ร่างกายแทบไม่ได้สัมผัสถึงความเย็นเฉียบเมื่ออาภรณ์กำลังจะหลุดจากเรือนร่างแบบบางหากแต่มีกายแกร่งที่แนบชิดพร้อมมือร้อนๆ ที่ลูบไล้นำพาความอุ่นไปทุกพื้นที่ของเนื้อกายสาว
ทุกอย่างมันเกิดรวดเร็วจนหล่อนตามไม่ทัน จากที่จะห้ามไม่ให้เขากอด ตอนนี้มืออันว่องไวของเขากลับเปลื้องผ้าหล่อนแทบหมดเนื้อหมดตัวจนต้องห้ามไม่ให้เขาถอดผ้าหล่อนแทนเสียแล้ว
“อืม” ใจคิดหักห้ามสารพัด หากแต่หล่อนกลับเปล่งเสียงได้เพียงแค่นั้น เรียวลิ้นที่ตวัดไล้ทักทาย พร้อมกลีบปากเร่าร้อนที่บดจูบหล่อนนั้นทำให้หล่อนเตลิดและคล้อยตามเขาแบบไร้เดียงสาสุดๆ
“ตรีสวยและเนื้อนิ่มไปหมดทั้งตัวจริง” เสียงพูดแหบพร่าข้างๆ พวงแก้มยามเมื่อเขาถอนจูบและคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ แก้มเนียนของหล่อน
“พี่ภู ปล่อยตรีนะคะ ตรงนี้ไม่ได้เลยนะคะ” หญิงสาวร้องห้ามเมื่อมือเขาเลื่อนมาไล้ปลายนิ้วร้ายกาจวกมาใกล้ๆ หน้าอกอวบ เพราะมือหล่อนพยายามดึงเสื้อเกาะอกขึ้นจึงปรามไม่ทัน
ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อภูชิตช้อนร่างของหล่อนขึ้นอุ้มปลิวลอยหวือไปวางบนโซฟากว้างแล้วกดกายทาบทับมารวดเร็วไม่สนเสียงปรามของหล่อนสักนิด
“พี่ภู ปล่อยตรีนะ” หล่อนพยายามทำเสียงเข้มขึ้น
“พอแล้วครับ หยุดดิ้นเถอะทูนหัว” เสียงพร่าพร่ำบอก
มือเล็กๆ พยายามผลักอกคนที่รุกล้ำหล่อนเกินความคาดหมาย เดตแรกที่แสนหวานของเขากับหล่อนมันพังไม่มีชิ้นดีเมื่อเขาเริ่มด้วยบทพิศวาสหวาม เนตรตรียาไม่เคยง่ายกับใครมาก่อนแต่ความรู้สึกดีกับเขาทำให้หล่อนไม่ได้ต้านทานอย่างใจแข็งนัก เมื่อใบหน้าหล่อเหลาชวนหัวใจสั่นมาอยู่ตรงหน้า แล้วกอดหล่อน จูบหล่อน หล่อนไม่เป็นลมก็ดีถมแล้ว
แต่นี่เขารุกเสียขนาดนี้ มือที่พยายามปัดป้องเขาพัลวันเริ่มราแรง เหมือนอ่อนเปลี้ยเมื่อเขากอบกุมอกอิ่มด้วยมือทั้งสอง และริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่บนพวงแก้มหล่อนกำลังไล้เลื้อยตามลำคอลงมาและกำลังจะไปอยู่จุดเดียวกับมือเขา
“อื๊อ พี่ภู หยุดค่ะ ไม่เอาค่ะ”
หญิงสาวดึงมือเขาออกจากยอดอก เขาก็ยอมรามือแต่โดยดี แต่หล่อนก็แทบกรีดร้องไม่เป็นภาษาเมื่อริมฝีปากอุ่นของเขาประกบลงจุดเดิมแทนที่มือหนาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกนึกว่าเขาจะหยุด แต่กลับต้องตัวสั่นเทาเพราะการบุกรุกที่แสนร้ายกาจ
ไหล่บางห่อไหวสะท้าน ยอมเมื่อเขาดุนดันลิ้นทักทาย เสียงห้าวของเขาครางในลำคอเหมือนพึงใจ สัมผัสร้อนหากแต่อ่อนโยนหวามไหวเหมือนไฟแผดเผาหล่อน เนตรตรียาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้ว่าสัมผัสจากเพศตรงข้ามจะนำพาความซ่านหวานกระจายทั่วเรือนกายได้ขนาดนี้
แต่มันจะไม่มากไปหรือ สำหรับเดตแรก
สมองขาวโพลนเพราะความรู้สึกดีจากการถูกปลุกเร้าจากเขาพยายามแยกส่วนมานึกผิดชอบชั่วดี มันไม่ควรจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหล่อนกับเขามากไปกว่านี้
ทั้งที่บอกตัวเองอย่างนั้นหากแต่มือหล่อนก็ทำได้เพียงจับไหล่ของเขาไว้แน่น ยามเมื่อเขาขบเม้มริมฝีปากกับปลายถันหล่อนก็ทำได้เพียงผวาเฮือก มือร้อนของเขาไล้ไต่ตามสีข้างก่อนจะเลื่อนลงมาที่สะโพกผาย
อาภรณ์ที่เป็นปราการสุดท้ายถูกดึงจากมือเขา นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เนตรตรียารู้สึกว่าหล่อนต้องหยุดเขาอย่างจริงจัง
มือบางผลักไหล่เขาอย่างรุนแรงหลังจากที่ตั้งสติ เพราะมัวแต่ดอมดมอกอวบคู่งาม เขาจึงถูกผลักออกจากร่างบางจนต้องหันมาจ้องหน้าคนที่ผลักเขาให้ตกจากสวรรค์
“อะไรกันครับทูนหัว”
แม้เขาจะไม่รุกเร้า เคล้าคลึงหนักหน่วงเหมือนที่ผ่านมา แต่หล่อนก็ยังหายใจติดขัดและยังไม่หายสั่นสะท้าน หากแต่ดวงตาคมปลาบของเขาทำให้หล่อนได้สติ เขากำลังไม่พอใจที่หล่อนห้ามปราม
“ถอยออกไปจากตรีเดี๋ยวนี้ นะ อ๊ายยย ตรีบอกว่าให้ถอย ห้ามจับเนื้อตัวตรี”
หญิงสาวกรี๊ดเบาๆ ครั้งหนึ่งเมื่อคนหน้าด้านที่หล่อนบอกให้ถอยจากตัวหล่อนไม่ยอมถอยซ้ำยังดึงมือหล่อนที่ดันอกเขาไว้ออก
“ตรีครับ บทไร้เดียงสามันสนุกแค่ตอนแรกๆ ไม่เคยมีใครสอนหรือจ๊ะ ถ้าเรามาถึงตอนนี้ตรีควรพอได้แล้ว”
“พี่ภู ตรีไม่รู้ว่าพี่ภูพูดอะไร แต่ปล่อยตรีก่อนนะคะ ตรีอึดอัด”
ภูชิตหรี่ตาเล็กน้อย ดาวตาเรียวแต่นัยน์ตาคมปลาบ ทอดมองหล่อนอย่างประเมิน ใบหน้าเขานิ่งขรึมขึ้นก่อนที่คำพูดที่ทำให้หล่อนกระจ่างจะหลุดจากปาก
“ไม่เอาน่าตรี พี่บอกแล้วไงว่าตรีไม่ต้องเหนื่อยแสดงอะไรให้มาก แค่นี้พี่ก็หลงจะแย่ อยากได้อะไรพี่ก็คงประเคนให้หมดไม่ต่อรองแล้วล่ะทูนหัว”
“นี่พี่ภูหมายความว่าอะไรคะ บอกตรีชัดๆ ได้ไหม”
เสียงหวานแผ่วแทบจะไม่ดังไปกว่าการกระซิบเอ่ยถาม สมองที่อื้ออึงกับการแนบชิดพลันกระจ่างขึ้นมาเมื่อนึกออกว่าอะไรเป็นอะไร
ฟันของหล่อนขบริมฝีปากล่างแน่นก่อนที่มันจะไหวระริกจนเกินควบคุม เห็นสายตาพึงใจที่ทอดมองมาแล้วก้อนขมปร่าก็จุกในลำคอเมื่อสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีกับหล่อนเหมือนที่หล่อนรู้สึกดีกับเขา
“พี่พอใจตรีมาก ตรีจะเรียกร้องเท่าไหร่พี่ก็ไม่ว่า จะเรียกมากกว่าราคาของเพื่อนๆ ในกลุ่มตรีที่เราเจอกันครั้งแรกเสนอมาก็ได้ พอใจหรือยังครับ”
มือหล่อนกำแน่นโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็น สีหน้าของหล่อนเจื่อนไป หากแต่หล่อนเลือกที่จะไม่โวยวาย
“ไม่พอใจค่ะ ตรีขอให้พี่ภูอาบน้ำก่อนได้ไหมคะ” เนตรตรียาบอกเสียงสั่นๆ ภูชิตไม่ทันสังเกตเพราะเขาถอยจากหล่อนมาเล็กน้อยตอนที่คุยกัน ซ้ำสายตาของเขายังทอดมองอย่างสนอกสนใจไปที่ทรวงอกขาวอวบที่มือหล่อนปิดบังไม่มิดนั่นอยู่
“พี่ภูคะ ตรีขอให้พี่ไปอาบน้ำก่อนได้ไหมคะ”
“เราจะอาบด้วยกัน ดีไหมคะ”
“ไม่เอาค่ะ ตรีไม่อาบน้ำกับใคร พี่ภูไปอาบก่อน ไม่อย่างนั้นตรีไม่ยอม” เขาผละไปแล้วหล่อนจึงหายใจหายคอได้ง่ายและต่อรองกับเขาได้ถนัดปากถนัดคำมากขึ้น เนตรตรียาพยายามดึงชุดขึ้นมาปิดเรือนร่างท่อนบน ภูชิตเห็นแล้วถึงกับถอนหายใจยาว
แม่ลูกกวางน้อยบีบบังคับให้เขาหยุดกลางคันเพื่อให้อาบน้ำ ทั้งที่ให้ความร่วมมือดีมาแต่แรก ไม่รู้ว่านั่นคือทริกสร้างความประทับใจให้ลูกค้าของเจ้าตัวหรือไม่เขาก็ไม่แน่ใจแต่ถ้านั่นคือวิธีเด็ดของหล่อนก็นับว่าเป็นวิธีที่ดีมาก เพราะว่าเขารู้สึกว่าอยากได้หล่อนมากกว่าตอนที่เขาโอ้โลมหล่อนอยู่เสียอีก
ภูชิตไม่ถนัดวิธีเอาแต่ใจหรือบีบบังคับ เขาพึงใจมากกว่าที่จะเห็นหล่อนโอนอ่อนคล้อยตาม หรือเร่าร้อนลุกเป็นไฟไปพร้อมเขา ดังนั้นสิ่งที่หล่อนเสนอหนุ่มหล่อเปี่ยมเสน่ห์จึงสนองโดยมีข้อแม้
“พี่อาบก็ได้ครับ แต่น้องตรีต้องสัญญาว่าพี่ออกมาจากห้องน้ำแล้วน้องตรีจะต้องถอดชุดให้หมดรอพี่แล้ว แต่ถ้าไม่ถอด พี่จะเอาคืนให้ตรีไม่ได้หลับทั้งคืน”
เนตรตรียาสั่งตัวเองให้จิตแข็ง หล่อนกัดฟันส่งสายตายวนเย้าและพยักหน้าให้เขา
“ตรีสัญญาค่ะ พี่ภูรีบไปอาบน้ำเถอะ รีบไม่ใช่เหรอคะ”
คำตอบเสียงสั่นพร่าของหล่อนทำให้รอยยิ้มชวนใจสั่นผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา ดวงตารีกะพริบให้หล่อนอย่างมีนัยสำคัญประหนึ่งบอกว่า รอเขาเพียงไม่นาน
“พี่เป็นคนจริงจังกับสัญญานะครับ สัญญาแล้วก็ต้องทำตาม ไม่อย่างนั้นต้องชดใช้”
เขายิ้มให้หล่อนอีกครั้งก่อนขายาวจะก้าวไปเปิดประตูห้องน้ำซึ่งฝังแนบเนียนอยู่ที่ผนัง
นี้พ้นร่างภูชิตไปแล้ว น้ำตาที่กลั้นไว้อย่างเต็มที่ของเนตรตรียาก็ไหลพร่างพรู หล่อนรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่อย่างรวดเร็วแม้ใจยังเศร้าหมองกับความผิดหวังและไม่นึกว่าเขาจะเข้าใจผิดได้ไกลถึงเพียงนี้ หล่อนรีบออกไปยังห้องข้างกันเพราะนึกห่วงเพื่อนขึ้นมาครามครัน
หวังว่าเพื่อนหล่อนคงไม่ได้โดนเพื่อนของภูชิตเข้าใจผิดอีกคนจนต้องถูกล่วงเกิน ถ้าเป็นเช่นนั้นมนพัทธ์คงไม่รอดเพราะว่าเจ้าตัวซื่อตรงไม่ได้เลี้ยวลดเอาตัวรอดเก่งได้เหมือนหล่อน
คนที่ดูแลอยู่หน้าประตูทั้งสองห้องแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหล่อนออกมา หล่อนไม่สนใจเขาและสั่งให้เปิดประตูห้องที่เพื่อนของตนอยู่
“ปกติแล้วถ้าคนข้างในไม่เปิดเราจะไม่เปิดครับ”
“นี่ไม่ปกติ ฉันจะขอเปิดค่ะ” เนตรตรียาเดินหมายจะชนเบียดเขาไปเปิดประตู แต่เขาก็หลบรวดเร็วราวกับหล่อนเป็นของร้อน หล่อนจึงไม่มีอุปสรรคขวางยามเมื่อไปถึงประตูแล้วเปิดเข้าไปได้อย่างง่ายดายเพราะคนข้างในไม่ได้ล็อก
ตอนแรกหล่อนก็กลัวว่าจะเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น กลัวสารพัดว่าเพื่อนจะโดนทำอะไรหรือไม่ แต่ภาพเพื่อนนอนบนโซฟาตัวใหญ่สุดของห้องโดยมีเสื้อสูทของธีภพห่มอยู่ความรู้สึกผิดและหวั่นกลัวของหล่อนถึงหมดลง
เลยจากโซฟาที่มนพัทธ์นอนอยู่ไม่ไกลนัก ธีภพนั่งจิบเหล้าชงเข้มๆ ในมือ ข้างตัวเขามีขวดเหล้าที่พร่องไปถึงครึ่งขวดพร้อมกับอุปกรณ์ชงที่ถูกใช้งานแล้ว เขาหันมามองหล่อนอย่างแปลกใจเหมือนผู้ชายหน้าห้องที่หล่อนออกมาเจอตอนแรกไม่มีผิด
เนตรตรียาไม่สนใจใครอื่นอีกต่อไป หล่อนปรี่เข้าไปคว้ากระเป๋าสายคล้องไหล่เล็กๆ ที่โต๊ะแล้วเขย่าเรียกเพื่อนให้ตื่น
“มน มน ตื่น”
มนพัทธ์งัวเงียลืมตามองเห็นว่าเป็นเพื่อนก็ผวาลุกขึ้นเพราะนึกได้ว่าตัวเองเผลอนอนหลับในที่แปลกถิ่น หลังจากทานข้าวอิ่มหล่อนก็ผล็อยหลับ รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่เนตรตรียามาเรียก
“ตรี เป็นอะไร ทำไมร้องไห้”
“เราจะกลับแล้ว มนรีบกลับไปกับเราเดี๋ยวนี้เลย ไม่ได้มีใครทำอะไรใช่ไหม”
“ไม่ได้เป็นอะไร งั้นก็กลับกัน ดึกมากแล้ว” มนพัทธ์ลุกขึ้นยืน เสื้อสูทที่วางบนตักหล่นลงพื้นแล้วหล่อนก็อึ้งเมื่อเห็นเต็มตา เสื้อของธีภพมาอยู่กับหล่อนได้อย่างไรกัน หรือว่าเขาเอามาห่มให้ตอนหล่อนเผลอหลับ
คนเย็นชาแบบเขาเนี่ยนะ
แม้ว่าจะสงสัย หากแต่ก็ไม่ได้ไต่ถามเพราะเพื่อนเร่งเร้า
“อะ เอ่อ ขอบคุณคุณธีร์มากนะคะ แล้วฉันก็ขอโทษที่เผลอหลับไป ฉันกับเพื่อนต้องไปก่อนแล้วนะคะ” หญิงสาวคืนเสื้อให้เขา ร่างบอบบางเกร็งเล็กน้อยเมื่อเผลอผสานสายตากับดวงตาคมคู่นั้น
“จะกลับกันแล้วเหรอ แล้วนายภูหายไปไหน” เสียงทุ้มซักถามกับเนตรตรียาหลังจากที่มือเขาคว้าเสื้อจากมนพัทธ์ไปเรียบร้อยแล้ว
“เขาอยู่ที่ห้องข้างๆ ฉันไม่อยากคุยกับเขาอีก ฉันจะกลับแล้วค่ะ” เสียงโกรธขึ้งที่ลามมาใส่อารมณ์แม้กับธีภพ ทำให้เขานิ่วหน้า
“จะกลับยังไง ได้เอารถมาหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราจะกลับแท็กซี่ ฉันไม่อยากเสียเวลา เพราะว่าไม่อยากเหยียบที่นี่ให้นานกว่านี้”
ระหว่างคิ้วของธีภพขมวดมุ่นเข้าหากัน ปรายตาหันไปมองห้องข้างๆ ไม่รู้ว่าข้ามกำแพงห้องนี้ไปเพื่อนเขาทำอะไรอยู่ถึงได้ปล่อยเด็กวิ่งน้ำตานองหน้ามาลากเพื่อนกลับ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังให้ไปไม่ได้ง่ายๆ
“เดี๋ยวให้คนไปส่งที่ที่พักเอง ดึกขนาดนี้แล้วออกจากสถานที่แบบนี้พวกเธอไปกันสองคนก็อันตรายแล้ว ขึ้นแท็กซี่ไปน่าจะอันตรายขึ้น”
“อยู่ที่นี่ก็อันตรายเหมือนกันนั่นแหละ” เนตรตรียาโพล่งขึ้นมา แต่ก็เม้มปากแน่นเหมือนกำลังข่มใจ “คุณจะให้ใครไปส่งคะ ฉันกับเพื่อนต้องการไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” เห็นแก่ที่เขาไม่ได้ล่วงเกินอะไรมนพัทธ์แม้อยู่สองต่อสอง เขาอาจจะไม่ได้ร้ายกาจเหมือนภูชิตก็ได้ หญิงสาวจึงพยายามพูดดีกับเขา
ธีภพมองหน้าสองสาวแล้วเดินนำไปเงียบๆ ประตูห้องวีไอพีเปิดออก คนที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างหน้าประตูก็โผล่พรวดมาราวกับท่องคาถาเรียก
“ทิน ไปส่งคุณผู้หญิงสองคนนี้ที่บ้าน ที่นี่ฉันจะจัดการเอง ส่งพวกเธอให้แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนค่อยกลับมาแล้วกัน”
ธีภพบอกคนของภูชิต และย้ำกำชับว่าเขาจะเข้าไปดูภูชิตเองเพราะเห็นสายตาเป็นห่วงของทินที่เพ่งมองเข้าไปอีกห้องที่ภูชิตเปิดเอาไว้สำหรับคืนนี้
เมื่อทินพาหนึ่งสาวที่เพิ่งตื่นยังหัวฟูและมึนงง อีกสาวที่น้ำตาไหลพรากๆ เหมือนทำนบพังกลับบ้าน ธีภพก็เดินเข้าไปยังห้องวีไอพีที่คาดว่าภูชิตจะอยู่ข้างใน
สภาพห้องไม่มีอะไรเสียหาย มีเพียงหมอนบนโซฟาที่กระจัดกระจายเหมือนโซฟากว้างโดนใช้งานแล้ว ดวงตาเข้มคมกวาดมองไปที่ประตูห้องน้ำ ตั้งใจจะเดินไปเคาะ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมันเปิดออกเสียก่อน
เสียงสบถลั่นดังพร้อมๆ กันจากปากของธีภพและภูชิตเมื่อภูชิตเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหมิ่นเหม่โผล่พรวดออกมา
“มาทำอะไรที่นี่ แล้วน้องตรีไปไหนวะ” คนที่รีบเร่งอาบน้ำจนตัวหอมกรุ่นเอ่ยถามก่อน
“แกไปสวมชุดก่อนแล้วก็ไปคุยกันที่ห้องข้างๆ” ธีภพบอกก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
“อะไรวะเนี่ย” ครางอย่างหัวเสียสุดๆ อารมณ์หวามเร่าร้อนที่จินตนาการไว้ตอนอาบน้ำพังครืนลง เรือนร่างหอมหวนนวลเนียนเย้าใจที่เขาหลงจนแทบโงหัวไม่ขึ้นหายวับไปกับตาเหลือเพียงเพื่อนหน้าเย็นชายืนอยู่ อารมณ์คึกคักของเขาถึงกับเป็นหมันทันใด