคู่งามแทน ข้างหนึ่งบีบเคล้นด้วยมือ อีกข้างบีบเคล้นด้วยริมฝีปากทำให้ร่างบางส่งเสียงครวญครางไม่หยุด