CHAPTER 1

2579 Words
CHAPTER 1  @มาเมาดิบ             “ถามจริงอยากโดนสับเละเป็นชิ้นๆ เหมือนเนื้อหมูหรือไงรุ้งเพื่อนรักถึงได้กล้ากับเขา ไม่ใช่ดิๆ พูดผิดๆ ถึงได้กล้ากับผัวนักหนาวะ?”                น้ำเสียงหย่อนยานของผู้หญิงผมยาวดำสวยใส่แว่นตาตามเทรนวัยรุ่นแบบมีแค่กรอบบูดเบี้ยวแต่ไร้เลนส์เอ่ยถามเพื่อนรักขึ้นทั้งที่สภาพตัวเองก็เหม็นคลุ้งไปทั้งกลิ่นเหล้าเบียร์ผสมตีกันเต็มแก่ ดวงตาหยาดเยิ้มแสดงว่าเธอเองก็เมาไม่น้อย                “อย่าพูดมากมีหน้าที่ดื่มก็ดื่มเข้าดิไปอีขิม”                อีกคนที่ตอบก็มีสภาพเมาเละไม่ต่างกันอาจจะค่อนข้างหนักไปอีกด้วยซ้ำ ใบหน้าสวยเชิดด้วยจมูกทรงหยดน้ำแนบอิงกับไหล่เพื่อนรัก ผมสีน้ำตาลอ่อนร่วงหล่นจากใบหูมาสู่ใบหน้าแทบมองความสวยไม่เห็น                “พวกเจ๊สองคนโคตรเน่ามากรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย” แต่แล้วกับมีอีกหนึ่งเสียงเอ่ยแทรกดังขึ้น “เจ๊ขิมก็ทำแว่นตาตกเลนส์แตกละเอียดแล้วยังกล้าเอามาใส่อย่าบอกนะว่ากำลังมโนเป็นแว่นตาไร้กรอบตามเทรนนิยมส่วนเจ๊รุ้งผมเผ้ารุงรังเหมือนไม่ใช่คน กลับบ้านไปนอนเถอะเจ๊ๆ”                “ก็ฉันไม่ใช่.. อึก คนไงไอ้ปลาน้อยหอยสังข์”                 “แต่เป็นผู้หญิงทิ้งผัว?”                “เป็นนางฟ้าโว้ยผัวทิ้งห่าที่ไหนไม่มี เอ้าแดกๆ ไปเลย” ฉันเลื่อนแก้วตัวเองไปให้ไอ้ปลารุ่นน้องที่โคตรสนิท มันนั่งอยู่ข้างหน้าส่วนอีกคนเป็นที่ยึดเป็นที่พิงมันชื่อขิม ฉันเรียกมันว่าอีขิมเพราะอายุเราเท่ากัน ทั้งสองคนเป็นเพื่อน ฉันคบแค่นี้ “ชวนมาแดกไม่ใช่ชวนมาชักประวัติพูดมากอยู่ได้นะพวกมึงสองคนเนี่ย อึก”                ถึงความเมาเข้ามาเล่นงานแต่ความจำฉันดีเยี่ยมเลยนะ พวกเราทั้งสามคนนั่งอยู่ในร้านมาเมาดิบที่ตั้งอยู่ย่านมหาลัยประดับไปด้วยโคมไฟสีส้มแดงฉานมองผ่านๆ แบบไม่สนใจก็นึกว่าเป็นศาลเจ้าอยู่ดี ความจริงแล้วมาเมาดิบเป็นร้านอาหารบวกเครื่องดื่มที่ด้านในก็ดูมืดสงัดนิดหนึ่งแบ่งเป็นโต๊ะๆ เป็นโซนๆ ไป                “เอาความจริงมาพูดก็โดนด่าใช่ไหมเจ๊ขิม?”                “เดี๋ยวจะโดนไม่น้อยไอ้ปลา!” พูดจบแก้วเหล้าอยู่ก็ถูกกรอกลงปากจนหมดเกลี้ยง “เติมๆ เอาเพียวๆ”                “มากไปไหมวะรุ้งแค่นี้ก็เมามากแล้วนะเว้ย”                นั่นแหละเป้าหมายของฉันเลยง่ายๆ คืออยากเมา เมาให้มันรู้แล้วรู้รอดหัวทิ่มคาโต๊ะสลบไปเลยยิ่งดี ครั้งนี้บอกเลยว่าอีรุ้งคนนี้ยอมเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้าเอง ไม่เมาไม่เลิกโว้ย!                “เมายิ่งดี”                เพียงแค่นี้ขวดที่ตั้งตรงหน้าก็ถูกคว้ามาดื่มกลืนลงลำคอพรวดๆ เธอไม่สนรสชาติฝาดตัดกับลำคอสักนิดทั้งที่ไม่ใช่ประเภทพวกนักดื่ม ไม่นานนักร่างสูงเพรียวก็ลุกขึ้นโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลงที่ถูกเปิดซึ่งนั้นทำให้กลุ่มเธอตกเป็นเป้าสายตาโต๊ะอื่นๆ                “เจ๊รุ้งนั่งลงเถอะนะ”                ไอ้ปลาลุกขึ้นกระชากฉันนั่งลงกับเก้าอี้ตัวเดิมเพิ่มเติมคืออีขิมสลบไปเรียบร้อยแล้ว ท่าทางไอ้ปลามันไม่เมาหรอกสามารถพาทั้งฉันและก็อีขิมกลับได้สบายๆ                              “แดนซ์กันๆ มันๆ” การรับมือกับคนเมาเป็นอะไรที่ยากเอาการมากสำหรับเจ๊รุ้งยิ่งแล้วใหญ่บอกเลยโคตรปวดหัวขอยาพาราสามสิบเม็ดแดกก็เอาไม่อยู่ เจ๊ไม่รู้บ้างหรือไงว่ามีสายตานักเที่ยวกลางคืนคอยจดจ้องงาบอยู่ยิ่งเจ๊โชว์เนื้อหนังใส่แค่กระโปรงยีนสีฟอกสั้นเพียงคืบโชว์เรียวขาขาวผ่องกับเสื้อยีนแขนกุดเอวลอยสภาพขาดๆ                ไม่มีใครไม่ดูเจ๊เลยนาทีนี้                “แดนซ์เลยไอ้ปลา มันๆ”                “เดี๋ยวก็ได้ผัวคนที่สองหรอกเจ๊นั่งลงๆ”                ฉันเป็นรุ่นน้องเจ๊รุ้งถึงสองปี เรารู้จักกันมานานประมาณปีกว่าแล้วแหละจึงรู้นิสัยเจ๊พอประมาณว่าเป็นคนรักเพื่อนมากถึงมีน้อยก็เถอะสำหรับเจ๊ใจให้ใจใช้ได้เลยทว่าการนัดดื่มวันนี้เจ๊บอกว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง การกระทำเหล่านี้มักบอกได้เลยว่าเจ๊รุ้งอยากหาเรื่องหนีผู้ชายคนนั้นอีกแล้วซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์พวกเขาเป็นในรูปแบบใดเห็นเจ๊ขิมพูดว่าผัวก็ผัวตาม                 รู้เพียงแค่ว่าคืนนี้เจ๊รุ้งหนีเขามา                “เจ๊รุ้งกลับเถอะจะให้ไอ้ปลาคนนี้ไหว้ก็ยอมแล้วนะ”                ความเหนื่อยจากการฉุดเจ๊รุ้งให้นั่งลงแต่ไม่เป็นผลทำให้ฉันต้องนั่งลงเก้าอี้ตัวเดิมโดยสายตายังจับจ้องไปหาเจ๊อยู่อย่างไม่วางตา ทำไงดีวะไอ้ปลาคิดสิๆ ทำไงถึงพาเจ๊รุ้งกลับได้                “หนุกหนานๆ (สนุกสนาน)”                “ไม่หนุกแล้วเจ๊รุ้งกลับกัน” การทำหน้ามุ่ยยึดตัวติดเก้าอี้เพื่อไม่ให้ถูกเจ๊รุ้งดึงลุกขึ้นกระทั่งสายตาเคลือบไปให้หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นที่สำคัญมันเป็นของเจ๊รุ้ง                ติ๊ง!                REN: ต้องให้ลากกลับไหม?                เร็น รายชื่อมันบอกซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นผัวเจ๊รุ้งหรือเปล่าคิดได้สองแง่กับประโยคที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์อีกอย่างเจ๊รุ้งก็มีพี่ชายด้วยนะทว่าฉันลืมชื่อไปแล้วแหละ ชื่อพี่ชายมันคิดไม่เข้าไม่ออกรู้เพียงแค่ว่าขึ้นชื่อตัว ร เรือเหมือนกัน                เอาวะไอ้ปลาพิมพ์ๆ ตอบไปเหอะพี่ชายเจ๊นั้นแหละคิดอะไรมาก                RUNG: มารับหน่อย มาเมาดิบ                พอกดส่งโทรศัพท์ของเจ๊ฉันก็เก็บมันยัดใส่ในกระเป๋าสะพายใบเล็กสีเงินสะท้อนแสงก่อนลุกขึ้นไปบังคับตัวเจ๊รุ้งให้มานั่ง เมาโคตรเลอะเทอะเลยวะ หน้าตามันเยิ้มแต่ก็ดูสวยสะกดตาด้วยริมฝีปากสีแดงเข้มไม่กลืนหายอยู่ดี                “ไอ้ปลาโคตรหนุก”                การออกสเต๊ปแดนซ์ช่วยให้สมองฉันชุ่มชื่นมากไม่ทำให้คิดแต่เรื่องโง่ๆ พวกนั้นถึงมันจะหลงลืมได้ชั่วขณะก็ตาม                “หนุกพอแล้วเ**กลับกัน”                “นัดผู้ชายหรือไงไอ้ปลาน้อยหอยสังข์ของเจ๊...” ฉันเอามือลูบหัวไอ้ปลาไปมาด้วยความสงสัยท่าทีมันจะกลับท่าเดียวอีกทั้งยังไม่ได้เมาเหมือนฉันกับอีขิมด้วย แปลกๆ “มีความรักใช่เปล่าเนี่ย...”                “มีบ้าไรเจ๊พูดไปเรื่อย ถ้าฉันเมาใครจะลากเจ๊กับเจ๊ขิมกลับ”                “เออจริงพูดถูก อึก”                สายตาฉันมัวไปหมดแทบมองไม่เห็นหน้าใครมันเลือนรางมากถึงมากที่สุดจนต้องใช้มือข้างหนึ่งท้าวคางไว้กับโต๊ะจากนั้นก็คว้าแก้วตรงหน้ามาดื่มลิ้นแทบไม่รู้รสแล้วถึงไม่รู้ว่าไอ้ที่ดื่มอยู่มันคืออะไรเหล้า เบียร์หรือไวน์                “เจ๊หยุดดื่ม!”                “โลกโคตรเอียงเลยวะ หมุนติ้วๆ”                ปึก!                หัวฉันหล่นหลุดลงจากมือที่ท้าคางกระแทกกับโต๊ะแต่ทว่ามันไม่เจ็บเลยกับรู้สึกนุ่ม ด้วยความไม่ชอบมาพากลมันผิดปกติฉันจึงรีบยกศีรษะขึ้นสายตาก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งใสเสื้อสีเหลืองลายดอกไม้มีกระเป๋าใบใหญ่สีดำหนีบข้างกายอายุน่าจะประมาณห้าสิบกว่า มันส่งยิ้มให้ฉันทั้งที่ไม่รู้จักกัน                บ้าเปล่าวะ?                “ยิ้มอะไรไม่รู้จักกันไม่ต้องยิ้ม”                ปากหมาของฉันเอ่ยพูดไปแล้วความใจกล้าพูดกับคนแปลกหน้าตอนเมามันท้าทายหน่อยๆ พอพูดมันก็ยังยิ้มยืนที่เดิมไม่ไปไหนเพียงแค่เก็บมือ                “ไปต่อกับป๋าไหม?”                ป๋า?                ที่ชอบเลี้ยงเด็กใช่ไหม?                โห... มันพูดแบบนี้กับอีรุ้งเลยเหรอ มันเป็นประโยคที่ผุดขึ้นในหัวสมองฉัน อาการวิงเวียนหายไปชั่วขณะเนื่องจากมีอารมณ์โกรธเข้ามาแทนที่ มือเล็กกอบกำมือจนสั่นสะท้านไปทั้งตัวแต่ยังทำเป็นหวานส่งให้ก่อน                “…”                “ยิ้มสวยมากบอกตรงๆ ป๋าชอบ...” สายตามันตั้งใจมองมายังหน้าอกฉันอย่างจาบจ้วงเท่านั้นยังไม่หยุดมันลงลามปามยังเอวขอดกระทั่งไปหยุดตรงขาขาวโผล่จากกระโปรงสั้นจู๋ “ชอบทุกอย่างที่เป็นหนู”                “ชอบหมดเลยใช่ไหม?” ฉันรู้ว่าที่มันพูดต้องมีความหมายแอบแฝงจึงเลื่อนสายตาส่งไปให้ไอ้ปลาที่กำลังมีอารมณ์คุกกรุ่นไม่ แต่งจากตัวเองนัก สายตาที่ฉันส่งมีความหมายว่าเดี๋ยวจัดการเองซึ่งฉันก็คิดว่าไอ้ปลาเข้าใจดีเพราะกลุ่มเราไม่ชอบคนแบบนี้ถึงจะไปไหนมาไหนกันสามคนผู้หญิงล้วนๆ บ่อยแค่ไหนก็ตามยังไม่เคยเจอแบบไอ้นี่มาก่อน “งั้นถ้าทำแบบนี้ก็คงชอบ...”                ~ซ่า~                เบียร์ในมือสาดเข้าหน้ามันทันทีที่ฉันพูดจบความเงียบงันดังขึ้นเพราะโต๊ะข้างๆ ลุกดีดตัวออกห่างจากโต๊ะของฉันหลังจากรู้ว่ากำลังจะมีเรื่อง                “กลับบ้านไปหาลูกเมียมึงซะ!”                “นังนี่!”                ใช่ผู้ชายแก่คนนี้มันตัวโตกว่าฉันหลายเท่าภาระกำลังก็มากกว่าก็เป็นเรื่องปกติเพราะมันกระชากข้อมือฉันอย่างแรงตัวแทบปลิวดีนะที่ไอ้ปลาจับร่างฉันทันเอาไว้อีกข้างหนึ่ง ความมึนเมาก็เข้าเล่นงานฉันจนต้องสะบัดหัวไปมาเพื่อบรรเทาอาการ                “ทำไม มึงจะทำไม?”                “เป็นแค่ผู้หญิงกร่างนัก!” การฉุดยื้อร่างฉันเป็นไปโดยความหนักหน่วงเมื่อมันดึงไปไอ้ปลาก็ออกแรงดึงอีกข้างมาเป็นแบบนี้ประมาณห้าหกรอบซึ่งฉันแทบอ้วกอยู่แล้วเพราะของเหลวที่ดื่มไปไม่น้อยค่อยๆ เผยฤทธิ์แสดงอาการออกาพอสมควรแล้ว “กูจะเอามึงให้หักคาเตียงเลย”                เพล้ง!                “งั้นกูก็เอามึงก็แตกคาร้าน!”                ลอยได้… เมาแล้วทำไมตัวลอยได้                ปึก!                ตัวฉันลอยลงกระทบทับไปยังตัวของไอ้ปลาทันทีด้วยความมึนอยู่จึงไม่ได้สนใจนักว่าเป็นเสียงใครที่มาช่วยนาทีนี้ฉันบอกได้เลยว่าไม่สนใจทั้งนั้นขนาดตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอดสติสตางค์มันหายไปทีละนิดๆ จากนั้นภาพก็ตัดไป...                “เจ๊รุ้งๆ!”                ฉันดันตัวเจ๊ออกจากร่างด้วยความทุลักทุเลถึงตัวเล็กเพรียวบางขนาดไหนมันก็ยังหนักมากน้ำหนักตัวสี่สิบกว่ากิโลถูกปล่อยให้ฉันยกเต็มๆ แบบนี้ในขณะที่เจ๊รุ้งผู้เมามายไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีกเลย ไอ้ปลาน้อยหอยสังข์คนนี้จึงนำร่างที่ไร้สติของเจ๊เอนเอียงซบไหล่ตัวเอง                สภาพเจ๊เมายับ!                ผู้ชายยังรับไม่ได้...                จากนั้นก็มองดูผู้ชายคนนั้นเขาเข้ามาช่วยเจ๊รุ้ง ชายที่มีสีผมแดงสว่างจ้าแบบไม่ได้เซตสะท้อนกับแสงไฟในร้าน ฉันเห็นเพียงเสี้ยวใบหน้าเรียวจมูกรั้นโด่งเชิดกับสายตาที่โหดเหี้ยมแสดงออกอย่างไม่ปิดบังจ้องไปยังไอ้แก่ที่ฉุดเจ๊รุ้งไม่กระพริบตาเลย                สายตาโคตรเอาเรื่องวะ                ความสูงโปร่งช่วงขายาวดูดีมากสไตล์โอปป้ายิ่งสวมใส่กางเกงยีนสีดำขาดช่วงเข่าส่วนช่วงไหล่กว้างนั้นถูกปกปิดไปด้วยเสื้อโอเวอร์ไซส์ไหมพรมเนื้อแสนบางที่สีข้างหนึ่งเป็นสีดำส่วนอีกข้างสีแดงสด เนื้อผ้าขาดเป็นบางจุดจึงเผยสีผิวเนื้อขาวสะท้อนออกมาสู่สายตาคนรอบข้าง                “ไอ้ห่ามึงเป็นใครกล้าทำกับกูงั้นเหรอวะ?”                “กู...” สายตาเขาน่ากลัวมากถึงมากที่สุดอีกทั้งในมือเขายังกอบกำเศษปากขวดเหล้าอันแหลมคมที่เหลือจากการฟาดลงบนหัวไอ้แก่นั้นแน่น “เป็นคน หมาคงทำอย่างกูไม่ได้”                ถุย!                ไอ้แก่นั้นลุกขึ้นจากพื้นโดยที่มีมือข้างหนึ่งกุมหัวเอาไว้แน่นขณะเดียวกันเลือดสีแดงฉานก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังทำตัวอวดดีโดยการถุยน้ำลายลงพื้นก่อนทำใบหน้ากวนบาทาสุดๆ แล้วมันก็เป็นเวลาเดียวกันที่มีคนจำนวนหนึ่งใส่ชุดสีดำกู่เข้ามารอบข้าง                คงเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยของร้านมั้ง                “แต่หน้ามึงเหมือนหมาวะไอ้หนุ่มขี้เสือก!” สายตาจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกันก่อนที่จะเบี่ยงมองมายังร่างเจ๊รุ้ง “นังนั้นกูจอง มึงมาช้ากว่ากูอย่าเสล่อ”                “หึ” ในทางกลับกันน้ำเสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงเงียบงัน ไม่มีใครรับรู้ว่าดวงตาคู่นั้นส่งความคิดความรู้สึกเช่นไรให้คู่กรณี “ทำไงได้... อยากเสล่อเสียด้วยสิ”                ผัวะ!                เขาเตะตัดขาหรือเรียกอีกอย่างว่าเจาะยางทำให้ไอ้แก่นั้นทรุดลงกับพื้นร้านอีกครั้งโดยที่คนทำเอามืออีกข้างสอดใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกข้างก็ยังถือปากขวดแหลมท่าทางสบายสุดๆ มันมีเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งที่ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นมองมายังร่างอันไร้สติของเจ๊รุ้ง สายตาที่อยากเชือดเฉือนร่างกายของเจ๊ให้แหลกเป็นชิ้นๆ หรือว่าฉันรู้สึกไปเองวะ เรื่องราวเริ่มบานปลายใหญ่ขึ้นจนลูกค้าหนีหายเหลือเพียงไม่กี่โต๊ะที่มองดูสถานการณ์เมื่อมีเสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัวยกใหญ่                เขาทำอะไร...                เป็นครั้งแรกของการอ้าปากค้างเนื่องจากสิ่งที่เห็นนั้นมันทนการกดดันเหลือเกิน ปลาน้อยหอยสังข์คนนี้หัวใจเต้นตึกตักแทบทะลุกระจายออกมาโลดแล่นข้างนอก ยิ่งตอนที่ผู้ชายรูปหล่อผมแดงค่อยๆ ย่อลงนั่งยองๆ ก่อนเคลื่อนมือข้างที่กำปากขวดแน่นเข้าไปจ่อถึงคอหอยไอ้แก่นั้น ฉากนี้ความหวาดเสี้ยวแล่นจุกขึ้นมาจดจ่อลำคอ ฉันเชื่อว่าทุกคนที่ดูลุ้นแทบฉี่ราด                “อย่าทำ มึงอยากได้เอาไปเลยอีนั้น...”                “เธอเป็นของมึงเหรอ?” ทำไมผู้ชายหล่อผมแดงถึงพูดเหมือนปกป้องเจ๊รุ้งวะหรือว่าเขาจะเป็นคนชื่อเร็น พี่ชายเจ๊รุ้ง ประโยคที่สองคนนั้นพูดกันมันดังนะ ดังจนได้ยิน “ยัยนั่นรู้จักมึง?”                “ไม่ๆ ไม่รู้จัก!”                ทันใดเจ๊รุ้งก็ลุกขึ้นพูดเสียงดังด้วยท่าทางมั่นใจและก็ทรุดลงซบไหล่ฉันเหมือนเดิม เมามันละเมอได้ขนาดนี้เชียวเหรอ                “มึงได้ยินยังวะที่ยัยนั่นพูด?”                “ดะ ได้ยิน” ไอ้แก่คนนั้นตอบช้าจึงโดนกระชากผมเงยใบหน้าขึ้นสบนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นมันปราศจากความล้อเล่น “ฉันไม่รู้จักนังนั้นแค่เข้าไปหาเฉยๆ                “เข้าไปเตาะเด็กว่างั้น?”                “ใช่...” ไอ้แก่นั้นรับปากแบบตรงๆ บอกเลยว่าโคตรกระดากหูฉันจริง                “ยัยนั่นเด็กกู!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD