22:00 น แซตเทิลไลต์ผับ
จังหวะการก้าวเดินของเพื่อนสนิทสองคนที่เดินควงแขนกันมานั้นดึงดูดสายตาของผู้คนในผับหรูได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่หนุ่มๆ ที่ชื่นชมในความงามและอยากเข้าไปทำความรู้จักกับเจ้าหล่อน สาวๆ เองก็อดทอดสายตามองอย่างริษยาไม่ได้ที่สองคนนี้สวยสดงดงาม นอกจากหน้าตาดูดีแล้วรูปร่างยังดีแม้ไม่ได้แต่งกายโชว์เนื้อหนังมังสาเหมือนสาวๆ ในผับแต่ก็ยังดูดีจนละสายตาไม่ได้
แต่การที่หล่อนมีคนของผับล้อมหน้าล้อมหลังและเดินนำทางเข้าไปยังโซนวีไอพีด้านในทำให้นักเที่ยวที่เป็นขาประจำรู้ว่าไม่ควรไปแหยมกับสาวๆ สองคนนี้เพราะว่าพวกหล่อนกำลังจะไปหาใครสักคนที่ใหญ่โตในผับนี้ที่โซนวีไอพี ถึงได้รับการคุ้มกันจากหน้าผับ ให้เดินเข้าไปถึงส่วนในโดยริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมขนาดนั้น
“เราแต่งตัวโป๊ไปหรือเปล่าตรี ทำไมคนมองเยอะขนาดนั้น”
“โป๊ที่ไหน ดูสาวๆ ในผับสิ โป๊กว่าเราเยอะเลย เค้ามองเพราะว่ามนสวยต่างหากล่ะ นานๆ แต่งตัวแต่งหน้าทีสวยจนตรียังแอบเอนเอียง”
“เวอร์ อย่าให้รู้นะว่าเจอผู้ชายแล้วจะปล่อยให้เราหง่าวเป็นส่วนเกินอยู่คนเดียว”
“ไม่หรอกน่า เราบอกพี่เขาด้วยว่าชวนเพื่อนผู้หญิงมาอีกคนหนึ่ง พี่เขาเลยบอกว่าเดี๋ยวชวนเพื่อนมาเพิ่มคนหนึ่งจะได้สนุก”
เนตรตรียาบอก มนพัทธ์เห็นเพื่อนรื่นเริง แลดูมีความสุขก็ไม่อยากขัดใจอะไร ท่าทางคนที่เนตรตรียานัดจะใส่ใจหล่อนทีเดียวที่เมื่อมาแจ้งว่ามาหาใครที่การ์ดซึ่งอยู่หน้าร้านพวกเขาก็นำพาไปยังโซนวีไอพีที่เป็นส่วนตัวและเอ็กซ์คลูซีฟกว่าโซนปรกติ
พนักงานเข้าไปรายงานคนในห้องแล้วออกมาเปิดประตูเพื่อผายมือเชิญสองสาวเข้าไป
แสงไฟในห้องนั้นสว่างจ้าแตกต่างจากผับกลางคืนที่มักทำไฟให้สลัวๆ พูดได้คำเดียวว่าหากโบ๊ะหน้ามาหนาอาจจะดูเหมือนผีได้ถ้าอยู่ท่ามกลางแสงนีออนเช่นนี้
เนตรตรียาเดินนำเข้าไปก่อนแล้วหยุดนิ่งกวาดตาหาคนในห้องแสนกว้าง มนพัทธ์ที่เดินตามเข้าไปแล้วก็กวาดมองรอบห้องตาม ก่อนจะชะงักเช่นกันเมื่อเห็นคนที่นั่งเป็นรูปปั้นอยู่ที่โซฟาสีน้ำเงินตัวใหญ่อยู่มุมห้อง
สายตาเย็นๆ กวาดมามองหล่อนกับเพื่อน มนพัทธ์ไม่รู้ว่าอุปาทานไปหรือเปล่าที่รู้สึกว่าเขามองหล่อนกับเนตรตรียาหัวจรดเท้า ความลึกลับในแววตานั้นคาดเดายากเหลือเกินว่าเขาคิดอะไร หล่อนมองออกแค่ความเยียบเย็นเฉยเมยที่เขามอบให้เท่านั้น
ริมฝีปากบางเฉียบของเขาเหยียดยิ้มเล็กน้อยเมื่อหันมามองหน้ามนพัทธ์ หญิงสาวขยับริมฝีปากอุทานออกมา
“คุณ”
เขา คือคนที่หล่อนตั้งใจจะค*****นที่เขายัดเยียดใส่มือให้
“มนกับเขารู้จักกันด้วยเหรอ” เนตรตรียาหันมากระซิบถาม
มนพัทธ์ไม่ปริปากอะไร กับเขา ถึงไม่รู้จักหล่อนก็จำได้ไม่ลืม เมื่อใบหน้าชาเฉยและดวงตาเยียบเย็นเหมือนโลกนี้แสนน่าเบื่อได้พิมพ์ประทับในดวงใจของหล่อนไปแล้วเรียบร้อย
“เขาคือคนที่ทำให้เราเปียกวันนี้และยัดเงินใส่มือเราไงล่ะ คนนี้หรือเปล่าพี่สุดหล่อของเธอ” มนพัทธ์กระซิบบอกเพื่อนกลับ
“เปล่า เขาน่าจะเป็นเพื่อนพี่ภู” เนตรตรียากระซิบตอบกลับเสียงเบา
สองคนค่อยๆ ยกมือไหว้คนที่อยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งยิ้มเจื่อนๆ ให้เพราะอึดอัดกับท่าทางเย็นชาของเขา
“มานั่งก่อนสิ นายภูเข้าห้องน้ำอยู่”
เขาผายมือเชิญสองสาวจึงค่อยเดินตัวลีบมานั่งโซฟาไม่ไกลจากเขา จังหวะที่ทั้งคู่กำลังนั่งห้องน้ำในห้องวีไอพีที่ประตูถูกซ่อนอยู่อย่างแนบเนียนก็เปิดออก คนที่เพิ่งเข้ามาตกใจที่รู้ว่ามีห้องน้ำอยู่เพราะประตูที่ว่านั้นเป็นรูปภาพขนาดใหญ่ที่เปิดเข้าออกได้เหมือนห้องลับ
ห้องนี้ช่างพิลึกดีแท้มนพัทธ์คิดในใจขณะที่กวาดสายตามองคนที่เดินออกมา ขวัญใจของเนตรตรียาหล่อเหลาอย่างที่เพื่อนการันตีไว้ไม่มีผิด เขาดูแตกต่างจากธีภพอย่างสิ้นเชิง ดวงหน้าหล่อตี๋ที่โดดเด่นด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงตาหวานเชื่อมไม่ได้ดูแพรวพราวจนน่าเกลียด แต่ทำให้วงหน้าเขาน่ามองเพลินตา ไม่แปลกใจที่เนตรตรียาตกหลุมรักเขาได้อย่างง่ายดาย
“มากันแล้วเหรอครับ น้องตรี” เขาเอ่ยทักทาย เนตรตรียาจึงแนะนำให้เขากับมนพัทธ์รู้จักกันหลังจากที่ทั้งคู่ไหว้ทักทายภูชิตแล้ว
“นี่รู้จักเพื่อนพี่หรือยัง เพื่อนพี่ชื่อธีภพครับ” คงเพราะรู้นิสัยกันดีภูชิตถึงแนะนำชื่อเพื่อนให้สองสาวฟังอีกครั้ง ทั้งคู่จึงไหว้เขาอีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงพยักหน้ารับไม่ปริปากพูดอะไร
ใบหน้าเหมือนกำลังต่อต้านการหมุนของโลก ดูเหมือนเขาจะไม่มีความสุขที่โลกหมุนอยู่ตลอดเวลา เขาจึงดูไม่สบอารมณ์ ธีภพนั่งจิบเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เจือปนเงียบๆ และฟังภูชิตไต่ถามเนตรตรียาและมนพัทธ์คุยกันเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางมา เพราะว่าแซตเทิลไลต์ผับค่อนข้างไกลจากคอนโดมิเนียมของเนตรตรียา ภูชิตรับคำว่าขากลับเขาจะไปส่งสองสาวด้วยตนเอง
“น้องตรี ไปแดนซ์กับพี่ข้างนอกดีไหมครับ” คุยไปคุยมาจู่ๆ ภูชิตก็ชวนเนตรตรียาเดินออกจากห้องไปสองคน
มนพัทธ์อ้าปากเหวอ ทำท่าเหมือนจะห้าม แต่เนตรตรียาหันมาส่งสายตาขอร้องและพยักหน้าให้หล่อนเงียบคำ ก่อนจะหันไปตกลงกับชายหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ในสายตาหล่อน
“ไอ้ธีร์ ฝากดูแลน้องมนด้วยนะ เอ๊ะ หรือว่าต้องกลับกัน น้องมนครับพี่ฝากดูแลเพื่อนพี่ก่อนแป๊บหนึ่งนะครับ”
