หลังจากปรับความเข้าใจกับครอบครัวเมดิสันแล้ว วาสินีก็ขอตัวกลับมายังบ้านพักพร้อมลูกชาย ปล่อยให้พี่น้องปรึกษากันเรื่องงานแต่งงานที่จะขึ้นในวันพรุ่งนี้ หญิงสาวจำต้องยอมแต่งงานกับโอลิเวอร์ตามคำขู่ของเขาอย่างจำใจ ในเวลานี้เพื่อนคนเดียวที่เธอมีและพอจะปรึกษาเรื่องนี้ได้ คือโจนาธานเท่านั้น
วาสินีจึงโทรคุยกับโจนาธาน เมื่อชายหนุ่มรู้เรื่องก็รีบมาหาเธอที่บ้านพักทันที
“น้องเอื้อออกไปเล่นหน้าบ้านก่อนนะครับ แม่สินีจะคุยธุระกับลุงโจสักครู่”
วาสินีบอกลูกชายที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ เอื้อไม่เคยชอบหน้าโจนาธาน และมักจะทำตัวเป็นก้างขวางคอของอีกฝ่ายเสมอ ยามใดโจนาธานแวะมาหาหรือชวนไปไหน เด็กชายจะหาเรื่องแกล้งเพื่อนของมารดาทุกครั้งไป แม้วาสินีจะห้ามปรามหรือคาดโทษไว้เช่นใด ลูกชายของเธอก็ไม่เคยจะยอมทำตามสักหน เด็กชายหวงมารดาไม่ยอมให้ชายหนุ่มเข้าใกล้ ยิ่งยามนี้แกได้เจอบิดาแล้ว เอื้อยิ่งหวงแม่ไว้ให้พ่อ
“เอื้อจะอยู่กับแม่” เด็ชายทำหน้าง้ำงอไม่พอใจที่ถูกแม่ไล่ให้ไปเล่นที่อื่น
“แม่สินีมีธุระสำคัญคุยกับลุงโจนะคะ เอื้อไปเล่นก่อนนะคะ แม่ขอเวลาครึ่งชั่วโมง โอเคนะคะคนเก่ง” วาสินีเอ่ยกับลูกชายอีกหน ใช้สายตาบังคับให้เด็กน้อยยอม
เอื้อมองหน้ามารดาเห็นสายตาเข้มดุมองมา จำต้องยอมพยักหน้ารับ “ครับ แม่สินีรีบคุยนะครับเอื้อหิวข้าว”
เจ้าตัวน้อยยังหาเหตุเร่งมารดา ก่อนจะยอมเดินออกไปตามคำสั่ง แต่พอเดินพ้นประตูร่างเล็กก็วิ่งอ้อมมาแอบดูที่หน้าต่าง ดวงตาสีฟ้าใสมองผ่านบานกระจกใสเข้าไปในบ้านแม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดกันแต่ขอแอบมองก็ยังดี
“ฉันต้องแต่งงานกับพ่อของน้องเอื้อค่ะ ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาน้องเอื้อไปจากฉัน” วาสินีเอ่ยขึ้นเมื่อลูกชายออกไปจากห้อง คนฟังเบิกตากว้างตกใจกับการตัดสินใจนั้น
“ทำไมคุณไม่ให้ผมช่วยล่ะสินี ผมจะแต่งงานกับคุณแล้วรับน้องเอื้อเป็นลูก เท่านี้คุณก็ไม่ต้องแต่งงานกับเขาแล้ว” โจนาธานหาทางออกให้เธอ แต่ได้รับคำปฏิเสธจากหญิงสาว
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณพ่อลงชื่อคุณโอลิเวอร์เป็นพ่อของน้องเอื้อ เขามีสิทธิ์ในตัวแกในฐานะพ่อ ถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ใช่แม่ของแกเขาจะเอาน้องเอื้อจากฉันแน่ โดยที่ฉันไม่มีทางคัดค้านได้เลย คุณก็รู้นี่คะว่าฉันเป็นแค่น้าไม่ใช่แม่อย่างสิตา”
ใบหน้างามฉายรอยเศร้าหมองอย่างคนสิ้นไร้หนทาง น่าสงสารจนคนเห็นต้องกุมมือบางปลอบโยน
“ผมจะช่วยคุณพาน้องเอื้อไปอยู่ที่อื่นสักพัก ไปอยู่ในที่ๆ เขาตามหาคุณสองแม่ลูกไม่เจอ” อีกทางเลือกที่เขาเสนอ แต่เธอก็ไม่รับ
