เพลิงแค้นแรงพยาบาท บทที่2.

1593 Words
หญิงสาวยกหลังมือปาดน้ำตาบนใบหน้าอีกครั้ง พักหลังมานี่เธอร้องไห้บ่อยเกินไป คณานางค์ให้สัญญากับตัวเอง ต่อไปนี้เธอจะไม่ร้องไห้ และจะตามสืบหาความจริง...เธอไม่เชื่อหรอกว่า...บิดาจะเป็นคนขี้โกง เหมือนที่ถูกประณาม “ขอนางขึ้นไปดูข้างบนหน่อยได้ไหมคะ? หลังจากนั้นเราจะไปวัดกัน” เธอระบายลมหายใจออกมาจากอกที่มันอัดแน่นด้วยความทุกข์ระทม...บวกกับความคั่งแค้น... “ตามสบายเลยค่ะ ไม่ต้องรีบหรอกค่ะคุณหนู ศาลาเปิดตอน4 โมงเย็น” วัดใกล้บ้านไม่ได้เด่นดัง และมีกฎชัดเจนเรื่องเวลาเปิดปิด นมย้อยบอกเจ้านาย ดวงตารื่นน้ำตาของนางดีขึ้น เมื่อคุณหนูของนางกลับมาแล้ว...แม้จะยังไม่รู้ชะตาชีวิตต่อไป ก็ยังพอใจชื้นเมื่อเจ้านายกลับมาคุ้มหัว คณานางค์นั่งก้มหน้านิ่ง สภาพห้องของบิดาไม่ต่างอะไรกับบริเวณชั้นล่างสักนิด ไม่มีเครื่องเรือน ไม่มีเฟอร์นิเจอร์เหลือ ทั้งห้องโล่ง และเต็มไปด้วยเศษขยะที่เป็นกระดาษไม่ใช้แล้ว ต่างจากภาพที่เธอเคยจำได้ ไม่เหลือความอลังการ โอ่อ่า...มีแต่ความทรุดโทรมและว่างเปล่า “พ่อคะ...นางจะไปต่อยังไง? ทำไมไม่คิดจะบอกอะไรนางบ้างเลย” เสียงเครือสะอื้นเปล่งออกมาจากริมฝีปากซีดเซียว น้ำตาแข่งกันไหลริน เมื่อความเสียใจบีบอัดจนต้องระบายออก น้ำตาคือตัวแทนของความเสียใจ ไม่ต้องบรรยายออกมาเป็นคำพูด หากมองเห็นก็จะรู้ว่าบัดนี้ คณานางค์กำลังเศร้าเสียใจขนาดไหน กึกๆ เสียงอะไรบางอย่างกระทบกันดังกึกๆ เสียงแผ่วๆ แต่ภายในห้องเงียบๆ มันจึงทำให้เธอได้ยินชัด หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาบนแก้ม เธอกวาดสายตามองหาต้นกำเนิดเสียง มุมปากได้รูปกระตุกยิ้มเย้ยหยันตัวเอง...ห้องโล่งๆ มีเพียงรูปของบิดากับมารดาเท่านั้นที่เหลืออยู่ สายลมด้านนอกพัดกรูเข้ามา จนทำให้กรอบรูปกระแทกกับผนัง จนเกิดเสียงดังๆ เรียวคิ้วโก่งขมวด...ในวัยเด็กมารดาเคยกระซิบบอกบางอย่างกับเธอ...ความลับของเธอกับมารดาที่ล่วงลับไปหลายปี...เรื่องตู้เซฟของท่าน! “แม่คะ? ...ขอบคุณค่ะ” มือเรียวเข็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาเพราะความยินดี...เธอไม่ได้จนหนทางจนไม่มีทางเดินหรอกนะ...เพราะหากยังไม่มีใครรู้...ของของ แม่คงยังอยู่ที่เดิม... หลังกรอบรูปของท่าน... แม้จะหมดความกังวลไปเปลาะหนึ่ง เมื่อเธอมีเงินเติมเข้ามาในบัญชีหลังเอาเครื่องเพชรและของสะสมของมารดาไปขาย ยังร้านค้าที่เคยสนิทสนมกันมานาน สายตาของคุณนายเจ้าของร้านเปลี่ยนไปเธอรู้! จากที่เคยป้อยอ พูดจาหวานหูตอนสมัยที่เธอยังเฟื่องฟูนั้น ปัจจุบันหล่อนมองเธอเหมือนเศษขยะ หรือไม่ก็เปรียบเปรยเธอเหมือนขอทาน... ช่างเถอะ! เธอไม่ได้หวังให้ผู้คนรอบตัวหันมาเมตตาสงสาร คณานางค์เชิดหน้าขึ้น เธอส่งของของ แม่ให้ แม้จะรู้สึกเจ็บใจ “ของปลอมหรือเปล่า? ได้ข่าวว่าไม่เหลืออะไรเลยไม่ใช่เหรอ?” คำดูแคลนที่หลุดออกมาจากปากคนตรงหน้าทำให้เจ็บช้ำมากขึ้น “ทุกชิ้นซื้อจากร้านคุณ ถ้ามันปลอมก็คงปลอมตั้งแต่แรกแล้วล่ะค่ะ!” หญิงสาวตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า อีป้าเจ้าของร้านเพชรไม่มีสิทธิ์มาดูถูกหรือซ้ำเติมเธอ “ใครจะรู้ เห็นถูกยึดจนหมด ไม่คิดว่าจะยังมีเหลือ” นางเบ้ปากใส่ กระชากถาดใส่เครื่องเพชรที่คณานางค์กองไว้ตรงหน้า พร้อมกับบัตรเซอร์ของเพชรทั้งหมดทุกชิ้นเพื่อยืนยันคุณภาพของอัญมณี สาวใหญ่เบ้ปาก นางแค่มองก็รู้ แต่ข่าวออกโครมๆ จะให้ไว้ใจได้อย่างไร “ของร้อนแบบนี้ อยากได้เท่าไรล่ะ!” แม่ค้าหน้าเลือดเตรียมกดราคา เมื่อรู้ดีว่าคณานางค์กำลังร้อนรน “ประเมินมาค่ะ ถ้าฉันพอใจจะขายฉันจะขายให้คุณ” แม้กำลังจะจนหนทางแต่นิสัยไม่ยอมคนเธอจึงขอสู้ยิบตา “เหอะ! ใครๆ เขาก็รู้ทั้งนั้นว่าตอนนี้อภิรักษ์ภูเบศเหลือแต่เปลือก ไปที่ไหนก็ได้ราคานี้ทั้งนั้นแหละ ฉันถือว่าช่วยๆ กันน่ะเลยให้ราคาพิเศษ” นางรีบออกตัว ของราคาแพงเช่นนี้ไปที่ไหนเขาก็อ้าแขนรับเมื่อมองเห็นกำไรเห็นๆ เรียวปากอิ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง เอาเถอะ! อยากกดเธอกดกันไป วันไหนที่เธอกลับมายืนอยู่ที่เดิม จะเอาเงินฟาดหัวเสียให้เข็ด แต่...คงไม่มีวันนั้น เมื่อเธอมีความรู้แค่ม. ปลาย ไปเรียนนอกทั้งทีไม่ได้วิชาความรู้อะไรเลย เพราะมัวแต่สำเริงสำราญ...อยากสมน้ำหน้าตัวเอง สมเพชกับความลำพองและเหิมเกริม จนเมื่อสิ้นบิดา เธอจึงไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง “รับเป็นเช็คไปนะคุณน้อง...พี่ไม่มีเงินสดมากพอจ่าย สะดวกดีด้วย” หญิงสาวแสยะยิ้ม แทนตัวเองว่าพี่โดยไม่ดูหนังหน้า แก่ยิ่งกว่ามารดาของเธอเสียอีก สะเออะอยากจะเป็นพี่สาว “หวังว่าเช็คคุณป้าคงไม่เด้งนะคะ? นางขี้เกียจขึ้นโรงขึ้นศาล” คณานางค์เลิกปลายคิ้วขึ้นสูง เธอพูดเสียงเรียบ แต่จริงจังทุกคำพูด เศรษฐินีเจ้าของร้านเพชรแทบเต้น อีเด็กเมื่อวานซืนหลอกด่านาง หมาจนตรอกอย่างคณานางค์ บุตรสาวคนขี้ขโมยคงไม่มีโอกาสได้มาเหยียบร้านของนางอีก...หลังจากงัดสมบัติเก่ามาขายกิน “พี่ทำธุรกิจซื่อตรงมาตลอดชีวิต เงินแค่นั้นไม่ใช่ปัญหา...พี่ไม่ใช่คนเลวที่จะโกงใคร!” นางตอกกลับพร้อมกับแสยะยิ้ม หรี่ตามองหญิงสาวรุ่นลูกด้วยสายตาสมเพช... เธอเก็บความเจ็บความอายเก็บไว้ในอก สะสมไว้เพื่อรอเอาคืน อย่างแรกที่เธอควรทำไม่ใช่ตบปากอีแก่หน้าเลือดคนนี้ มันเสียเวลาเปล่า เธอควรทำหน้าที่ลูกที่ดีครั้งสุดท้าย ด้วยการส่งบิดาไปสู่ภพภูมิที่ดี...อย่างไม่น้อยหน้าใคร คณานางค์ยัดกระดาษแผ่นเล็กๆ ใส่กระเป๋ากางเกงยีน เธอเดินจากมากโดยไม่ตอบโต้ หลังเอาเช็คเข้าบัญชีตัวเอง เธอเบิกสตางค์มาส่วนหนึ่งเพื่อใช้จ่าย...เกี่ยวกับงานฌาปนกิจของบิดาให้ลุล่วง นมย้อย ลุงแสง กับสาวใช้ที่เหลือบางส่วน ช่วยกันลำเลียงดอกไม้สดที่จัดเป็นช่อประดับตามหน้าโลง ไม่ได้โล่งแจ้งเหมือนกับวันแรก...คณานางค์จุดธูป เธอไหว้ร่างไร้วิญญาณของบิดา พร้อมกับกลั้นสะอื้นจนไหล่สั่น...นับจากนี้ไป เธอคงเหลือแค่ตัวคนเดียว หนึ่งชีวิต...หนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไรไม่อาจรู้ได้ แต่เธอจะไม่มีวันยอมให้บิดาตายไปพร้อมกับคำดูถูกตราหน้า...หากเธอสืบค้นความจริงได้ เธอจะแก้ต่างแทนท่านเอง...ถึงจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลือ เธอก็จะทำ! “ไม่มีใครมาหรอกค่ะคุณหนู...พระสวดจบก็ปิดศาลาได้เลย” ระหว่างที่พระสงฆ์กำลังทำพิธี นมย้อยกระซิบบอกคณานางค์ เมื่อทั้งศาลามีแต่คนเก่าแก่ที่คุ้นหน้าคุ้นตา แขกเหรื่อหรือคนรู้จัก ไม่มีมาให้เห็น “ค่ะ” เธอรับคำ...โบราณว่าไว้ คนมั่งมีมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง มีอำนาจมีแต่คนนบไหว้ พอสิ้นเงิน สิ้นวาสนา แม้แต่สุนัขข้างทางยังเมิน คนสมัยนี้น่ากลัวกว่าที่คิด... รถยนต์หรูสิบกว่าคัน วิ่งเข้ามาในบริเวณวัด...นมย้อยเหลือบมองก่อนจะหมดความสนใจ ในขณะที่คณานางค์ไม่สนใจเลย เธอกำลังซึมเศร้ากับการสูญเสีย “คุณหนูคะ?” เสียงของนมย้อยตื่นตระหนก! นางสะกิดคณานางค์ พร้อมทั้งเหลือบมองไปทางด้านหลัง “คะนม!” หญิงสาวหมุนตัวกลับมามอง เธอขมวดเรียวคิ้ว เมื่ออาคันตุกะผู้มาเยือนดูภูมิฐานโอ่อ่า ขบวนกลุ่มคนในชุดสูทนำทัพโดยผู้ชายหน้าตาคุ้นๆ “พวกเขาค่ะคุณหนู” นมย้อยเค้นเสียงแหบแห้ง นางพยายามบอกเจ้านายสาว ไอ้คนชั่วพวกนี้คือเจ้าหนี้ของคุณผู้ชาย พวกที่ทำตัวเหมือนโจร มาขนข้าวขนของออกไปจากบ้านของท่านจนหมด “ใครคะ...นม?” คณานางค์ขมวดคิ้ว เธอถลึงตาใส่คนแปลกหน้า เขาเดินเข้ามาแบบไม่มีความเกรงกลัว ตรงมายังเธอพร้อมกับทรุดนั่งด้านข้าง โดยที่คนอื่นๆ กระจายตัวอยู่รอบๆ ทำตัวเหมือนนักเลงใหญ่ที่ต้องมีคนป้องกัน “คุณมาทำไมคะ! ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับคุณ” นมย้อยพูดเสียงแข็ง นางขยับเขาไปใกล้คณานางค์ เหมือนกำลังปกป้องเจ้านายสาว มิเกลเหลือบตามองหญิงชรารูปร่างท้วม เขาปรายตามองเธอก่อนจะยกมือโบกไล่ “ออกไปก่อน ฉันจะคุยกับลูกสาวคชา...อย่ายุ่ง!” ชื่อของบิดาหลุดออกมาจากปากคนมาใหม่ เขาเรียกชื่อท่านด้วยคำเรียกที่เธอไม่ชอบใจ หน้าตาของคนมาใหม่อ่อนวัยกว่าบิดาเธอมากนัก เขาน่าจะให้เกียรติท่านบ้าง “นมเป็นคนของฉันค่ะ ฉันยินดีให้นมอยู่ใกล้ๆ มากกว่าคนแปลกหน้าอย่างคุณ!” แววตาสู้คนของคณานางค์มองสบนัยน์ตาคมกริบของมิเกล เธอเชิดหน้าขึ้น เม้มเรียวปากแน่น รู้สึกไม่ชอบมาพากล เมื่อคนของตัวเองดูกริ่งเกรงคนแปลกหน้า “ตามใจ...ฉันก็แค่ไม่อยากให้เธออายคนรับใช้ แต่อยากให้โพนทะนาก็ได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD