CHAPTER 1
@มาเมาดิบ
“ถามจริงอยากโดนสับเละเป็นชิ้นๆ เหมือนเนื้อหมูหรือไงรุ้งเพื่อนรักถึงได้กล้ากับเขา ไม่ใช่ดิๆ พูดผิดๆ ถึงได้กล้ากับผัวนักหนาวะ?”
น้ำเสียงหย่อนยานของผู้หญิงผมยาวดำสวยใส่แว่นตาตามเทรนวัยรุ่นแบบมีแค่กรอบบูดเบี้ยวแต่ไร้เลนส์เอ่ยถามเพื่อนรักขึ้นทั้งที่สภาพตัวเองก็เหม็นคลุ้งไปทั้งกลิ่นเหล้าเบียร์ผสมตีกันเต็มแก่ ดวงตาหยาดเยิ้มแสดงว่าเธอเองก็เมาไม่น้อย
“อย่าพูดมากมีหน้าที่ดื่มก็ดื่มเข้าดิไปอีขิม”
อีกคนที่ตอบก็มีสภาพเมาเละไม่ต่างกันอาจจะค่อนข้างหนักไปอีกด้วยซ้ำ ใบหน้าสวยเชิดด้วยจมูกทรงหยดน้ำแนบอิงกับไหล่เพื่อนรัก ผมสีน้ำตาลอ่อนร่วงหล่นจากใบหูมาสู่ใบหน้าแทบมองความสวยไม่เห็น
“พวกเจ๊สองคนโคตรเน่ามากรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย” แต่แล้วกับมีอีกหนึ่งเสียงเอ่ยแทรกดังขึ้น “เจ๊ขิมก็ทำแว่นตาตกเลนส์แตกละเอียดแล้วยังกล้าเอามาใส่อย่าบอกนะว่ากำลังมโนเป็นแว่นตาไร้กรอบตามเทรนนิยมส่วนเจ๊รุ้งผมเผ้ารุงรังเหมือนไม่ใช่คน กลับบ้านไปนอนเถอะเจ๊ๆ”
“ก็ฉันไม่ใช่.. อึก คนไงไอ้ปลาน้อยหอยสังข์”
“แต่เป็นผู้หญิงทิ้งผัว?”
“เป็นนางฟ้าโว้ยผัวทิ้งห่าที่ไหนไม่มี เอ้าแดกๆ ไปเลย” ฉันเลื่อนแก้วตัวเองไปให้ไอ้ปลารุ่นน้องที่โคตรสนิท มันนั่งอยู่ข้างหน้าส่วนอีกคนเป็นที่ยึดเป็นที่พิงมันชื่อขิม ฉันเรียกมันว่าอีขิมเพราะอายุเราเท่ากัน ทั้งสองคนเป็นเพื่อน ฉันคบแค่นี้ “ชวนมาแดกไม่ใช่ชวนมาชักประวัติพูดมากอยู่ได้นะพวกมึงสองคนเนี่ย อึก”
ถึงความเมาเข้ามาเล่นงานแต่ความจำฉันดีเยี่ยมเลยนะ พวกเราทั้งสามคนนั่งอยู่ในร้านมาเมาดิบที่ตั้งอยู่ย่านมหาลัยประดับไปด้วยโคมไฟสีส้มแดงฉานมองผ่านๆ แบบไม่สนใจก็นึกว่าเป็นศาลเจ้าอยู่ดี ความจริงแล้วมาเมาดิบเป็นร้านอาหารบวกเครื่องดื่มที่ด้านในก็ดูมืดสงัดนิดหนึ่งแบ่งเป็นโต๊ะๆ เป็นโซนๆ ไป
“เอาความจริงมาพูดก็โดนด่าใช่ไหมเจ๊ขิม?”
“เดี๋ยวจะโดนไม่น้อยไอ้ปลา!” พูดจบแก้วเหล้าอยู่ก็ถูกกรอกลงปากจนหมดเกลี้ยง “เติมๆ เอาเพียวๆ”
“มากไปไหมวะรุ้งแค่นี้ก็เมามากแล้วนะเว้ย”
นั่นแหละเป้าหมายของฉันเลยง่ายๆ คืออยากเมา เมาให้มันรู้แล้วรู้รอดหัวทิ่มคาโต๊ะสลบไปเลยยิ่งดี ครั้งนี้บอกเลยว่าอีรุ้งคนนี้ยอมเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้าเอง ไม่เมาไม่เลิกโว้ย!
“เมายิ่งดี”
เพียงแค่นี้ขวดที่ตั้งตรงหน้าก็ถูกคว้ามาดื่มกลืนลงลำคอพรวดๆ เธอไม่สนรสชาติฝาดตัดกับลำคอสักนิดทั้งที่ไม่ใช่ประเภทพวกนักดื่ม ไม่นานนักร่างสูงเพรียวก็ลุกขึ้นโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลงที่ถูกเปิดซึ่งนั้นทำให้กลุ่มเธอตกเป็นเป้าสายตาโต๊ะอื่นๆ
“เจ๊รุ้งนั่งลงเถอะนะ”
ไอ้ปลาลุกขึ้นกระชากฉันนั่งลงกับเก้าอี้ตัวเดิมเพิ่มเติมคืออีขิมสลบไปเรียบร้อยแล้ว ท่าทางไอ้ปลามันไม่เมาหรอกสามารถพาทั้งฉันและก็อีขิมกลับได้สบายๆ
“แดนซ์กันๆ มันๆ” การรับมือกับคนเมาเป็นอะไรที่ยากเอาการมากสำหรับเจ๊รุ้งยิ่งแล้วใหญ่บอกเลยโคตรปวดหัวขอยาพาราสามสิบเม็ดแดกก็เอาไม่อยู่ เจ๊ไม่รู้บ้างหรือไงว่ามีสายตานักเที่ยวกลางคืนคอยจดจ้องงาบอยู่ยิ่งเจ๊โชว์เนื้อหนังใส่แค่กระโปรงยีนสีฟอกสั้นเพียงคืบโชว์เรียวขาขาวผ่องกับเสื้อยีนแขนกุดเอวลอยสภาพขาดๆ
ไม่มีใครไม่ดูเจ๊เลยนาทีนี้
“แดนซ์เลยไอ้ปลา มันๆ”
“เดี๋ยวก็ได้ผัวคนที่สองหรอกเจ๊นั่งลงๆ”
ฉันเป็นรุ่นน้องเจ๊รุ้งถึงสองปี เรารู้จักกันมานานประมาณปีกว่าแล้วแหละจึงรู้นิสัยเจ๊พอประมาณว่าเป็นคนรักเพื่อนมากถึงมีน้อยก็เถอะสำหรับเจ๊ใจให้ใจใช้ได้เลยทว่าการนัดดื่มวันนี้เจ๊บอกว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง การกระทำเหล่านี้มักบอกได้เลยว่าเจ๊รุ้งอยากหาเรื่องหนีผู้ชายคนนั้นอีกแล้วซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์พวกเขาเป็นในรูปแบบใดเห็นเจ๊ขิมพูดว่าผัวก็ผัวตาม
รู้เพียงแค่ว่าคืนนี้เจ๊รุ้งหนีเขามา
“เจ๊รุ้งกลับเถอะจะให้ไอ้ปลาคนนี้ไหว้ก็ยอมแล้วนะ”
ความเหนื่อยจากการฉุดเจ๊รุ้งให้นั่งลงแต่ไม่เป็นผลทำให้ฉันต้องนั่งลงเก้าอี้ตัวเดิมโดยสายตายังจับจ้องไปหาเจ๊อยู่อย่างไม่วางตา ทำไงดีวะไอ้ปลาคิดสิๆ ทำไงถึงพาเจ๊รุ้งกลับได้
“หนุกหนานๆ (สนุกสนาน)”
“ไม่หนุกแล้วเจ๊รุ้งกลับกัน” การทำหน้ามุ่ยยึดตัวติดเก้าอี้เพื่อไม่ให้ถูกเจ๊รุ้งดึงลุกขึ้นกระทั่งสายตาเคลือบไปให้หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นที่สำคัญมันเป็นของเจ๊รุ้ง
ติ๊ง!
REN: ต้องให้ลากกลับไหม?
เร็น รายชื่อมันบอกซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นผัวเจ๊รุ้งหรือเปล่าคิดได้สองแง่กับประโยคที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์อีกอย่างเจ๊รุ้งก็มีพี่ชายด้วยนะทว่าฉันลืมชื่อไปแล้วแหละ ชื่อพี่ชายมันคิดไม่เข้าไม่ออกรู้เพียงแค่ว่าขึ้นชื่อตัว ร เรือเหมือนกัน
เอาวะไอ้ปลาพิมพ์ๆ ตอบไปเหอะพี่ชายเจ๊นั้นแหละคิดอะไรมาก
RUNG: มารับหน่อย มาเมาดิบ
พอกดส่งโทรศัพท์ของเจ๊ฉันก็เก็บมันยัดใส่ในกระเป๋าสะพายใบเล็กสีเงินสะท้อนแสงก่อนลุกขึ้นไปบังคับตัวเจ๊รุ้งให้มานั่ง เมาโคตรเลอะเทอะเลยวะ หน้าตามันเยิ้มแต่ก็ดูสวยสะกดตาด้วยริมฝีปากสีแดงเข้มไม่กลืนหายอยู่ดี
“ไอ้ปลาโคตรหนุก”
การออกสเต๊ปแดนซ์ช่วยให้สมองฉันชุ่มชื่นมากไม่ทำให้คิดแต่เรื่องโง่ๆ พวกนั้นถึงมันจะหลงลืมได้ชั่วขณะก็ตาม
“หนุกพอแล้วเ**กลับกัน”
“นัดผู้ชายหรือไงไอ้ปลาน้อยหอยสังข์ของเจ๊...” ฉันเอามือลูบหัวไอ้ปลาไปมาด้วยความสงสัยท่าทีมันจะกลับท่าเดียวอีกทั้งยังไม่ได้เมาเหมือนฉันกับอีขิมด้วย แปลกๆ “มีความรักใช่เปล่าเนี่ย...”
“มีบ้าไรเจ๊พูดไปเรื่อย ถ้าฉันเมาใครจะลากเจ๊กับเจ๊ขิมกลับ”
“เออจริงพูดถูก อึก”
สายตาฉันมัวไปหมดแทบมองไม่เห็นหน้าใครมันเลือนรางมากถึงมากที่สุดจนต้องใช้มือข้างหนึ่งท้าวคางไว้กับโต๊ะจากนั้นก็คว้าแก้วตรงหน้ามาดื่มลิ้นแทบไม่รู้รสแล้วถึงไม่รู้ว่าไอ้ที่ดื่มอยู่มันคืออะไรเหล้า เบียร์หรือไวน์
“เจ๊หยุดดื่ม!”
“โลกโคตรเอียงเลยวะ หมุนติ้วๆ”
ปึก!
หัวฉันหล่นหลุดลงจากมือที่ท้าคางกระแทกกับโต๊ะแต่ทว่ามันไม่เจ็บเลยกับรู้สึกนุ่ม ด้วยความไม่ชอบมาพากลมันผิดปกติฉันจึงรีบยกศีรษะขึ้นสายตาก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งใสเสื้อสีเหลืองลายดอกไม้มีกระเป๋าใบใหญ่สีดำหนีบข้างกายอายุน่าจะประมาณห้าสิบกว่า มันส่งยิ้มให้ฉันทั้งที่ไม่รู้จักกัน
บ้าเปล่าวะ?
“ยิ้มอะไรไม่รู้จักกันไม่ต้องยิ้ม”
ปากหมาของฉันเอ่ยพูดไปแล้วความใจกล้าพูดกับคนแปลกหน้าตอนเมามันท้าทายหน่อยๆ พอพูดมันก็ยังยิ้มยืนที่เดิมไม่ไปไหนเพียงแค่เก็บมือ
“ไปต่อกับป๋าไหม?”
ป๋า?
ที่ชอบเลี้ยงเด็กใช่ไหม?
โห... มันพูดแบบนี้กับอีรุ้งเลยเหรอ มันเป็นประโยคที่ผุดขึ้นในหัวสมองฉัน อาการวิงเวียนหายไปชั่วขณะเนื่องจากมีอารมณ์โกรธเข้ามาแทนที่ มือเล็กกอบกำมือจนสั่นสะท้านไปทั้งตัวแต่ยังทำเป็นหวานส่งให้ก่อน
“…”
“ยิ้มสวยมากบอกตรงๆ ป๋าชอบ...” สายตามันตั้งใจมองมายังหน้าอกฉันอย่างจาบจ้วงเท่านั้นยังไม่หยุดมันลงลามปามยังเอวขอดกระทั่งไปหยุดตรงขาขาวโผล่จากกระโปรงสั้นจู๋ “ชอบทุกอย่างที่เป็นหนู”
“ชอบหมดเลยใช่ไหม?” ฉันรู้ว่าที่มันพูดต้องมีความหมายแอบแฝงจึงเลื่อนสายตาส่งไปให้ไอ้ปลาที่กำลังมีอารมณ์คุกกรุ่นไม่
แต่งจากตัวเองนัก สายตาที่ฉันส่งมีความหมายว่าเดี๋ยวจัดการเองซึ่งฉันก็คิดว่าไอ้ปลาเข้าใจดีเพราะกลุ่มเราไม่ชอบคนแบบนี้ถึงจะไปไหนมาไหนกันสามคนผู้หญิงล้วนๆ บ่อยแค่ไหนก็ตามยังไม่เคยเจอแบบไอ้นี่มาก่อน “งั้นถ้าทำแบบนี้ก็คงชอบ...”
~ซ่า~
เบียร์ในมือสาดเข้าหน้ามันทันทีที่ฉันพูดจบความเงียบงันดังขึ้นเพราะโต๊ะข้างๆ ลุกดีดตัวออกห่างจากโต๊ะของฉันหลังจากรู้ว่ากำลังจะมีเรื่อง
“กลับบ้านไปหาลูกเมียมึงซะ!”
“นังนี่!”
ใช่ผู้ชายแก่คนนี้มันตัวโตกว่าฉันหลายเท่าภาระกำลังก็มากกว่าก็เป็นเรื่องปกติเพราะมันกระชากข้อมือฉันอย่างแรงตัวแทบปลิวดีนะที่ไอ้ปลาจับร่างฉันทันเอาไว้อีกข้างหนึ่ง ความมึนเมาก็เข้าเล่นงานฉันจนต้องสะบัดหัวไปมาเพื่อบรรเทาอาการ
“ทำไม มึงจะทำไม?”
“เป็นแค่ผู้หญิงกร่างนัก!” การฉุดยื้อร่างฉันเป็นไปโดยความหนักหน่วงเมื่อมันดึงไปไอ้ปลาก็ออกแรงดึงอีกข้างมาเป็นแบบนี้ประมาณห้าหกรอบซึ่งฉันแทบอ้วกอยู่แล้วเพราะของเหลวที่ดื่มไปไม่น้อยค่อยๆ เผยฤทธิ์แสดงอาการออกาพอสมควรแล้ว “กูจะเอามึงให้หักคาเตียงเลย”
เพล้ง!
“งั้นกูก็เอามึงก็แตกคาร้าน!”
ลอยได้… เมาแล้วทำไมตัวลอยได้
ปึก!
ตัวฉันลอยลงกระทบทับไปยังตัวของไอ้ปลาทันทีด้วยความมึนอยู่จึงไม่ได้สนใจนักว่าเป็นเสียงใครที่มาช่วยนาทีนี้ฉันบอกได้เลยว่าไม่สนใจทั้งนั้นขนาดตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอดสติสตางค์มันหายไปทีละนิดๆ จากนั้นภาพก็ตัดไป...
“เจ๊รุ้งๆ!”
ฉันดันตัวเจ๊ออกจากร่างด้วยความทุลักทุเลถึงตัวเล็กเพรียวบางขนาดไหนมันก็ยังหนักมากน้ำหนักตัวสี่สิบกว่ากิโลถูกปล่อยให้ฉันยกเต็มๆ แบบนี้ในขณะที่เจ๊รุ้งผู้เมามายไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีกเลย ไอ้ปลาน้อยหอยสังข์คนนี้จึงนำร่างที่ไร้สติของเจ๊เอนเอียงซบไหล่ตัวเอง
สภาพเจ๊เมายับ!
ผู้ชายยังรับไม่ได้...
จากนั้นก็มองดูผู้ชายคนนั้นเขาเข้ามาช่วยเจ๊รุ้ง ชายที่มีสีผมแดงสว่างจ้าแบบไม่ได้เซตสะท้อนกับแสงไฟในร้าน ฉันเห็นเพียงเสี้ยวใบหน้าเรียวจมูกรั้นโด่งเชิดกับสายตาที่โหดเหี้ยมแสดงออกอย่างไม่ปิดบังจ้องไปยังไอ้แก่ที่ฉุดเจ๊รุ้งไม่กระพริบตาเลย
สายตาโคตรเอาเรื่องวะ
ความสูงโปร่งช่วงขายาวดูดีมากสไตล์โอปป้ายิ่งสวมใส่กางเกงยีนสีดำขาดช่วงเข่าส่วนช่วงไหล่กว้างนั้นถูกปกปิดไปด้วยเสื้อโอเวอร์ไซส์ไหมพรมเนื้อแสนบางที่สีข้างหนึ่งเป็นสีดำส่วนอีกข้างสีแดงสด เนื้อผ้าขาดเป็นบางจุดจึงเผยสีผิวเนื้อขาวสะท้อนออกมาสู่สายตาคนรอบข้าง
“ไอ้ห่ามึงเป็นใครกล้าทำกับกูงั้นเหรอวะ?”
“กู...” สายตาเขาน่ากลัวมากถึงมากที่สุดอีกทั้งในมือเขายังกอบกำเศษปากขวดเหล้าอันแหลมคมที่เหลือจากการฟาดลงบนหัวไอ้แก่นั้นแน่น “เป็นคน หมาคงทำอย่างกูไม่ได้”
ถุย!
ไอ้แก่นั้นลุกขึ้นจากพื้นโดยที่มีมือข้างหนึ่งกุมหัวเอาไว้แน่นขณะเดียวกันเลือดสีแดงฉานก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังทำตัวอวดดีโดยการถุยน้ำลายลงพื้นก่อนทำใบหน้ากวนบาทาสุดๆ แล้วมันก็เป็นเวลาเดียวกันที่มีคนจำนวนหนึ่งใส่ชุดสีดำกู่เข้ามารอบข้าง
คงเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยของร้านมั้ง
“แต่หน้ามึงเหมือนหมาวะไอ้หนุ่มขี้เสือก!” สายตาจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกันก่อนที่จะเบี่ยงมองมายังร่างเจ๊รุ้ง “นังนั้นกูจอง มึงมาช้ากว่ากูอย่าเสล่อ”
“หึ” ในทางกลับกันน้ำเสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงเงียบงัน ไม่มีใครรับรู้ว่าดวงตาคู่นั้นส่งความคิดความรู้สึกเช่นไรให้คู่กรณี “ทำไงได้... อยากเสล่อเสียด้วยสิ”
ผัวะ!
เขาเตะตัดขาหรือเรียกอีกอย่างว่าเจาะยางทำให้ไอ้แก่นั้นทรุดลงกับพื้นร้านอีกครั้งโดยที่คนทำเอามืออีกข้างสอดใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกข้างก็ยังถือปากขวดแหลมท่าทางสบายสุดๆ มันมีเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งที่ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นมองมายังร่างอันไร้สติของเจ๊รุ้ง สายตาที่อยากเชือดเฉือนร่างกายของเจ๊ให้แหลกเป็นชิ้นๆ หรือว่าฉันรู้สึกไปเองวะ เรื่องราวเริ่มบานปลายใหญ่ขึ้นจนลูกค้าหนีหายเหลือเพียงไม่กี่โต๊ะที่มองดูสถานการณ์เมื่อมีเสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัวยกใหญ่
เขาทำอะไร...
เป็นครั้งแรกของการอ้าปากค้างเนื่องจากสิ่งที่เห็นนั้นมันทนการกดดันเหลือเกิน ปลาน้อยหอยสังข์คนนี้หัวใจเต้นตึกตักแทบทะลุกระจายออกมาโลดแล่นข้างนอก ยิ่งตอนที่ผู้ชายรูปหล่อผมแดงค่อยๆ ย่อลงนั่งยองๆ ก่อนเคลื่อนมือข้างที่กำปากขวดแน่นเข้าไปจ่อถึงคอหอยไอ้แก่นั้น ฉากนี้ความหวาดเสี้ยวแล่นจุกขึ้นมาจดจ่อลำคอ ฉันเชื่อว่าทุกคนที่ดูลุ้นแทบฉี่ราด
“อย่าทำ มึงอยากได้เอาไปเลยอีนั้น...”
“เธอเป็นของมึงเหรอ?” ทำไมผู้ชายหล่อผมแดงถึงพูดเหมือนปกป้องเจ๊รุ้งวะหรือว่าเขาจะเป็นคนชื่อเร็น พี่ชายเจ๊รุ้ง ประโยคที่สองคนนั้นพูดกันมันดังนะ ดังจนได้ยิน “ยัยนั่นรู้จักมึง?”
“ไม่ๆ ไม่รู้จัก!”
ทันใดเจ๊รุ้งก็ลุกขึ้นพูดเสียงดังด้วยท่าทางมั่นใจและก็ทรุดลงซบไหล่ฉันเหมือนเดิม เมามันละเมอได้ขนาดนี้เชียวเหรอ
“มึงได้ยินยังวะที่ยัยนั่นพูด?”
“ดะ ได้ยิน” ไอ้แก่คนนั้นตอบช้าจึงโดนกระชากผมเงยใบหน้าขึ้นสบนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นมันปราศจากความล้อเล่น “ฉันไม่รู้จักนังนั้นแค่เข้าไปหาเฉยๆ
“เข้าไปเตาะเด็กว่างั้น?”
“ใช่...” ไอ้แก่นั้นรับปากแบบตรงๆ บอกเลยว่าโคตรกระดากหูฉันจริง
“ยัยนั่นเด็กกู!