ฮูหยินกู้ ถามข่าวท่านทุกวัน

1989 Words
คนเฝ้าหีบสมบัติซูซูมองเด็กสาวประครองหีบขึ้นมา เมื่อเปิดดูข้างในก็เจอตั๋วเงินหลายแผ่นพร้อมเครื่องประดับจำนวนหนึ่ง เด็กสาวดวงตาโตเจิดจ้าใต้แสงดาว ได้ยินเสียงนางพึมพำ “เงินของข้า เงินของข้า” นางประคองหีบออกมาอย่างประคบประหงม ลุกขึ้นปัดฝุ่นเล็กน้อยแล้วหันมากล่าว “ซูซู ขอบคุณท่านมากนะที่เฝ้าให้ข้า ข้าไปล่ะ” ในขณะที่กำลังจะทะยานออกไป ซูซูก็เอ่ย “คุณหนูช้าก่อน” จากนั้นก็ไปขวางหน้าเด็กสาว เห็นสีหน้าที่ดูแตกตื่นแววตาสังหารประกายวาบขึ้น นางก็รีบอธิบาย “ป่ะ...เปล่า ข้ามิได้ห้ามที่ท่านจะนำหีบไป เพียงแต่ฮูหยินสั่งเอาไว้ หากท่านมาก็ให้เชิญท่านไปพบ” เด็กสาวพยักหน้าเข้าใจยิ้มตอบ “ฝากบอกนางว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เอาไว้ทุกอย่างลงตัวแล้วข้าจะไป” หวังเว่ยซินกำลังจะก้าวเท้าออกไปก็ถูกซูซูขวางอีกรอบ “คุณหนูจะบอกข้าได้หรือไม่...ว่าท่านพักอยู่ที่ใด เผื่อหากว่าฮูหยินถามข้าจะได้มีข้อมูล...เอ่อ..ฮูหยินถามข่าวท่านทุกวันเลยนะเจ้าคะ สีหน้านางดูเป็นกังวลและห่วงใยท่านมาก” แววตาของหวังเว่ยซินมีประกายอบอุ่นขึ้นมา นางคลี่ยิ้มตอบ “ข้าถูกนำมาขายที่หอซิงเซียง ตอนนี้ให้ข้าไปไถ่ตนเองก่อนแล้วจะไปหา” หอคณิกา ซูซูพลันเกรงว่า หากถามต่อไปอาจจะเป็นการเสียมารยาท จึงยกมือประสานหลีกทาง แม้จะดูเหมือนปล่อยให้หวังเว่ยซินจากไป แต่นางก็เร้นกายตามเด็กสาวไป พริบตาหวังเว่ยซินก็หายไปจากสายตา ซูซู จึงได้ใช้วิธีลอบไปยังหอซิงเซียง แต่นางก็หาหวังเว่ยซินไม่พบจึงตัดใจกลับจวน ครั้งมาถึงจวนก็ดึกมากแล้วจึงยังไม่ได้รายงานกู้ฮูหยิน จวบจนรุ่งเช้าหลังจากที่เสิ่นเยี่ยหงเข้าวังไปแล้ว ถึงได้เข้าไปรายงาน เพล้ง!! เสียงจอกชาที่อยู่ในมือกู้เฉียวจิงร่วงหล่นแตกละเอียด สร้างความตื่นระคนแปลกใจให้แก่บ่าวไพร่ กู้เฉียวจิงหาได้ใส่ใจสิ่งนั้น นางลุกพรวดขึ้น เดินมาหาเขย่าแขนซูซู ถามเสียงสั่น “นางมา..นางมาแล้วหรือ..แล้วตอนนี้..ตอนนี้อยู่ที่ใดเล่า” แววตาและน้ำเสียงดูตื่นเต้นเป็นที่สุด ซูซูรู้สึกตกใจกับการเสียกริยาของกู้เฉียวจิง ตั้งแต่รู้จักมานี้เป็นครั้งแรกที่เห็นนางไร้สติเช่นนี้ “คุณหนูบอกว่า หลังเสร็จธุระแล้วจะมาหาฮูหยินเจ้าค่ะ” “แล้วธุระอันใด...เหตุใดไม่มาหาข้าก่อน ให้ข้าจัดการให้” แรงบีบแขนแน่นขึ้น ซูซูรีบตอบ “คุณหนูแจ้งไว้ ถูกนำมาขายที่หอซิงเซียง จะไปไถ่ตนเองก่อนเจ้าค่ะ” กู้เฉียงจิงตะลึงงัน คุณหนู? ไถ่ตัว? “นางเป็นสตรีวัยแรกแย้มหรือแล้วนางชื่ออะไร” คำถามนี้ ทำให้ซูซูตกตะลึงแฝงความประหลาดใจที่สุด คนที่ท่านเฝ้าเพียรถามถึง คนที่ท่านห่วงหา คนที่ท่านอยากเจอ....