บทที่ 4

1171 Words
ณ กรุงโรม เมืองหลวงของประเทศอิตาลี ดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ดินแดนแห่งวัฒนธรรม ซึ่งมีอดีตอันยิ่งใหญ่ และเกรียงไกรในยุคจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ เมื่อราว 2,000 ปีที่ผ่านมา ดินแดนที่ตั้งของนครรัฐวาติกันเคยรุ่งเรืองเช่นใด ในยุคปัจจุบันเมืองหลวงของสาธารณรัฐอิตาลี ก็ยังคงเรืองอำนาจไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้คนจากทั่วสารทิศ ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวในดินแดนที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังและมนต์เสน่ห์ของแผ่นดินแห่งนี้โดยไม่ขาดสาย ส่งผลให้ธุรกิจเกือบทุกประเภทในแผ่นดินแห่งนี้ต่างก็เจริญรุ่งเรือง ทำเงินทำกำไรได้อย่างมหาศาล ซึ่งนั่นก็รวมถึงธุรกิจโรงแรมที่พักระดับหกดาวของตระกูลเดริโก้ร์ด้วย ตระกูลเดริโก้ร์เป็นตระกูลเศรษฐีเก่า ซึ่งร่ำรวยมาตั้งแต่สมัยของคุณทวด ซึ่งเป็นผู้ก่อร่างสร้างตัว สร้างอำนาจบารมีไว้ให้กับลูกหลาน จนกระทั่งตกมาถึงรุ่นลูก ที่ยังคงรักษาเพิ่มพูนความร่ำรวยความมั่งคั่ง ขยายธุรกิจในเครือของ เดริโก้ร์กรุ๊ปไปได้ทั่วโลก ราล์ฟ เดริโก้ร์ บุณยกร เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล นอกจากความเก่งกาจในเรื่องการบริหารงาน จนสามารถขยายสาขาธุรกิจของตระกูลได้ทั่วโลกแล้ว เจ้าพ่อแห่งเดริโก้ร์กรุ๊ปอย่างราล์ฟ ยังหล่อเหลาคมเข้ม มีเรือนกายกำยำล่ำสัน เป็นที่น่ากอดน่าหลงใหลของสาวๆ ทั่วทั้งประเทศ ซ้ำร้ายยังมีดวงตาสีทองเพลิงสุดเซ็กซี่ชวนให้สาวๆ เคลิบเคลิ้มตัวอ่อนระทวยทุกครั้งที่ได้สบตากับดวงตาคู่นี้ ราล์ฟ ทำงานโดยไม่มีคำว่าหยุดพัก ไม่ว่าจะเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ หรือแม้แต่วันหยุดนักขัตฤกษ์ เจ้าพ่อแห่งเดริโก้ร์กรุ๊ปก็ไม่คิดที่จะหยุดพัก ให้กายและหัวสมองอันชาญฉลาดได้หยุดพักเหมือนคนอื่นๆ เฉกเช่นในวันนี้เช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่เป็นวันอาทิตย์ วันหยุดอันแสนสบายของผู้คนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งมักจะขดตัวอยู่บนที่นอนกับผ้าห่มอุ่นๆ แต่ราล์ฟกลับตื่นแต่เช้าตรู่ ออกมานั่งทำงานในห้องสมุดขนาดใหญ่ภายในคฤหาสน์เดริโก้ร์ ตรงหน้าก็มีแก้วกาแฟที่ดื่มพร่องไปนิดเดียว กับโน้ตบุ๊คและแฟ้มเอกสารต่างๆ อีกกองใหญ่ที่ชายหนุ่มได้หอบกลับมาทำที่คฤหาสน์ แต่ทว่าความขยันหมั่นเพียรเกินมนุษย์ของราล์ฟ หาได้ทำให้ผู้เป็นมารดาหลงใหลได้ปลื้มด้วยไม่! ทันทีที่เข้ามาในห้องสมุดขนาดใหญ่ พร้อมกับมองเห็นบุตรชายของตนนั่งนิ่วหน้าอย่างเคร่งเครียดอยู่หลังโต๊ะทำงาน มาดามแคทลีนก็ตีสีหน้าราวกับเหนื่อยแทนบุตรชาย ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ ไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนานุ่มหน้าโต๊ะทำงาน ราล์ฟละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ค ก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ เมื่อรู้สึกว่ามีคนมานั่งเงียบอยู่ตรงหน้าตนเอง พอได้เห็นใบหน้างามสง่าของมารดาที่รัก ก็รีบแย้มยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยทักทายทันที “อรุณสวัสดิ์ครับมาดาม” “แหม! มาดามเพิ่งได้ยินคำทักทายคำนี้ในรอบสัปดาห์นะเนี่ย” มาดามแคทลีนต่อว่าบุตรชายด้วยน้ำเสียงติดขุ่นเคืองเล็กน้อย เพราะในรอบสัปดาห์ นางเพิ่งมีโอกาสได้พบหน้าลูกชายในตอนเช้าๆ เช่นนี้ ราล์ฟหัวเราะเบาๆ กับคำสัพยอกของมารดา ที่เขามักจะเรียกว่า มาดาม เสมอ ซึ่งเป็นคำเรียกที่เขาเรียกติดปากมาตั้งแต่เด็กแล้ว “โธ่...มาดามครับ ก็ผมต้องออกไปที่โรงแรมตั้งแต่เช้านี่ครับ ผมก็เลยไม่มีเวลาอยู่ทักทายมาดามในตอนเช้าๆ แต่ถึงยังไงผมก็รักมาดามนะครับ” ขณะร้องประท้วงแถมอ้างเหตุผลซึ่งล้วนแต่เป็นความจริง มาคัดค้านคำพูดของมารดา ราล์ฟก็ไม่ลืมลุกจากที่นั่งมาหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ พร้อมกับโอบกอดร่างเล็กของท่านไว้ด้วยความเคารพรัก มาดามแคทลีนแย้มยิ้มออกมาได้ เมื่อได้รับการแสดงความรักจากบุตรชายผู้หล่อเหลา นางยกมือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามอายุ ซึ่งล่วงเข้าสู่วัย 50 ปีตอนต้นแล้ว ไปโอบกอดรอบร่างกำยำล่ำสันของบุตรชาย จากนั้นก็เริ่มกระบวนการต่อว่าต่อขานเจ้าพ่อแห่งเดริโก้ร์กรุ๊ปต่อ “ก็เพราะราล์ฟออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ และก็กลับเข้าบ้านมืดๆ ค่ำๆ นี่แหละ ที่ทำให้แม่ไม่ได้เจอใบหน้าหล่อๆ ของราล์ฟสักที ถ้าหากวันนี้แม่ยังไม่ได้พบหน้าราล์ฟอีก แม่คงลืมไปแล้วแน่ๆ ว่าลูกชายของแม่มีหน้าตาอย่างไร” ราล์ฟหัวเราะร่วนกับคำต่อว่าของมารดา เขาโอบกอดร่างเล็กของมารดาให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะประคองท่านให้ลุกไปนั่งบนโซฟาหนังแท้ยี่ห้อดัง พร้อมกันนั้นก็เอ่ยขอโทษขอโพยมารดาเป็นการใหญ่ “ผมขอโทษครับมาดาม ช่วงนี้เป็นเทศกาลฮันนีมูน โรงแรมของเราทั้งที่นี่และก็ที่เวนิสถูกจองเต็มทุกห้อง แถมยังมีคิวจองล่วงหน้าถึงสองเดือนเต็ม ผมเลยต้องเที่ยววิ่งรอกระหว่างโรมกับเวนิส สั่งกำชับให้พนักงานทุกคนดูแลลูกค้าของโรงแรมให้ดีที่สุด” บ มาดามแคทลีนคลี่ยิ้มหวาน ขณะยกมือลูบใบหน้าอันหล่อเหลาคมเข้ม ดวงตาสีดำมองลูกชายคนเดียวด้วยความภาคภูมิใจ ที่ลูกคนนี้เป็นอภิชาตบุตร สร้างชื่อเสียง ความมั่งคั่ง ขยายธุรกิจของวงศ์ตระกูลให้แผ่ใหญ่ไพศาลนับตั้งแต่ได้ก้าวขึ้นมากุมบังเ**ยนธุรกิจในเครือเดริโก้ร์กรุ๊ป “ราล์ฟ แม่รู้ว่าทุกนาทีของลูกมีแต่คำว่างาน และทุกลมหายใจของลูกมีแต่คำว่าครอบครัว แม่อยากบอกว่าแม่ภูมิใจในตัวลูกมาก แม่เชื่อว่าคุณพ่อและคุณปู่คุณย่า ซึ่งกำลังมองดูลูกจากทรวงสวรรค์ก็ต้องภูมิใจในตัวลูกเช่นเดียวกัน แต่แม่ขอร้องลูกเรื่องหนึ่ง แม่อยากให้ราล์ฟได้พักผ่อน หาความสุขใส่ตัวบ้าง อย่ามุมานะกับงานจนมากเกินไปนะลูก” ราล์ฟยิ้มกว้างรับคำชมแกมเอ่ยเตือนของมารดา ก่อนจะบอกถึงเหตุผลที่ตนเองต้องทำงานหนักเช่นดังทุกวันนี้ “ทุกวันนี้ราล์ฟก็มีความสุขแล้วนะครับมาดาม ได้เห็นลูกน้องที่อยู่ภายใต้การปกครองของเราอยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้า ได้เห็นมาดามยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ได้เห็นธุรกิจของครอบครัวขยายขจรไปไกลทั่วโลก ให้สมกับความต้องการของคุณปู่และคุณพ่อที่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพียงแค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ ผมไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาความสุขจากที่ไหนเลย เพราะคงไม่มีใครทำให้ผมมีความสุขได้เท่ากับคนในครอบครัวของผม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD