BE INDIGNANT 08
*******************************
หลังจากที่เรียนเสร็จแล้วฉันกับเป้ก็มาที่โรงอาหารกลางเพื่อที่จะกินข้าวตามที่เรานัดกันเอาไว้
พอเดินเข้าไปด้านในคนเยอะมากเพราะตอนนี้เที่ยงแล้วคนก็เลยเยอะเป็นพิเศษ รู้งี้กินที่โรงอาหารของคณะก็ดีหรอก
เป้พาฉันมาที่โต๊ะว่างที่อยู่มุมสุด เขาบอกให้ฉันนั่งจองโต๊ะเอาไว้เดี๋ยวเขาจะเป็นคนไปซื้อข้าวมาให้ฉันเอง เขานี่ใจดีกับฉันจังเลยนะ
ฉันพยักหน้าว่าตัวเองจะนั่งรอที่โต๊ะแล้วให้เขาไปซื้อข้าวราดแกงมาให้ ที่จริงก็อยากกินก๋วยเตี๋ยวนะแต่ไม่อยากให้เขาไปยืนรอไง
“แจงนั่งรอที่โต๊ะนี่แหละเดี๋ยวเราไปซื้อมาให้ จะเอาอะไรอ่ะ”
“ไข่พะโล้กับแกงเผ็ดหมูก็ได้”
“โอเค เดี๋ยวเรามานะ”
ฉันนั่งเล่นมือถือรอให้เป้ไปซื้อข้าวมาให้ ที่จริงเป้ยมันก็จะตามมานะแต่เป้ก็ขัดมันซะก่อนบอกว่าเขาอยากมากินกับฉันแค่สองคน
แต่ฉันก็พอจะรู้ว่าเพื่อนฉันมันไม่ได้อยากตามมาจริงๆ หรอกก็แค่พูดแซวเท่านั้นเองแหละ ปกติแล้วเป้ก็ไม่ได้ปฏิเสธเพื่อนฉันด้วยนะ
แต่อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เขาอยากมากินข้าวกับฉันแค่สองคนจริงๆ ล่ะมั้ง
ฉันที่นั่งเล่นมือถืออยู่นั้นข้อความไลน์ของพี่กาวก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอและนิ้วของฉันก็ดันกดเข้าไปอ่านพอดี
กาว กวิน : อยู่ที่ไหนคะ พี่จะชวนไปกินข้าว
กาว กวิน : พี่มาหาแจงที่คณะก็ไม่เห็นแล้ว
ฉันอ่านแล้วแต่ไม่คิดที่จะตอบกลับไปเพราะฉันไม่ได้อยากให้เขาเข้ามายุ่งกับฉันแล้วไง
ฉันอยากหลุดพ้นจากผู้ชายอย่างพี่กาวสักที แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขายังตามฉันไม่เลิก ตัวเองทำอะไรเอาไว้กับฉันจำไม่ได้เลยหรือไง
แต่นี่เขาทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เขาทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรขนาดนั้น
และที่มาตามง้อฉันเพราะว่าฉันงอนเขาเท่านั้นอีกไม่นานฉันก็อาจจะกลับไปคืนดีกับเขาก็ได้
แต่เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าสิ่งที่เขาทำกับฉันตลอดระยะเวลาที่เราคบกันน่ะมันทำให้ฉันเสียใจและเสียความรู้สึกมากแค่ไหน
เขายังคิดว่าฉันจะยอมกลับไปหาเขา กลับไปรักเขาได้อีกเหรอ
ฉันยอมรับนะว่าตอนนี้ตัวเองอาจจะยังลืมพี่กาวไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะฉันกับเขาเราสองคนคบกันมาสองปี ซึ่งมันเป็นเวลาที่นานมากที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
และการที่มาเลิกกันแค่สามเดือนมันไม่ได้ทำให้ฉันลืมเขาได้เต็มร้อยไง
ฉันถึงพยายามที่จะไม่พาตัวเองเข้าไปใกล้เขาหรือเห็นหน้าเขา ฉันไม่ใช่คนที่ใจแข็งอะไรขนาดนั้นหรอกนะ
ทุกครั้งที่เขามาง้อและฉันยอมกลับไปน่ะมันเป็นเพราะว่าฉันรักเขาและยังใจอ่อนให้กับคนที่ตัวเองรักด้วย
แต่ตอนนี้ที่ฉันเลือกจะไม่กลับไปเพราะฉันคิดว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก และต่อให้ฉันกลับไปฉันก็รู้เลยว่าตัวเองจะต้องกลับไปเจ็บอีกแน่ๆ
ในเมื่อรู้ผลลัพธ์มันอยู่แล้วทำไมฉันจะต้องกลับไปทำให้ตัวเองเจ็บด้วยล่ะ ที่ผ่านมาเขาใจร้ายกับฉันมากเลยนะ
“รู้มั้ยว่าวันนี้คือวันอะไร?”
พอเห็นว่าพี่กาวเปิดประตูเข้ามาในห้องฉันก็เอ่ยถามเขาทันที ฉันทำกับข้าวของโปรดเขาเอาไว้หลายอย่าง
และนั่งรอเขาตั้งแต่หกโมงเย็นจนตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว เขาเพิ่งกลับเข้ามาที่ห้อง โทรไปไม่รับ แถมยังตัดสายปิดเครื่องอีกต่างหาก
ไลน์ไปถามว่าอยู่ไหนอ่านแต่ก็ไม่ยอมตอบกลับมา เขาหันหน้ามามองฉันที่มองหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ก็บอกแล้วไงว่าไปกินเหล้ากับเพื่อนจะถามอะไรนักหนา”
“แจงไม่ได้ถามว่าไปไหนมา แต่ถามว่ารู้มั้ยว่าวันนี้คือวันอะไร?”
“อะไร จะบอกว่าวันเกิดว่างั้น?”
“ใช่ มันคือวันเกิดของแจงและตอนนี้มันก็ผ่านวันเกิดแจงไปเป็นชั่วโมง”
ฉันปาดน้ำตาตัวเองที่มันไหลลงมาอาบแก้มออกทันที เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องของฉันเลยไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
เขามักจะใส่ใจเรื่องของคนอื่นแทน และละเลยเรื่องของฉันเสมอ เขาทำเหมือนฉันไม่ใช่แฟนเขาอย่างนั้นแหละ
และเขาทำเหมือนฉันเป็นของตายที่หันกลับมาเมื่อไหร่ก็เจอ แล้วแบบนี้จะมีฉันเอาไว้ทำไมล่ะ
“เออ เดี๋ยวซื้อของขวัญให้วันหลังแล้วกัน อยากได้อะไรล่ะ”
“อยากได้เวลาจากพี่ พี่ให้แจงได้มั้ยล่ะ?”
“เฮ้อ อะไรนักหนาวะก็นอนด้วยกันทุกคืน เห็นหน้ากันทุกวันอย่ามาเรื่องเยอะกับพี่ได้ป่ะ แม่งโคตรน่ารำคาญ”
ตอนนี้ไม่ว่าฉันทำอะไรก็กลายเป็นตัวน่ารำคาญสำหรับเขาไปแล้วสินะ เมื่อก่อนไม่ว่าฉันจะทำอะไรเขาก็บอกว่าชอบที่ฉันเป็นฉัน
แต่ตอนนี้เหรอแค่หายใจยังผิดเลย ใช่สิ ฉันไม่ได้ใหม่เหมือนตอนนั้นแล้วนี่เขาก็เลยคิดอยากจะทำอะไรกับฉันก็ได้เพราะเห็นว่าฉันรักเขามากไง
พอฉันบอกเลิกทีไรแล้วเขามาง้อฉันก็ยอมกลับมารักเขาเหมือนเดิม ที่ฉันยอมกลับน่ะเพราะฉันคิดว่าสักวันเขาจะเห็นความรักที่ฉันมีให้เขาบ้างไง
“ตอนนี้เรายังรักกันอยู่มั้ยคะพี่กาว?”
“ก็ถ้าไม่รักก็บอกเลิกไปนานแล้วป่ะ แม่ง น่าเบื่อเว้ย”
“คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ?”
“เออ!!!”