เป็นใครก็ไม่ทราบอย่างนั้นหรือ ซูซูคาดเดาว่า ฮูหยินเองก็ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ชื่อเสียงเรียงนาม รูปร่าง หน้าตา อายุ เฮ้อ นับว่าเป็นการรอคอยที่มีความอดทนยิ่งนัก ซูซูจึงเอ่ยถามตอบอย่างระมัดระวัง “ขออภัยฮูหยิน ข้ามิได้ถามนาม” กู้เฉียวจิงส่ายหน้าพลางควบคุมสติไม่ให้หลุด “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อี้หลิงไปตามพ่อบ้านมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ด่วนเลยนะ” น้ำเสียงที่เอ่ยร้อนรนคล้ายเกิดเรื่องใหญ่ พ่อบ้านเฉิงก็เร่งมาจนเหนื่อยหอบ “ฮูหยินมีอะไรให้บ่าวรับใช้ขอรับ” “พ่อบ้าน ท่านรีบไปที่หอซิงเซียงไปไถ่ตัวคนผู้หนึ่งให้ข้า” “อ่ะ...ได้ ๆ ขอรับ ให้ข้าไปไถ่ผู้ใดขอรับ” กู้เฉียวจิงเบนหน้าไปหาซูซูแล้วสั่ง “ซูซูจะไปกับท่าน ...จำไว้ไม่ว่าเถ้าแก่จะเรียกเงินเท่าไรท่านห้ามขัดเด็ดขาด ต้องพาคนมาให้ข้าให้ได้...แล้วรถม้าที่ไปรับเลือกคันประจำตำแหน่งข้าเลยนะ” พ่อบ้านเฉิงเงยหน้าขึ้นกำลังจะกล่าวแย้ง ปะทะสายตามุ่งจริงจังแฝงความเด็ดขาด ชายชราอยู่มานานย่อมรู้ว่าต้องกล่าว “ขอรับ ขอรับ บ่าวทราบแล้ว” จากนั้นก็หันกายรีบออกไปได้ยินเสียงฮูหยิน “พ่อบ้านเร่งฝีเท้าหน่อยได้หรือไม่ รีบ ๆ ก่อนที่นางจะหนีไป” กู้เฉียวจิงเอ่ยเร่งหลังจากเห็นท่าทางเงอะงะของอีกฝ่าย “ขอรับ ขอรับ” พ่อบ้านขานรับโดยที่ไม่หันหน้ามา สภาพพ่อบ้านเฉิงที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเรียกดึงดูดสายตาบ่าวไพร่ไปตลอดทาง “เหตุใดพ่อบ้านดูเร่งรีบขนาดนั้น” เด็กรับใช้คนหนึ่งตอบ “ได้ยินว่าฮูหยินกู้เรียกเข้าไปพบด่วน คงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ แน่นอน” พวกเขาต่างพยักหน้าเข้าใจ ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอันใดเลย หอซิงเซียง เถ้าแก่หลีวางจอกชาลงพลางพูดขึ้น “พันตำลึง” น้ำเสียงสบาย ๆ ห้วน ๆ บอกหวังเว่ยซินด้วยแววตาไม่สนใจ “เหตุใดราคาพุ่งแรงเช่นนี้ เมื่อวานท่านซื้อข้ามาราคาร้อยตำลึงเองนะ” หวังเว่ยซินเอ่ยประท้วง “ข้าทำการค้า ก็ต้องเอากำไร...ราคานี้เป็นราคาปกติที่ข้าตั้งเอาไว้...ไม่เช่นนั้นพวกนักรักเยาว์วัยเช่นเจ้าก็พากันไถ่ตัวกันไปหมดแล้วสิ...เอ้ะนั่นหีบอะไร คงไม่ใช่หีบเงินเก็บของคนรักเจ้าหรอกนะ” เถ้าแก่สาวเบ้ปากดูแคลนอย่างไม่แยแสหีบนั้น นางหยิบขนมของว่างขึ้นมาทานพลางส่งสายตาไล่หวังเว่ยซินออกไป นางคาดเดาว่าหวังเว่ยซินคงมีได้พูดคุยกับคนรักเอาไว้ ด้วยถ้อยคำหวานล้ำว่าจะมาไถ่ตัวให้กัน มิน่าเล่า...