บทที่ 1 ตอนที่ 2

1139 Words
 "สงสัยฉันคงตาฝาดหรือไม่ก็ยังนอนแล้วฝันอยู่บนเตียงที่เห็นแกนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงนี้ตอนหกโมงกว่าๆ แบบนี้" เสียงนั้นทำให้ร่างใหญ่ที่สวมชุดนอนแบบคลุมเอาไว้หันไปมอง             เขาเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะวางแก้วกาแฟในมือลง หันกลับมาทอดสายตามองทิวทัศน์ยามเช้าตรงหน้า ซึ่งมีหมอกขาวบางๆ ลอยเอื่อยท่ามกลางขุนเขาและป่าไม้อันอุดม            "จะไม่คิดว่าผมยังไม่ได้นอนบ้างเหรอพ่อ"            "อืม...ก็อาจจะเป็นไปได้"            "ว่าแต่พ่อมาทำไมแต่เช้า...มีงานด่วนงั้นเหรอ ปกติเห็นอยู่แต่บ้านนึกยังไงถึงแวะมาที่นี่ได้" ฝ่ายผู้เป็นลูกตั้งคำถามรัวน้ำเสียงทุ้มเรียบ            "อืม ก็มีธุระนิดหน่อย จริงๆ ไม่ได้คิดว่าแกจะตื่นแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าจะมาถึงเอาเช้าป่านนี้เหมือนกัน"            "สำคัญอย่างนั้นเหรอ" ชายหนุ่มเอะใจ เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านพักซึ่งมีแต่เขาที่มาพำนักอยู่เป็นครั้งคราว เนื่องจากอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ไม่สะดวกสบายนัก บิดาของเขาซึ่งสูงวัยแล้วจึงไม่ใคร่ชอบมาพักผ่อนเท่าไหร่ แต่ด้วยวิวและทิวทัศน์ที่สวยงามทำให้พวกเขาไม่คิดอยากจะขายต่อ            "นิดหน่อย...เรื่องพ่อจะแต่งงานใหม่" กฤษณะเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงไม่เต็มปากเต็มคำนัก สายตาลอบสังเกตสีหน้าจองศิขราบุตรชายอยู่เนืองๆ แต่ก็ไม่เห็นปฏิกิริยาใดๆ อันส่อแววไปในทางเลวร้าย            "ก็ดี...พ่อจะได้มีคนดูแล แม่ก็เสียไปแล้วตั้งสามปี พ่อแก่ลงทุกวัน ถ้าได้ใครสักคนที่พร้อมจะอยู่กับพ่อไปจนถึงวันนั้น...ผมก็ยินดีนะ"            เขาหันมายิ้มจริงจังกับบุพการี พร้อมสอดนิ้วมือประสานกันไว้ระหว่างอก เขาโตพอที่ไม่มีอคติกับเรื่องแบบนี้ แม้จะไม่เคยมีข่าวคราวแว่วเข้าหูมาก่อน และเกิดขึ้นรวดเร็วเช่นนี้ก็ตาม เพราะเขาเข้าใจดีว่าเมื่อถึงวัยบั้นปลายบิดาเขาก็ย่อมต้องการคนรู้ใจมาประคับประคองกันและกัน คนอื่นต่อให้เป็นลูกหลาน หรือคนรับใช้ให้มีมากสักแค่ไหนก็ไม่มีทางสื่อถึงกันได้ดังเช่นผัวเมียหรอก            "พ่อก็คิดเอาไว้แล้วว่าแกต้องเข้าใจ ไม่ขัดขวางพ่อ...จริงๆ จะรอแกกลับไปบ้านแล้วค่อยคุยก็ยังได้ แต่...ว่าที่เจ้าสาวของฉันเขามีเหตุจำเป็นจะต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเราเร็วๆ นี้ ทุกอย่างมันเลยกะทันหันไปหมด แล้วพ่อ...ก็อยากมาพักที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแต่งงานใหม่ด้วย"            "ตามสบายเลยครับ...อะไรที่พ่อทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ เราไม่ได้เดือดร้อนอะไร และผมเชื่อว่าหากแม่ได้รับรู้...ก็คงรู้สึกเบาใจที่ตอนนี้พ่อจะได้ไม่เหงา มีคนมาคอยดูแลใกล้ชิดแล้ว" ศิขราพอจะรู้เรื่องแผนแต่งงานคร่าวๆ ของบิดามาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยพูดคุยกันจริงๆ จังๆ สักครั้งเพราะทั้งเขาและบิดาแทบไม่มีเวลาว่างให้กันเลย             และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเขาถึงยินดีนักเมื่อมีใครสักคนมาทำหน้าที่ดูแลคนที่เขาเป็นห่วงที่สุดในขณะนี้            "พ่อก็หวังว่าเขาจะดีกับแก...และแกจะเข้ากับเขาได้นะปั้น"            "ว่าแต่...ใครกันเหรอครับว่าที่เจ้าสาวของคุณพ่อ ใช่น้ามณีที่คุยกันบ่อยๆ หรือเปล่า" เขาเริ่มสืบเสาะเกี่ยวกับสมาชิกคนใหม่ในครอบครัวด้วยคำพูดและน้ำเสียงธรรมดาสีหน้าปกติ            "ไม่ใช่หรอก น้ามณีนะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ แกก็คิดไปเรื่อย...จำครอบครัวคุณพบพระได้ไหมที่ลูกสาวเขาป่วยหนักเมื่อหลายปีก่อนน่ะ..."            "อ๋อครับ...พอจะทำได้แต่พ่อก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรผมนี่ เป็นยังไงบ้างครับ"            "ลูกสาวคุณพบพระชื่อเอื้อง...คนนี้แหละที่พ่อจะแต่งงานด้วย เพราะพ่อเคยช่วยเหลือพวกเขาไว้ เขาเลยยินดียกลูกสาวให้ อีกอย่าง เอื้องเขาก็เต็มใจจะมาดูแลพ่อด้วย" ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม            "ครับ แล้ว...งานแต่งมีกำหนดเมื่อไหร่" ศิขราถามเพราะทุกอย่างดูกระชั้นชิดเหลือเกิน อีกอย่างเมื่อทราบว่าเจ้าสาวคนใหม่ของบิดาคือใครเขาก็อดที่จะหวั่นใจในจุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ได้ ว่าอาจจะแอบแฝงความโลภโมโทสันเอาไว้หรือเปล่า            ด้วยจากที่เคยฟังบิดาเอ่ยถึงบ่อยๆ ทางบ้านของเจ้าหล่อนนั้นไม่ได้มีฐานะอะไร และทราบเป็นอย่างดีด้วยว่าฝั่งบิดาของเขามีทรัพย์สมบัติมากมายพอที่จะใช้จ่ายไปทั้งชาติก็ไม่หมด            แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อมันคือความสุขของบุพการี ชายหนุ่มก็ย่อมที่จะต้องยินยอม หลังจากนั้นก็คงต้องเฝ้ามองกันต่อไป            "อาทิตย์หน้า...แกว่างหรือเปล่า ทางคุณพบพระไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย พ่อก็เชิญแขกเหรื่อไม่กี่คนเพราะเวลามันจวนจิน"            "บอกผมได้ไหมครับ...ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา คุณพ่อถึงต้องรีบร้อนรับเขาเข้ามาดูแลเร็วแบบนี้"            "อืม..." กฤษณะนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ถอนหายใจอย่างใช้ความคิดด้วยไม่อยากให้บุตรชายมองอีกฝ่ายในแง่ร้าย ส่วนตัวของเขานั้นเข้าใจทุกสิ่งเป็นอย่างดีอยู่แล้ว            "บ้านของพวกเขาไฟไหม้...ทุกอย่างหายไปในกองเพลิง พ่อเลยยื่นข้อเสนออยากจะแต่งงานกับเอื้องเพื่อให้เธอมาดูแลยามเจ็บยามป่วย เอื้องเป็นคนดี พ่อเองก็อยากให้เขาได้รับสิ่งดีๆ ในชีวิตบ้าง"            "อ๋อ...เป็นอย่างนี้นี่เอง..." เขาพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ ในคราแรกที่บิดาเอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน ลึกๆ เขาคิดว่าจะเป็นหญิงสาวผู้เพียบพร้อมอีกคน            "มีเอื้องคนเดียวนะที่จะมาอยู่บ้านเรา...ส่วนพ่อกับแม่ของเธอพ่อก็ซื้อบ้านหลังใหม่ให้เป็นสินสอด"            "ครับ..." ชายหนุ่มเอ่ยขานรับรู้ หน้านิ่งเหมือนเคยแต่กำลังพยายามปรับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเมื่อได้รู้ความจริงมากขึ้น            แล้วเขา...จะวางใจให้บิดามีชีวิตคู่ครั้งใหม่ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองก็รู้ลึกรู้ดีในความมากเล่ห์ของหญิงสาวทั้งหลายที่จ้องจะจับคนมีเงินมาทำพันธุ์เพื่อความอยู่รอดของตัวเองและโคตรเหง้า พ่อของเขามิต้องกลายเป็นท่อน้ำเลี้ยงที่พวกปรสิตเกาะกินไปจนวันตายหรอกรึ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD