“ บัว เอ็งทำไมดูหน้าตาหมองคล้ำชอบกลวะ ไม่สบายหรือเปล่า ” พี่เดือน อันเป็นเพื่อนร่วมหมู่บ้านเอ่ยถามเมื่อถึงวันพระ ที่บัวจะต้องไปวัดอยู่ประจำ เธอจะอยู่จนกระทั่งพระฉันเสร็จแล้วคอยล้างถ้วยล้างชามปัดกวาดเช็ดถูศาลาให้เรียบร้อย ส่วนเดือนนั้นมาเอาเศษอาหารไปเลี้ยงหมู จึงกลายเป็นว่าสองคนจะช่วยกันล้างถ้วยล้างชามอยู่เสมอ และเดือนก็เอ็นดูบัวอยู่มากโข แม้ว่าจะเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน เพราะเป็นคนสวยหน้าซื่อ จิตใจดี
“ ไม่ได้เป็นไรหรอกจ้ะพี่เดือน ” หญิงสาวตอบพลางฝืนยิ้ม
“ นังบัว ไม่ต้องมาโกหกพี่หรอก คนอย่างเอ็งมันโกหกยาก หน้าเอ็งน่ะมันฟ้องเสียขนาดนั้น ไม่สบายอกสบายใจอะไรก็เล่าให้พี่ฟังได้ ระบายมันออกมาบ้าง จะได้ไม่ต้องทุกข์อยู่คนเดียว อกแตกตายห่านะมึง ” เดือนพูดตรง ๆ แบบบ้าน ๆ แต่บัวก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง จริงอย่างที่เดือนพูด หากเธอได้ระบายออกมาบ้าง อะไร ๆ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ แม้ว่าจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ตามที
แล้วเรื่องราวอัดอั้นทั้งหลายก็ถูกระบายออกไปให้เดือนฟัง พอเล่าจบ เดือนตบเข่าฉาดจนน้ำกระเด็นเลอะหน้าเลอะตาบัว
“ อะไรกันพี่ ” เธอถามกลั้วหัวเราะ
“ ลงอีหรอบนี้นะ กูว่ากำนันเทิ้มโดนของ ” ใบหน้าหวานเบิกตาโตอย่างสงสัย
“ โดนของ ยังไงเหรอจ๊ะ ”
“ มึงไม่รู้จักพวกคนเล่นของเหรอ พวกคุณไสยน่ะ ” บัวส่ายศีรษะแทนคำตอบ เดือนจึงอธิบาย
“ พวกทำของหรือคุณไสย ก็จะมีหมอผีที่คอยรับทำพวกนี้ หมอผีจะมีอิทธิฤทธิ์เสกของ ให้คนที่ไปเอามาทำให้คนที่ต้องการ กูว่าอีกะหรี่พวกนั้นที่กำนันเอามาจากซ่องนั่นแหละมันทำใส่กำนัน มันหวังจะชุบตัวสบาย ไม่ต้องรับแขกล่ะสิ ”
“ ของมันเป็นยังไง แล้วมันจะมีฤทธิ์มีเดชยังไงเหรอจ๊ะ ”
“ มันก็แล้วแต่หมอล่ะเอ็ง เขาว่าบางทีก็ให้ใช้ของต่ำของผู้หญิงเช่นระดู ผสมน้ำแล้วท่องคาถาให้ดื่ม บางทีก็มีตุ๊กตารูปรอยมัดติดกัน โอ๊ย มีเยอะแยะสารพัดสารตะ พอคนที่โดนแล้วนะ ก็จะทั้งรักทั้งหลงอีคนทำจนโงหัวไม่ขึ้น และพาลเกลียดผู้หญิงคนอื่น อย่างที่มึงเล่าให้พี่ฟังว่ากำนันไม่อยากจะโดนตัวมึง แบบนี้เด๊ะ ๆ เลย ” บัวได้ฟังก็ใจแสนห่อเหี่ยว ใบหน้าหมดอาลัยตายอยากเป็นอย่างมาก
“ แบบนี้อีกหน่อยกำนันก็คงจะเฉดหัวบัวออกจากบ้านแน่ ๆ เลยพี่เดือน บัวไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับคุณไสยพวกนั้น ไม่มีหนทางเลยจริง ” แต่คำตอบของเดือน ราวกับจุดเทียนในใจอันมืดมิดของบัวให้ส่องสว่างขึ้น
“ มีสิวะหนทาง ใครว่าไม่มี ”
คำตอบอันหนักแน่นกับรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจของเดือนทำให้บัวมีความหวังขึ้นอีกครั้ง
***
รุ่งอรุณของวันใหม่
บัวตื่นแต่ตีสี่ตามปกติ ทำกับข้าวกับปลาสำหรับทั้งเจ้านายและคนงานเรียบร้อย เจ้านายที่ว่าก็คือกำนันเทิ้ม ผัวตนนั่นแหละ รวมไปถึงพวกนางบำรุงบำเรอที่มีอยู่หกเจ็ดคน เห็นว่าเมื่อคืนหิ้วเข้าห้องไปทีเดียวสามคน รู้ทั้งรู้ด้วยใจเจ็บแต่ก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำไปตามหน้าที่
แต่วันนี้แหละ กำนันจะกลับมารักเธอดังเดิม ไม่เมินเฉยรังเกียจดังเช่นที่เป็นมาอีกแล้ว
พอทุกอย่างเรียบร้อย บัวเดินไปสั่งคนงานไว้เพียงว่าจะไปทำธุระในตลาด จริง ๆ แล้วตอนนี้หากบัวจะหายไป กำนันเทิ้มเองก็คงไม่สนใจ ซึ่งนั่นก็เป็นทางสะดวกสำหรับเธอ
บัวเดินไปที่วัดและเจอเดือนที่นั่น เดือนขี่มอเตอร์ไซค์อีแก่พาเธอปุเลง ๆ ไปสู่จุดหมายปลายทางอันไกลจากหมู่บ้านราวสี่สิบกิโลเมตร
ที่นั่นคือ... สำนักอาจารย์เดช
ตามคำบอกเล่าของบัว ที่นี่โด่งดังทางด้านการสักยันต์ป้องกันภัย เมตตามหานิยม ทั้งวัตถุมงคลที่ลือลั่นว่าศักดิ์สิทธิ์เหลือหลาย รวมทั้งการแก้ของไสยดำต่าง ๆ ปราบผีก็ชะงัดนัก
“ อาจารย์เดชท่านขลัง ใครเดือดร้อน ใครโดนของ มาที่นี่ท่านช่วยหลายรายหายชะงัดนัก ” เดือนว่า
“ แล้วบัวจะไปให้อาจารย์ท่านช่วยอะไรล่ะจ๊ะพี่ ”
“ เอ้า เอ็งก็ให้อาจารย์ท่านช่วยดูว่าอีพวกนั้นมันทำของอะไรใส่มึงหรือเปล่า หรือใส่กำนันเทิ้มไหม ให้ช่วยทำเมตตา มหานิยมเรียกผัวกลับมาให้รักให้หลงเอ็งไง ”
“ มันจะต้องเสียเงินเยอะแค่ไหนก็ไม่รู้พี่เดือน บัวไม่มีเงินมากหรอกนะ กำนันให้ไว้แค่สามพันตั้งแต่เดือนแรก ๆ จนตอนนี้ยังไม่ได้เพิ่มเลย ”
“ เอาน่า เดี๋ยวพี่จะช่วยพูดกับอาจารย์ให้ อาจารย์เดชแกใจดี พี่เคยมาสองหน ถูกหวยสองหนเลยมึง ” เดือนนำเสนอเต็มที่ บัวจึงได้แต่เงียบ เธอตัวคนเดียว ไม่มีใครให้พึ่งพิง เมื่อมีเดือนยื่นมือเจ้ามาช่วยเหลือจึงไม่ยากที่จะคล้อยตาม ก็ดีกว่านั่งอยู่เฉย ๆ ให้สถานการณ์มันเลวร้ายขึ้น เผื่อกำนันจะหันมาชายตาแลเธอบ้าง
อะไร ๆ มันอาจจะดีขึ้น เธอได้แต่หวังว่าอย่างนั้น...
เนื่องจากรถมอเตอร์ไซค์ของเดือนมันทั้งเก่าทั้งแก่ ขับไวมากก็ไม่ได้ จึงใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะมาถึงสำนักอาจารย์เดช
เดือนนั้นเล่าให้ฟังคร่าว ๆ แล้วว่าสำนักอาจารย์เดชนั้นเป็นอย่างไร ใหญ่โตแค่ไหน แต่เมื่อได้มาเห็นของจริง บัวก็อดที่จะอ้าปากค้างไม่ได้
สำนักที่ว่าเป็นเรือนทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ที่ทำด้วยไม้สักเป็นส่วนมาก ด้านล่างใต้ถุนสูงนั้นก่อด้วยผนังปูนสลับกับกระจกให้เป็นห้องสำหรับรับแขกและลูกศิษย์ลูกหา ด้านหลังสำนักติดกับลำคลอง ทำให้มีลมพัดเย็นฉิวตลอดเวลา เรือนไทยร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้งดอกและผล ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์จอดหน้าถนนสำนักเพียบไปหมด
“ พี่เดือน สำนักใหญ่ขนาดนี้แพงแน่ ๆ แถมรถจอดเพียบ คนก็เยอะ บัวว่าเรากลับกันเถอะ ” บัวเอ่ยอย่างขลาดกลัว เธอมาจากบ้านนอก ไม่ค่อยสันทัดการเข้าหาคนมากมายหรือสถานที่ใหญ่โตเท่าใดนัก
“ เอ็งจะบ้าเหรอบัว ขับรถมาเป็นชั่วโมง มาถึงที่แล้วเกิดใจปลาซิวจะกลับซะงั้น กลัวห่าอะไรวะ ไม่ต้องกลัว มานี่ พี่จะพาไปเอง ” พูดพลางคว้าแขนหญิงสาวดึงเข้าไปด้านใน