สองคนเดินระรื่นออกไป พูดคุยหัวเราะคิกคักโดยไม่สนใบหน้ากระอักกระอ่วนของหนึ่งสาว และใบหน้าที่ตึงเครียดขึ้นของเจ้าชายน้ำแข็งในห้องเลย มนพัทธ์อยากหยิกเพื่อนให้เนื้อเขียวที่ทิ้งหล่อนไปกับผู้ชายหน้าตาเฉยแต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ท่าทางสนอกสนใจที่ภูชิตมีต่อเนตรตรียาทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากหล่อนหวงเพื่อนเหมือนแม่งูหวงไข่โอกาสสานต่อความผูกพันสองคนนั้นอาจลำบาก วันนี้หล่อนจะยอมเสียสละเพื่อเพื่อนก็แล้วกันอย่างน้อยหล่อนจะใช้โอกาสช่วงที่มีแต่หล่อนกับเขาสองคนค*****นเขาแล้วกัน
“เอ่อ คุณธีภพคะ” ธีภพปรามให้เธอหยุดพูด หญิงสาวจึงชะงัก ก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อประตูห้องวีไอพีถูกเปิดออกพร้อมกับพนักงานสี่คนถือถาดอาหารลำเลียงเข้ามาเสิร์ฟ
เขาช่างหูดีจริงๆ ที่ได้ยินบริกรเคาะประตูห้อง เพราะหล่อนไม่ได้สังเกตเลยแม้ว่าห้องนี้จะเก็บเสียงและค่อนข้างเงียบแต่เสียงกระหึ่มด้านนอกก็เข้ามารบกวนเช่นกัน จนพนักงานเสิร์ฟโค้งและได้ทิปเป็นธนบัตรสีเทาจากเขาแล้วเดินออกไป เขาถึงหันมามองหล่อน
คนที่กำลังมองเขาว่าใช้เงินอย่างกับเบี้ยสะดุ้งเมื่อเขาหันกลับมาจ้องตาแบบกะทันหัน
“มีอะไรจะถามไหม”
“คุณจำฉันได้ใช่ไหมคะ ที่เราเจอกันเมื่อเย็น คุณยัดเงินใส่มือฉันแล้วก็ไป คือเอ่อ ฉันไม่ได้เสียหายอะไรเสื้อผ้าก็ไม่ได้เปื้อนอะไรเลย ฉันอยากค*****นคุณค่ะ แต่ว่าฉันไม่ได้พกเงินมาที่นี่มากขนาดนั้น ฉันขอเลขบัญชีคุณได้ไหมคะ”
เขาดูงุนงงกับสิ่งที่หล่อนพูด มนพัทธ์กำลังคิดว่าหล่อนต้องพูดอีกรอบหรือไม่ว่าหล่อนต้องการค*****นเขา ไม่ได้กำลังบอกว่าหล่อนเป็นเซเลอร์มูนเขาถึงได้สงสัยขนาดนั้น
“เก็บไว้เถอะ ฉันให้อะไรใครไปแล้ว จะไม่เอาคืน” บอกด้วยน้ำเสียงถือตัวสุดๆ จนมนพัทธ์รู้สึกได้
“แต่ฉันไม่ได้อยากเก็บไว้เลยนะคะ”
“ถ้าไม่อยากเก็บไว้ก็เอาไปทำบุญสิ”
“ค่ะ” ตอบไป แต่ก็มองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจอยู่ดี ธีภพไม่ได้มองหน้าหญิงสาวอีกแต่เขาสนใจนาฬิกาในมือแทนดูเวลาแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาทอดมองผนังตรงหน้าเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือของเขาอีกข้างหนึ่งยกขึ้นมาแตะริมฝีปาก
มนพัทธ์มองนิ้วโป้งของเขาไล้ริมฝีปากเขาเพลินตาจนแทบไม่รู้สึกตัว เขาคงกำลังคิดและตรึกตรองบางอย่างและคงเป็นปฏิกิริยายามเมื่อเขาเผลอตัว
ให้ตายเถอะ หญิงสาวอุทานกับตัวเอง เขามีเสน่ห์แม้กระทั่งยามครุ่นคิด มองเขาแล้วก็หันมามองตัวเองและมีสติพอที่จะหยิกตัวเองเมื่อนึกได้ว่าไปมองเขามากไปแล้ว พอเงยหน้ามามองเขาอีกรอบก็เย็นสันหลังนิดๆ ที่เห็นเขามองอยู่
“เธอกับเพื่อนของเธออายุเท่าไหร่”
“ยะ ยี่สิบห้าค่ะ” แม้ดวงหน้าของหล่อนจะสงสัยที่เขาถาม แต่หล่อนก็ตอบโดยอัตโนมัติเพราะมีความรู้สึกว่าเขามีพลังงานบางอย่างที่ข่มหล่อนทำตามคำบัญชาของเขาโดยไม่มีข้อแม้
“งั้นก็แล้วไป”
คำตอบของหล่อนทำให้ท่าทางครุ่นคิดของเขาหมดลง เขามองหล่อนมากขึ้น อึดอัดมากเพราะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร เกลียดกับการคาดเดาแบบนี้มากเหลือเกิน
“เธอทานข้าวมาหรือยัง” จู่ๆ เขาก็ถามอีก
“เอ่อ ยังค่ะ”
“งั้นก็ไม่ต้องรอสองคนนั้น ฉันหิว” ธีภพสรุป เขาหันไปจัดการตักข้าวยื่นมาให้หล่อนหนึ่งจาน หญิงสาวแทบไหว้ตอนรับจานเพราะไม่นึกว่าเขาจะใจดีขนาดนั้น เขาตักอาหารให้หล่อนก่อนจะจัดการกับจานตัวเอง ดูท่าทางแล้วเขาอาจจะหิวจริงๆ หล่อนจึงไม่กล้าทักว่าเขาไม่รอเพื่อนเขากับเพื่อนหล่อนหน่อยหรือไร ความคิดของหล่อนขัดแย้งกับความหิว และอาหารหน้าตาน่าทานทำให้หล่อนเลือกที่จะจัดการกับความหิวของตัวเองเช่นเดียวกันกับเขา มนพัทธ์ไม่อึดอัดสักนิดยามเมื่อทานข้าวกับเขา เพราะว่าหล่อนหิวจนลืมคิดสะระตะอะไรแล้ว
ท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่ม ภูชิตยืนโยกย้ายร่างกายตามจังหวะดนตรีสุดเร้าใจ คนที่ยืนไม่ห่างเขาก็เคลื่อนไหวร่างกายเหมือนกับฝูงชนทั่วไป แต่ดวงตากลมโตที่ทอดมองเขาไม่ห่างและยิ้มให้เขาตลอด ไม่รู้เพราะว่าหล่อนเสน่หาเขาหรือว่าเพราะฤทธิ์มาการิต้าสองแก้วที่หล่อนเพิ่งดื่มลงไปกันแน่ที่ทำให้ดวงตาหล่อนมองเขาหวานเยิ้มขนาดนั้น
อดหมั่นไส้ไม่ได้ มือหนาจึงยกไปลูบแก้มของหล่อน และเป็นสัมผัสแรกที่เขาแตะต้องหล่อน เขาเคยไม่สนใจหล่อนตอนที่พบกันครั้งแรก แต่ความช่างบริหารเสน่ห์ทำให้เขาไปขอหมายเลขโทรศัพท์ของหญิงสาวท่ามกลางกลุ่มเพื่อนของหล่อน เขาเกือบลืมหล่อนไปแล้วถ้าหากหล่อนไม่ติดต่อมาอีกเรื่อยๆ เหมือนเรียกร้องความสนใจจากเขา หลังจากที่ปัดๆ และมองข้ามหล่อนมาตลอดเพราะคิดว่าหล่อนอายุน้อย วันหนึ่งเขาถามหล่อนเรื่องอายุเขาจึงได้รู้ว่าหล่อนอยู่ในวัยเบญจเพส หลังจากนั้นเขาก็คุยกับหล่อนมากขึ้นและนัดหล่อนมาเจอกัน
ภูชิตยิ้มให้หล่อนทั้งตาทั้งปาก เมื่อมือของเนตรตรียายกมาทาบทับมือข้างที่แนบแก้มของหล่อนเอาไว้ ดวงตาสุกสกาวของหล่อนโดดเด่นกว่าดวงไฟทุกดวงในผับนี้ ชายหนุ่มมองหล่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา หล่อนเหมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์ เหมือนแหล่งน้ำสำคัญให้คนที่อดอยากมาพักใหญ่อย่างเขาได้ดับความหิวกระหาย
“กลับไปห้องวีไอพีกันเถอะครับ” ก้มลงมาพูดใกล้ๆ หูของหญิงสาว
หัวใจที่เต้นหนักหน่วงของเนตรตรียาเต้นหนักกว่าเก่าเมื่อริมฝีปากของเขาเฉียดแก้มหล่อน ขนทั่วตัวลุกชันทั้งที่อากาศก็ไม่ได้หนาวจัด แต่เป็นเพราะแววตาที่ทอดมองหล่อนคนเดียวและสัมผัสอ่อนโยนจากคนที่หล่อนตกหลุมรักทำให้เหมือนตกอยู่ในความฝัน หากเท้าไม่ติดพื้นก็คงคิดว่ากำลังล่องลอยอยู่ในปุยเมฆขาวอยู่แน่ๆ