“ตอนนี้น้องเอื้อแกเจอพ่อของแกแล้ว แกรอคอยพ่อของแกมาตลอดชีวิตแกคงไม่ยอมให้ฉันพาหนีหรอกค่ะ คุณโอลิเวอร์ก็คงไม่ยอมปล่อยให้ฉันพาลูกชายเขาหนีไป ตระกูลเมดิสันมีอิทธิพลระดับโลก หากเขาจะตามหาเราสองแม่ลูกคงทำได้ไม่ยาก และถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ใช่แม่ของน้องเอื้อเขาคงไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้ลูกอีก” หญิงสาวให้เหตุผลที่เขาค้านไม่ออก
“ทำไมคุณไม่บอกความจริงกับเขา และขอร้องเขาให้ยอมให้คุณดูแลน้องเอื้อต่อ บางทีเขาอาจจะยอมก็ได้นะ”
วาสินีส่ายหน้า “เขาไม่มีทางยอมหรอกค่ะ สิตาทำกับเขาและพี่ชายไว้มาก เขาไม่มีทางเห็นใจฉัน เขาขู่ฉันว่าหากฉันไม่ยอมแต่งงานกับเขา เขาจะแจ้งความจับคดียิงพี่ชายเขาเมื่อห้าปีก่อน เขาคิดว่าฉันคือสิตาถึงได้ขู่แบบนั้น และถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ใช่ คุณคิดว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป” หญิงสาวสบตาเขาด้วยแววตาหนักใจ
“เพราะอย่างนี้ใช่ไหมคุณเลยยอมแต่งงานกับเขา ปลอมตัวเป็นสิตาเพื่อจะได้อยู่กับน้องเอื้อ”
“ค่ะ ฉันไม่มีทางเลือกค่ะ” วาสินีพยักหน้ารับอย่างจำยอม “ฉันไม่อยากเสียน้องเอื้อไป แกเป็นดวงใจของฉันนะคะ แกคือทุกสิ่งในชีวิตของฉัน”
“แล้วคุณไม่กลัวว่าเขาจะรู้ความจริงเหรอ” โจนาธานมองหน้าหญิงสาว กระดากใจเล็กน้อยเมื่อต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ไม่ควรพูด “ผมหมายถึง เขากับคุณเป็นสามีภรรยากันเขาต้องรู้ว่าคุณไม่ใช่สิตาภา เมื่อคุณยังเอ่อ...”
เขาไม่กล้าพูดจบเว้นไว้ในนัยยะที่เข้าใจ วาสินีหน้าแดงแต่ก็ยอมบอกข้อตกลงระหว่างเธอกับโอลิเวอร์ให้เขาฟัง
“สิตาเป็นเลสเบี้ยนค่ะ คุณโอลิเวอร์เขารู้เรื่องนี้ดี ฉันจึงใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับฉันแบบสามีภรรยาปกติทั่วไป เราจะแต่งงานกันแต่ในนามช่วยกันดูแลน้องเอื้อเท่านั้น”
“ตราบใดที่เขายังรักษาสัญญา คุณก็ปกปิดเรื่องนี้ได้ต่อไปสินะ”
โจนาธานมองหน้าวาสินี เขาแอบนึกกังวลใจไปถึงอนาคต หากโอลิเวอร์ไม่รักษาสัญญาละเมิดข้อตกลงขึ้นมา อีกฝ่ายคงรู้ควงามจริงว่าหญิงสาวไม่ใช่สิตาภา เวลานั้นวาสินีจะทำเช่นไร ชายหนุ่มอดหวั่นใจแกมเป็นห่วงเธอไม่ได้
“ฉันไม่ยอมให้เขารู้ความจริงหรอกค่ะ” วาสินียิ้มบางๆ ปลอบใจตัวเองและชายหนุ่ม “ความลับเรื่องนี้ต้องถูกปิดไว้ตลอดชีวิตค่ะ”
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย ผมยินดีนะสินี ขอเพียงคุณบอกมา” โจนาธานจำต้องยอมรับการตัดสินใจของหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะโจ ฉันอยากให้คุณช่วยเรื่องสิตาเท่านั้น ช่วยทำหน้าที่แทนฉันตอนที่ฉันไปจากที่นี่ ฉันคงไม่สะดวกนักในเรื่องนี้”
เธอฝากฝังเรื่องสำคัญให้เขาช่วยดูแลแทน ซึ่งโจนาธานพยักหน้ารับคำ ด้วยไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเกินกำลังเขา
“ได้สิครับ ปกติผมก็ช่วยคุณเรื่องนี้อยู่แล้ว รับรองว่าผมจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ และจะโทรรายงานให้คุณทราบทุกระยะ ไม่ต้องห่วงนะครับสินี ผมไม่ปล่อยให้คุณเผชิญปัญหาคนเดียวหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ครับ”
ชายหนุ่มบีบกระชับมือนุ่มแน่นขึ้น มองสบตาคู่สวยด้วยแววตาของเพื่อนผู้หวังดี อย่างที่เคยทำมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา คนภายนอกอาจจะมองว่าเขาคิดอะไรกับวาสินีเกินเพื่อน แต่โจนาธานรู้ดีว่าเขารักและปรารถนาดีต่อหญิงสาวในฐานะพี่ชายและน้องสาวเท่านั้น หญิงสาวเองก็คิดแบบเดียวกับเขา ทั้งคู่จึงไม่ได้สนใจคำพูดของคนรอบกาย นอกจากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเป็น
“แม่สินีคุยอะไรกับลุงโจนะ คุยน๊านนาน”
เด็กชายบ่นงึมงำเมื่อรอจนเมื่อยผู้ใหญ่ทั้งสองยังคุยกันไม่เสร็จ หลังจากทนรอจนเบื่อเด็กน้อยจึงเดินมาเล่นหน้าบ้าน และเพลินกับของเล่นจนลืมไปว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนได้ยินเสียงเรียกคุ้นหู
“น้องเอื้อ ทำไมมาเล่นตรงนี้ลูก”
โอลิเวอร์เปิดประตูรั้วเข้ามาในบริเวณบ้าน เขาร้องทักลูกชายที่นั่งเล่นของเล่นบนสนามหญ้าหน้าบ้าน สายตามองหามารดาของเด็กชาย คิ้วดกหนาขมวดนิ่วเมื่อไม่เห็นร่างระหงของวาสินี ร่างสูงเดินมาหาลูกชายก้มลงไปดึงแขนร่างเล็กให้ลุกขึ้น
“แม่คุยธุระกับลุงโจในบ้านครับ แม่บอกให้เอื้อมาเล่นตรงนี้” เด็กชายลุกขึ้นตามแรงดึงของบิดา
“ลุงโจ...” โอลิเวอร์ยกคิ้วสูงมองหน้าลูกชายอย่างสงสัย “ใครกันลุงโจ”
“ลุงโจนาธานเจ้าของรีสอร์ตนี้ไงครับ เขาเป็นเพื่อนแม่”
เอื้อทำหน้ายุ่ง เมื่อเอ่ยถึงคนที่แกไม่ชอบหน้า เด็กชายมองหน้าของบิดา ก่อนจะเล่าถึงเพื่อนของแม่ให้ฟัง
“ลุงโจชอบมาหาแม่ ซื้อของมาฝากบ้าง มาพาแม่กับเอื้อไปเที่ยวบ่อยๆ ด้วย เอื้อว่าลุงโจต้องแอบชอบแม่แน่ๆ ครับ”
“แล้วแม่ของเอื้อเขาสนใจลุงโจหรือเปล่า”
ผู้เป็นพ่อตะล่อมถามลูกชาย รู้สึกไม่ชอบหน้าโจนาธานขึ้นมา แม้อีกฝ่ายจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมธุรกิจ แต่เรื่องงานกับเรื่องหัวใจมันคนละส่วนกัน แค่ได้ยินว่ามีผู้ชายมาเกาะแกะแม่ของลูก เขาก็รู้สึกโมโหจนลมออกหู ลืมคิดไปว่าสิตาภาของเขาเป็นเลสเบี้ยนหญิงสาวไม่มีทางให้ความสนใจผู้ชายคนไหน
“ไม่รู้ครับ แม่ไม่เคยปฏิเสธเวลาลุงโจชวนไปเที่ยว แล้วยังยอมให้ลุงโจมากินข้าวที่บ้านด้วยครับ” เด็กชายถือโอกาสฟ้อง แกอยากให้พ่อจัดการลุงโจไปให้พ้นๆ ตา จะได้ไม่มายุ่งกับแม่ของแกอีก