ระหว่างที่เธอกับก้องภพกำลังนั่งรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นไปเห็นชายหนุ่มรูปงามที่แสนคุ้นเคย เดินควงคู่มากับหญิงสาวสวยหวานซ่อนเปรี้ยวคนหนึ่ง เขาตวัดสายตาเรียบเฉยขึ้นมองเธอ ก่อนเดินเลยโต๊ะของเธอไปโดยไม่สนจะจะมองมาที่เธออีกแม้เพียงหางตา
ความสนิทสนมของหนุ่มสาวคู่ที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกนั้น ทำเอาหัวใจดวงน้อยของเธอวูบโหวงเต้นแกว่งไกว จังหวะของมันช้าลงอย่างต่อเนื่องจนเหมือนว่ามันจะหยุดเต้น จนเธอต้องถอนหายใจออกมายาวๆครั้งหนึ่งเพื่อลดความกดดันปวดหน่วงในหน้าอกข้างซ้ายของเธอ
เธอแอบเหลือบสายตาไปมองเขาที่นั่งหันหน้าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ ก็เห็นเขายิ้มแย้มมีความสุข ดวงตาหวานเชื่อมจ้องมองไปที่สาวสวยคนนั้นไม่วางตา นี่คงเป็นคนรักใหม่ของเขาสินะ เผลอๆอาจเป็นภรรยาที่แต่งงานกันแล้วก็ได้
ความรู้สึกแน่นในอกกลับมาอีกครั้ง เขาจะมีใครมันก็เรื่องของเขา ทุกอย่างมันจบลงไปนานแล้ว จบลงเพราะเธอ แล้วคนอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึก ความจริง ในวันนี้ที่เธอเห็นเขามีความสุข มีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างที่เขาใฝ่ฝัน เธอน่าจะต้องยินดีไปกับเขาสิถึงจะถูก
“ริสา ทานเยอะๆนะครับ เดี๋ยวกลับไปหาน้องปั้นหยาก็โดนลูกบ่นเอาหรอก”
เมื่อนึกถึงลูกสาวตัวน้อย หน้าตาจิ้มลิ้มละม้ายคล้ายคนเป็นพ่อทุกกระเบียดนิ้วก็ต้องอมยิ้ม อย่างน้อยๆ เรื่องเลวร้ายที่สวรรค์เล่นตลกกับชีวิตเธอ ก็ยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมาหนึ่งเรื่อง นั่นคือการมีน้องปั้นหยา ลูกสาวสุดน่ารักของเธอเกิดมาบนโลกใบนี้เพื่อเป็นตัวแทนของเขา ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ
ถามว่าหลังจากที่เธอรู้ตัวแล้วว่าตั้งท้อง ทำไมเธอไม่กลับไปหาเขา ให้เขารับผิดชอบแล้วแต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ขอตอบเลยว่าเธอไม่กล้า เธอละอายเกินไปที่จะทำแบบนั้น เธอทิ้งเขามาอย่างใจดำที่สุด หายจากชีวิตเขาไปเป็นเดือนๆ แล้วอยู่ๆก็จะอุ้มท้องซมซานกลับไปให้เขารับผิดชอบหรือ เขาคงไล่ตะเพิดเธอออกมาแทบไม่ทัน และอีกอย่างคือเธอลบช่องทางที่จะสามารถติดต่อเขาไปหมดแล้วทุกช่องทาง เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาพบเจอกันให้ปวดใจอีก หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็โทรหาเพื่อนร่วมรุ่นชาวอังกฤษที่อาจได้ข่าวคราวของเขาบ้าง เธอคนนั้นก็บอกเพียงว่า เขากลับไทยไปแล้ว ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าบ้านช่องเขาอยู่ที่ไหน ไม่มีทางเลยที่เธอจะหาเขาเจอ ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่รับผิดชอบผลของการกระทำของเธอแต่เพียงผู้เดียว
“ริสาคิดถึงลูกจังเลยค่ะ ยิ่งช่วงนี้เพิ่งเริ่มวางระบบใหม่ ไม่รู้จะได้ว่างกลับไปหาลูกได้อีกเมื่อไหร่”
“งั้นเอางี้ วันหยุดยาวนี้ พี่พาปั้นหยามาหาริสาที่นี่ดีไหมครับ”
“รบกวนพี่ก้องเปล่าๆค่ะ เด็กเล็กไม่ได้ดูแลง่ายๆแบบที่พี่ก้องคิดนะคะ”
“รบกวนอะไรกันริสา ริสาก็รู้ว่าพี่คิดยังไงกับริสา และพี่ก็รักปั้นหยาเหมือนลูกแท้ๆ เรื่องแค่นี้ ทำไมพี่จะทำให้คนที่พี่รักไม่ได้”
“พี่ก้อง ริสาไม่อยากให้พี่มาจมปลักอยู่ที่ริสากับลูก พี่ควรจะต้องมีอนาคตที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น พี่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอเธอคนนั้นเถอะค่ะ”
“ก็ริสากับลูกไง คือคนที่พี่ต้องการคนนั้น”
“พี่ก็รู้ว่าพ่อแม่พี่รังเกียจริสากับลูก ไม่มีทางหรอกค่ะที่ท่านจะยอมรับสิสา”
“พี่ไม่สน พี่โตแล้วนะครับ ตอนนี้ก็มีธุรกิจของตัวเองแล้ว พี่ดูแลริสากับลูกได้โดยไม่ต้องพึ่งพาบารมีพ่อแม่ ถ้าริสาให้โอกาสพี่..”
“อย่าต้องมาผิดใจกับพ่อแม่เพราะผู้หญิงที่ไม่มีค่าคู่ควรอย่างริสาเลยค่ะ”
“ริสา ไม่พูดแบบนั้นครับ ทำไมริสาจะไม่มีค่า พี่รักริสามาก ริสามีค่ากับพี่ที่สุด ไม่ว่าริสาจะผ่านอะไรมา พี่ก็ยังรัก ริสาเปิดโอกาสให้พี่หน่อยได้ไหมครับ”
มือใหญ่อบอุ่นเอื้อมไปกุมมือเธอเอาไว้ที่กลางโต๊ะ การกระทำที่สนิทสนมของทั้งคู่ อยู่ในสายตาคมกริบของคนที่นั่งโต๊ะถัดไปอยู่ตลอดเวลา คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความขัดใจ มือกำแน่นจนเส้นเลือดขึ้นตามลำแขนแกร่ง เขาไม่พอใจกับภาพความสนิทสนมของหนุ่มสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก
ผู้ชายคนนี้สินะ ที่ทำให้เธอทิ้งเขามาอย่างเลือดเย็นที่สุด วันนี้ยังตามมาสวีทหวานโชว์ให้เขาเห็น ตอกย้ำรอยแผลเป็นที่มันยังอักเสบเลือดซิบๆของเขาอีกต่างหาก
ผู้หญิงแพศยา เขาสบถคำนั้นในใจ อยากตรงเข้าไปกระชากมือของไอ้หมอนั่นออกจากมือของเธอ แล้วจับเธอมากระแทกจูบแรงๆ ให้สะใจกับความร่านและใจง่ายของเธอนัก
ปรมัตถ์ถอนหายใจแรงๆหลายครั้ง เขาตั้งสติแล้วหันกลับมาสนใจผู้หญิงที่มีค่าตรงหน้าดีกว่า
“จีด้าครับ พี่ขอโทษนะ ที่เกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้น พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเลยเถิดไปแบบนั้น พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ”
หญิงสาวแก้มแดงก้มหน้างุด หลบสายตาคมที่มีแววสำนึกผิดของเขาอย่างเอียงอาย เธอจะไม่ซักไซ้เขาถึงเรื่องผู้หญิงที่ชื่อ ริสา ที่เขาหลุดออกมาเมื่อคืนอีก เพราะคนรักอิสระอย่างเขาคงไม่ชอบใจนักที่เธอจะมาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวและจุกจิกจู้จี้ ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เป็นอะไรกับเขาเลย ถ้าเธออยากรู้เดี๋ยวค่อยหาทางสืบเอา หรือบางทีอาจไม่จำเป็นต้องสืบอะไรก็ได้ เพราะอย่างไรเสีย ในตอนนี้ เขาก็มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ปัถย์ จีด้าก็ไม่ได้ขัดขืน จะโทษพี่ปัถย์ได้อย่างไรคะ”
ชายหนุ่มอมยิ้มกับท่าทีเขินอายของเธอ เวลาอยู่บนเตียงก็ท่าทางร้อนแรง แต่เวลาอยู่ในอารมณ์อื่น ก็เขินอายอย่างน่ารัก เหมือนกับเธอคนนั้นไม่มีผิดเลยจริงๆ
ดวงตาคมเหลือบไปมองยังหนุ่มสาวสองคนนั้นที่ยังคงนั่งกุมมือกันบนโต๊ะไม่ยอมปล่อย นี่ขนาดห้องอาหารยังถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ ในที่ลับตาคนอย่างในห้องนอน เธอคงนอนอ้าซ่าให้ไอ้หมอนั่นมันกระแทกแล้วนอนกรีดร้องครวญครางแทบขาดใจเหมือนที่เคยทำกับเขาสินะ
กรามแกร่งขบกันแน่น ก่อนรีบเบือนสายตากลับมาที่คู่สนทนาที่ควรจะน่าสนใจกว่าผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นในตอนนี้
“พี่สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก พี่จะระวังตัวพี่ให้มากกว่านี้ จะไม่ทำให้จีด้าเสียหายอีกครับ”
“ขอบคุณที่ให้เกียรติจีด้านะคะ”
แม้ในใจจะแอบขัดใจกับความเป็นสุภาพบุรุษและความทึ่มของเขานิดหน่อย แต่ก็แสร้งทำส่งยิ้มหวานให้กับเขาไป ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขาถึงมีท่าทีระวังตัวกับเธอขนาดนี้ ทั้งๆที่ตัวตนจริงๆแล้ว เขาออกจะเป็นที่กล่าวขานถึงเรื่องการเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย
“เดี๋ยวบ่ายๆ จีด้ากลับเลยนะคะ หายมาสองวันแล้ว ที่ร้านคงวุ่นวายแย่”
“บ่ายพี่มีประชุม ไปส่งจีด้าไม่ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ จีด้าใช้บริการรถตู้ของโรงแรมได้ค่ะ แค่นี้เอง ไม่ต้องห่วงนะคะ”
เมื่อเลิกงาน เขาก็ตรงดิ่งไปที่คลับของทางโรงแรมเพื่อหาเครื่องดื่มดีกรีแรงๆ ดับความร้อนรุ่มในจิตใจทันที เขานั่งดื่มคนเดียวอยู่พักหนึ่งก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ยิ่งมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด ความรู้สึกหึงหวงไม่พอใจ โกรธแค้นผู้หญิงคนนั้นมันยิ่งพลุ่งพล่านผสมปนเปกันไปหมดจนยากจะแยกออก จึงตัดสินใจกลับห้องพัก VIP ของทางโรงแรมทันที
ท่านประธานหนุ่มหล่อเดินออกจากลิฟต์ได้ก็รีบเดินเร็วๆผ่านห้องหนึ่งไป บนชั้น VIP นี้มีห้องพักเพียง 2 ห้องเท่านั้น ห้องหนึ่งที่อยู่ด้านในเป็นของเขา ส่วนห้องที่เขาเพิ่งเดินผ่านไปนั้นเป็นห้องของใครเขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของ
ในขณะที่เขากำลังแตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูห้องของตัวเองอยู่นั้น ก็มีเสียงเปิดประตูจากด้านในของห้องที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา ความสงสัยทำให้เขาหันกลับไปมองห้องนั้นอีกครั้ง และก็ต้องกัดกรามแกร่งจนสันกรามขึ้นนูน มือใหญ่ทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดขึ้นตามข้อมือ เพราะภาพตรงหน้าที่เขาเห็น คือเธอ ผู้หญิงสารเลวคนนั้น เปิดประตูออกมาพร้อมกับไอ้ผู้ชายหน้าอ่อนรูปหล่อนั่น ท่าทีสนิทสนมหัวร่อต่อกระซิกยิ่งทำให้เขาใจเต้นรัว
ผู้ชายคนนั้นลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กออกมาจากห้องเธอ พร้อมโผเข้ากอดกันแน่นเป็นการล่ำลา เธอยืนมองส่งผู้ชายคนนั้นจนหายเข้าไปในลิฟต์ ในขณะที่เธอกำลังหมุนตัวจะกลับเข้าห้อง ก็ปะทะสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบที่แดงก่ำลุกโชนด้วยเปลวไฟจนเธอชะงักเท้าค้าง
“คุณปัถย์”
“หึ”
เขาแค่นหัวเราะในลำคอหนึ่งครั้งเป็นการเย้ยหยันเธอ ก่อนเปิดประตูเข้าห้องของตัวเองไป ตามด้วยเสียงปิดประตูอย่างแรงดังปัง
ดวงตากลมโตเศร้าสร้อยมองเขาหายเข้าไปในห้องด้วยความเจ็บแปลบในหัวใจ ดูจากท่าทางเขาคงกำลังเข้าใจเธอกับก้องภพผิด คงคิดว่าเราสองคนอยู่ห้องเดียวกันสินะ ความจริงแล้ว เขาก็แค่มาบอกลา เพราะบังเอิญว่ามีธุระด่วนที่กรุงเทพ จึงต้องรีบกลับกะทันหันอย่างนี้ และเธอก็ฝากตุ๊กตาที่เธอเพิ่งหาซื้อมาไปให้ลูกสาวของเธอเท่านั้นเอง แต่ไม่เป็นไร เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ในเมื่อเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขาจะเข้าใจว่าเธอเป็นอะไรกับใครก็ไม่ได้มีผลต่อการทำงานร่วมกัน
“โถ่เว้ย แม่ง คุณมันผู้หญิงแพศยา มารยา คนหลอกลวง คุณออกไปจากหัวของผมซะทีสิวะ”
เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมใช้มือเสยผมลวกๆอย่างหงุดหงิดหลายครั้ง ก่อนตามมาด้วยคำสบถหยาบคายอีกเป็นขบวน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไปเห็นภาพบาดตาของผู้หญิงเจ้ามารยาคนนั้นคนเดียว
“หึ ส่งผัวใหม่กลับไปแล้วหรอ ดี เตรียมต้อนรับผัวเก่าคนนี้ไว้ให้ดี ฉันจะเอาคืนช่วงเวลาสี่ปีที่ฉันเสียไป จะเอาเธอให้ยับแล้วถีบเธอตกสวรรค์ เอาให้ไอ้ผัวใหม่มันรับไม่ได้แล้วเขี่ยเธอทิ้ง ทีนี้เธอได้กระอักเลือดตายแน่ ริสา”