เขากระแทกเสียงใส่ฉันก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปเลย ฉันมองอาหารที่ตัวเองทำอยู่บนโต๊ะ
ก่อนจะนั่งกินข้าวที่มันเย็นชืดพร้อมกับน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้มไม่หยุด ด้วยความเสียใจและเสียความรู้สึกที่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของฉันไร้ความรู้สึกกับฉันมากขนาดนี้ เขามันใจร้ายเกินไปจริงๆ
“มาแล้วครับผม”
เสียงของเป้ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ความคิดก่อนจะหันไปมองเขาที่ถือจานข้าวมาให้ฉัน ฉันคงคิดเรื่องความหลังระหว่างฉันกับพี่กาวจนเหม่อนานเลยสินะ
“เดี๋ยวเราไปซื้อน้ำมาให้ แจงจะเอาน้ำอะไรอ่ะ”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวเราไปซื้อเอง”
“ได้ไงล่ะ เดี๋ยวเราไปซื้อมาให้น้ำส้มเหมือนเดิมนะ”
เป้ยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินไปซื้อน้ำมาให้ ฉันยิ้มให้เขาที่เขาดูใส่ใจฉันดีแบบนี้ เมื่อก่อนพี่กาวก็เคยใส่ใจดูแลฉันแบบนี้เหมือนกันนะ ไม่ว่าฉันอยากได้อะไรเขาก็พร้อมที่จะทำให้หมดทุกอย่างเลย
แต่นั่นมันก็เป็นแค่ช่วงแรกที่เราคบกันนั่นแหละ แต่พอเวลาผ่านไปได้ไม่นานเขาก็ใจร้ายกับฉันทันทีเลย ละเลยความรู้สึกของฉัน
อะไรที่ทำให้ฉันเสียใจได้เขาก็พร้อมจะทำทุกเมื่อ แล้วดันไปทำดีกับคนอื่นแทน ต่อให้ตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตามเหอะ
ฉันก็ไม่อยากกลับไปหาเขาอยู่ดี ฉันคิดว่าเราสองคนควรที่จะต่างคนต่างอยู่ด้วยซ้ำ ไม่นานเป้ก็เดินถือแก้วน้ำส้มมาให้ฉัน
ส่วนน้ำของเขาก็คือน้ำส้มเหมือนกับฉันเหมือนกัน แปลกใจเหมือนกันนะที่เขาชอบกินน้ำส้มเหมือนกับฉันแบบนี้
“ชอบดื่มน้ำส้มตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ?”
“ก็ตั้งแต่ที่รู้ว่าคนแถวนี้ชอบดื่มนั่นแหละ”
“จะเอาใจเราว่างั้นเหอะ?”
“อืม จะว่างั้นก็ได้นะเพราะเราอยากเธอรู้ไงว่าเราพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารักจริงๆ และเราก็ไม่ได้ฝืนทำด้วย”
เป้ยิ้มให้ฉันแล้วบอกว่าอะไรที่ทำให้ฉันมีความสุขและสบายใจได้เขาเองก็พร้อมจะทำให้ฉันทันทีเลย โดยไม่ให้ฉันต้องลำบากใจหรืออึดอัดใจเวลาที่ได้อยู่กับเขา
และเขาก็ทำได้จริงๆ นะ ฉันไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยเวลาที่ได้อยู่กับเป้
เพราะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันสองคนเขาแทบไม่ถามว่าฉันจะรักเขาตอนไหน จะเปิดใจให้เขาเมื่อไหร่ เขาไม่ถามเลย
ส่วนมากก็แค่จะแซวเล่นๆ เพื่อไม่ให้ฉันลำบากใจในการตอบมากกว่า
“มองหน้าเราแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเริ่มหวั่นไหวขึ้นมาแล้วอ่ะ”
“เปล่าสักหน่อย ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าเราเปิดใจคบกับเป้จริงๆ ต่อไปเป้จะน่ารักกับเราแบบนี้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”
“ผู้ชายคนอื่นเป็นยังไงเราไม่รู้หรอกนะแจง แต่สำหรับเรา เราจะพยายามไม่ทำให้เธอเสียใจหรือร้องไห้เพราะคำว่านอกใจหรือละเลยความรู้สึกเด็ดขาด”
“...”
“เราไม่ได้พูดเพื่อให้เธอเลือกเราหรอกนะ ถ้าตอนนี้ยังไม่มั่นใจในตัวเราจะดูกันไปก่อนในฐานะเพื่อนก็ได้ เราไม่รีบ อย่างที่เราบอกนั่นแหละว่าเรื่องความรักน่ะมันห้ามหรือบังคับกันไม่ได้หรอก เราเข้าใจเธอนะ”
“ขอบใจนะที่เข้าใจเราอ่ะ”