นางจึงดูมีสีหน้าที่ปลอดโปร่งกว่าทุกคน คิดง่ายไปแล้ว คนงามระดับนี้ระดับที่ทำให้สติปัญญาของบุรุษถดถอย นางไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ หรอก หวังเว่ยซินจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ แววตาฉายความเย็นชาแผ่ซ่านความเหี้ยมโหด แต่มิได้ทำให้เถ้าแก่หลีใส่ใจ ที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยความคับแค้นอาฆาต แค่สตรีตัวเล็ก ๆ อย่างมากก็แค่โวยวาย “ออกไปได้แล้ว ตั้งใจฝึกฝนหากอยากให้บุรุษสยบเจ้าต้องตั้งใจเล่าเรียนจะใช้เพียงความงามไม่ได้ ความสาวอยู่ไม่นานเจ้ามีเวลาไม่มาก ออกไปสิ” เถ้าแก่หลีเอ่ยปากไล่ด้วยน้ำเสียงรำคาญ หวังเว่ยซินจึงพูดขึ้นใหม่ “ห้าร้อยตำลึงได้หรือไม่” เถ้าแก่หลีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาและก็ดับวูบลง “อย่ามาล้อเล่นกับข้า หากเจ้ามีเงินถึงห้าร้อยตำลึงจะมายืนอยู่ตรงนี้หรือ เด็ก ๆ จับตัวนางออกไป” ขณะนั้นมีเสียงฝีเท้าเดินเร่งมา เถ้าแก่ขมวดคิ้วแววตาแฝงความขุ่นมัว เพียงครู่หนึ่งสาวใช้คนหนึ่งก็เข้ามารายงาน “แม่นางหลี แม่นางหลี พ่อบ้านเฉิงจากจวนหงอี้กงมาเจ้าค่ะ บอกว่าต้องการไถ่ตัวสตรีผู้หนึ่ง” หญิงสาวยืนขึ้นลุกก้าวเดินออกไปพลางถาม “พ่อบ้านเฉิงต้องการผู้ใด” สาวใช้ส่ายหน้า “พ่อบ้างเฉิงเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ” จากนั้นหญิงรับใช้เข้ามาประชิดหวังเว่ยซินแล้วพูดขึ้น “ไปได้แล้ว ที่นี่มิใช่ให้เด็กอย่างเจ้ามาพูดวาจาส่งเดชได้นะ” ช่วงเวลานั้น ซูซู ก็ลอบเข้ามาสำรวจภายในหออีกครั้ง เห็นหวังเว่ยซินอยู่ในห้องทำงานของเถ้าแก่หลีก็โล่งอก กลับไปรายงานพ่อบ้านเฉิงตรงห้องรับรอง “นางอยู่ห้องทำงานกับเถ้าแก่หลีเมื่อสักครู่” พ่อใหญ่บ้านเฉิงพลางพยักหน้าระคนแปลกใจ เหตุใดการไถ่ตัวหญิงสาวครั้งนี้ดูประหลาดยิ่งนัก ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เถ้าแก่ใบหน้ายิ้มพราวหวานย่อคารวะชดช้อย เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงไพเราะ “พ่อบ้านเฉิงให้เกียรติมาเยือนหอซิงเซียง มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้เจ้าคะ” “รบกวนแม่นางหลีแต่เช้าแล้ว” “มิกล้า มิกล้าเจ้าค่ะ” คนของหอซิงเซียงมีหรือจะจับหวังเว่ยซินได้ นางสะบัดเพียงเบา ๆ ก็หลุดจากการจับกุม พลางเดินตามหลังเถ้าแก่หลีออกมาด้วยความใจเย็น เมื่อมาถึงทางเข้าก็ปรายตาดูท่าทางประจบของเถ้าแก่หลีด้วยสายตาดูแคลน “คือข้าจะมาไถ่ตัวเด็กสาวผู้หนึ่ง อยากให้แม่นางหลีช่วยผ่อนปรนด้วย” “แน่นอน...จวนหงอี้กงต้องการผู้ใดข้าพร้อมจะส่งมอบให้ ขอเพียงท่านบอกมาคำเดียว” เสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งตามหวังเว่ยซินมา เสียงคนจอแจ พร้อมสตรีผู้หนึ่งพูดขึ้น “จับนางเร็ว จับนาง นางจะหนีแล้ว” เถ้าแก่หลีหันขวัญไปมอง นางส่งสายตาสั่งให้ทุกคนถอยออกไป แต่เหมือนพวกเขาไม่เห็นเพราะตอนนี้กำลังมองเป้าหมายหวังเว่ยซินที่กำลังยืนท้าทายอยู่ “จับได้แล้ว จับได้แล้ว ไปเข้าไปข้างใน” พวกเขาพยายามดึงก็ไม่สามารถดึงหวังเว่ยซินให้ขยับได้ นางสะบัดมืออีกครั้ง ว้าย ว้าย พวกนางทั้งร้องทั้งฉุกกระฉากกันไปมา เกิดเสียงดังโวยวายไปทั่ว เพราะต่างคนต่างคิดเวลานี้ไม่ใช่เวลารับแขก ไม่จำเป็นต้องกระมิดกระเมี้ยนใด ๆ เถ้าแก่ถอนหายใจหันไปยิ้มแห้งให้พ่อบ้านเฉิง “ขายหน้าพ่อบ้านเฉิงแล้ว..มิทราบว่าพ่อบ้านเฉิงต้องการจะไถ่ตัวเด็กสาวคนไหนหรือเจ้าคะ” หวังเว่ยซินสบตากับซูซู นางก็กระจ่างใจแล้วว่าผู้ที่พ่อบ้านเฉิงต้องการไถ่ตัวคือตัวนาง เฮ้อ! นางอยากจะเงียบ ๆ กู้เฉียวจิงผู้นี้ไยไม่เข้าใจ พ่อบ้านเฉิงกำลังจะเอ่ยปาก ซูซูก็เอ่ยพูดขึ้นก่อน “คุณหนูผู้นั้นเจ้าค่ะ” เถ้าแก่หลีมองตามมือที่ชี้ไปขององค์รักษ์ ก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ นางสูดลมหายใจเข้าแล้วเดินไปห้ามทัพ “หยุด ฉันบอกให้หยุด” เกิดความสงบขึ้นเฉียบพลัน เถ้าแก่หลีสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันมายิ้มหวานกับหวังเว่ยซิน “ตายแล้ว...คุณหนูหวังอยู่ตรงนี้พอดี คงรู้ใช่ไหมเจ้าคะว่าจะมีคนมาไถ่ตัวท่าน มาค่ะมาตรงนี้เลย” จากนั้นนางก็หันมาหาพ่อบ้านเฉิง “คนอยู่ตรงนี้แล้วเจ้าค่ะ เชิญท่านพ่อบ้านนำกลับจวนไปได้เลย” “รบกวนแล้วรบกวนแล้ว เชิญคุณหนูหลี” แต่หวังเว่ยซินกลับไม่ขยับเท้า นางหันไปเอ่ยกับเถ้าแก่หลี “เอกสารของข้าอยู่ไหน” เถ้าแก่หลียิ้มแป้น “อย่าได้กังวลไป ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วส่งให้ทันทีเจ้าค่ะ” “แล้วค่าไถ่ตัวเท่าไร” หวังเว่ยซินไม่อยากจะเสียเงินมากมายขนาดนั้น “มิใช่..เราตกลงกันที่ห้าร้อยตำลึงหรือเจ้าคะ พ่อบ้านเฉิงราคานี้ท่านตกลงหรือไม่เจ้าคะ” พ่อบ้านเฉิงถูกกำชับมา เท่าไรก็จ่าย ย่อมไม่ปฏิเสธตกลงทันที ดูท่าทีของพ่อบ้านแล้วหวังเว่ยซินคงคัดค้านอะไรไม่ได้ จึงจำยอมเดินตามพ่อบ้านเฉิงไป เมื่อออกไปนอกหอก็เจอรถม้าคันใหญ่หรูหราใช้ม้าแปดตัวเรียงกันอย่างน่าเกรงขาม นางหันไปถาม “นี่คงไม่ใช่ให้ข้านั่งรถม้าคันนี้นะ” พ่อบ้านเฉิงยิ้มแห้ง ๆ “เป็นคำสั่งของกงฮูหยิน บ่าวไม่กล้าขัดขอรับ เชิญคุณหนูขึ้นรถม้าเถิด ฮูหยินคงร้อนใจแย่แล้ว” หวังเว่ยซินอยากจะโต้แย้ง นางไม่อยากนั่งรถม้าคันนี้ ทว่ายิ่งยืนอยู่นานยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน นางจึงก้าวเท้าขึ้นรถม้าอย่างหัวเสีย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD