CHAPTER 5

1454 Words
CHAPTER 5 ไอ้อาการปวดหัวเข้ามาโลดแล่นเล่นกับร่างกายของฉันได้สักพักแล้วแหละถึงได้พยายามนั่งนิ่งๆ พิงกับหัวเตียงไม่เคลื่อนไหวร่างกายสักนิด ความแฮ้งบวกกับการอ่อนเพลียเพราะโดนใช้ร่างกายหนักหน่วงมาทั้งคืนทำให้ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณหกโมงเย็นอย่างโดดเดียวในห้องกว้างที่มีเพียงของแสงพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าสอดส่องเข้ามาตามแทรกซอกผ้าม่านผืนบางถูกปิดไว้แบบลวกๆไม่ใส่ใจนัก ฝีมือเขาสินะ เสื้อยืดผู้ชายตัวใหญ่โคร่งบนตัวก็คงเป็นฝีมือของเขาอีกเหมือนกัน หึ เร็นไม่ได้ใจดีถึงแม้จะใส่เสื้อให้ฉันเขาแค่เพียงไม่อยากเป็นฆาตกรฆ่าฉันทางอ้อมให้นอนสลบบนเตียงท่ามกลางอุณหภูมิห้องต่ำๆ ซึ่งอาจทำให้เป็นปอดบวมตายได้มันก็เท่านั้นเอง “เฮ้อ...” ไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนเร็นปล่อยให้ฉันเป็นอิสระจากการกระทำของเขาตอนไหนจากโซฟาเข้ามาในห้องนอนแต่สังเกตได้นิดๆ เมื่อสายตาได้เห็นแสงสีทองที่มันโผล่พ้นขอบฟ้าลิบๆ คงประมาณเช้าตรู่จากนั้นสติฉันก็หลุดล่องออกจากร่างกายเรียกง่ายก็คือสลบไม่รู้สึกกับอะไรอีกเลยกระทั่งตอนนี้ซึ่งมันก็ไร้ตัวตนของเร็น มือเล็กสางผมไปด้านหลังก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเองให้สามารถต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนยังไงฉันก็ควรเตรียมพร้อมไว้ก่อนทว่าตอนนี้ต้องหาอะไรลงท้องเสียก่อนพวกมันประท้วงกันแบบหนักหน่วงเหลือเกิน ติ้ง! แต่แล้วเสียงเตือนจากโทรศัพท์ในกระเป๋าข้างเตียงก็ดังขึ้นจำเป็นต้องรีบคว้าออกมาดู มันเป็นเสียข้อความจากกลุ่มที่มีแค่ฉัน อีขิมและยัยปลา PAR: เจ๊รุ้งยังอยู่เปล่าเนี่ย? KHIM: โดนสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วมั้งยัยปลา มันเป็นการกระหน่ำส่งเพื่อให้ฉันตอบมากกว่าเพราะจากการดูเวลาสองคนนี้ส่งมาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วแต่ไม่มีข้อความตอบกลับเป็นบทสนทนาของฉันสักครั้ง PAR: เจ๊ขิม... เมื่อคืนปลาส่งเจ๊รุ้งให้ผู้ชายที่ชื่อเร็นเพราะนึกว่าเป็นพี่ชายเจ๊ KHIM: ผัวจ๊ะผัว.... ไม่ต้องห่วงหน่า ผัวไม่ฆ่าเมียหรอก ฉันเกือบตายแล้วอีขิม! KHIM: นั่นไงอีรุ้งมันอ่านแล้ว RUNG: อือ ยังไม่ตายจ๊ะแค่แฮ้งพึ่งตื่น การพิมพ์ตอบยัยสองคนพวกนี้พร้อมกับลากสังขารตัวเองออกมาตรงเคาน์เตอร์ก่อนวางโทรศัพท์ไว้แล้วเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นคว้าเยือกน้ำส้มคั้นสดมาเทใส่แก้วจากนั้นก็เดินไปนั่งที่เดิมกับที่วางโทรศัพท์ไว้ก่อนหน้า PAR: ใบหน้าผัวเจ๊รุ้งโคตรเจ้าเอาเรื่องเลยรู้ไหม? KHIM: หึง หวงอีรุ้งมั้งใส่น้อยชิ้นขนาดนั้น ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงดีแต่มันไม่ใช่ไงเพราะระหว่างฉันกับเขามันไม่มีสถานะอะไรที่เป็นตัวกำหนดนอกจากอาจจะเป็นแค่เส้นขนาน PAR: แถมยังบอกว่าเจ๊รุ้งเป็นเด็กเขา เด็ก? ฉันเงยหน้าจากโทรศัพท์ก็พบว่าเร็นได้มาอยู่ตรงหน้าตัวเองผมเผ้ารุงรังชี้สวนทางกันใบหน้าหล่อมีความง่วงงุนงงไม่ต่างอะไรกับฉันตอนตื่นนอนเท่าไหร่นักอีกทั้งยังหน้าด้านคว้าแก้วน้ำส้มไปดื่มแบบหน้าตาย เขาอยู่ในชุดนอนที่กระดุมติดไม่หมดสามารถเห็นเนื้อผิวขาวๆ ออกมาสู่สายตาฉันนี้แสดงว่า... เร็นกลับไปนอนห้องเขาสินะ “มองอะไร?” “เปล่า” การเลือกตอบแบบสั้นๆ กระชับได้ใจความและก็ไม่ยื้อเยื้อมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วถึงเมื่อคืนจะไม่ใช่ครั้งแรกระหว่างฉันกับเร็นแต่มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำทว่าการกระทำของเขาหลังเสร็จกิจทุกอย่างก็เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย เร็นไม่เคยนอนข้างกายฉัน เร็นไม่เคยนอนค้างห้องฉัน ฉันไม่เคยได้กอดเขา ฉันไม่เคยได้ก้าวเท้าเข้าห้องเขา ถึงแม้เราทั้งสองจะอยู่ห้องคอนโดเดียวกันแต่มันก็เหมือนกับว่าต่างคนต่างอยู่ห้องใครห้องมัน นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องยอมรับมาในระยะเวลาหนึ่งแล้วโคตรน่าขำเสียจริง น่าขำที่ฉันยอม “แล้วไป” พูดจบเร็นก็วางแก้วเปล่าไว้ตรงหน้าฉันด้วยสายตาเย็นชาชนิดที่เรียกได้ว่าไม่อยากเห็นใบหน้าของฉันสักนิด เขาเดินไปนั่งโซฟาเล่นเกมเป็นกิจวัตรประจำวันในตอนเย็นที่ทำเป็นประจำทุกวัน มันเป็นความผิดฉันเองที่เมื่อคืนหนีเที่ยวจากคลับ 7 VILLAIN มายังมาเมาดิบทั้งที่ไปกับเร็นพอนึกได้ก็จึงตามเร็นมานั่งโซฟาแว๊บหนึ่งเขามองปลายหางตามาทางฉันจากนั้นก็ยังกลับไปสนใจเกมเหมือนเดิม “เร็น นายไม่ออกไปไหนเหรอ?” “ทำไม?” คิ้วคนตัวใหญ่ขมวดเข้าหากันแต่ยังสนใจกับเกมอยู่เอาเถอะอย่างน้องเขาก็ตอบฉันไม่ใช่เงียบงัน “จะหนีไปไหนอีกล่ะ?” “ฉันไม่ทำแล้ว ไม่ไปแล้ว” คำพูดบวกท่าทางสะบัดศีรษะไปมาเพื่อเป็นเครื่องยืนยันทำให้นัยน์ตาสีดำหันมามองพร้อมกับยกริมฝีปากขึ้นแบบเหยียดๆ “ไม่...” “อย่างเธอเชื่อได้ด้วยเหรอรุ้ง?” ครั้งแรกที่เราจ้องตากันนานขนาดนี้ “กี่ครั้งแล้ววะที่พูดแบบนี้แต่ก็ยังทำ” คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเพราะแววตาคู่นั้นไม่มีแววความล้อเล่นอยู่เลยเขาจ้องหน้าฉันอย่างไม่กระพริบตาราวกับอยากจะคาดคั้นอะไรบางอย่างซึ่งนั้นมันก็คงเป็นการกระทำของฉันเอง มันไม่ได้มีคำว่าผิดหวังเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งคล้ายกับการน้อยใจคนรักอะไรหรอกนะทว่ามันไม่ได้มีความรู้สึกมากกว่า แววตาอันเชยชาคาดเดาอะไรไม่ได้จากคนตรงหน้าและฉันก็ไม่สามารถรับรู้ว่าเร็นต้องการอะไรจากตัวเองนอกจากการที่ฉันไม่เชื่อคำพูดของเขาก็เหมือนกับเป็นการท้าทายผู้ชายคนนี้ทางอ้อมโดยไม่รู้ว่าในเวลาต่อมาตัวเองจะต้องเจอกับอะไร ใช่ฉันทำเหมือนกับเด็กเลี้ยงแกะที่โกหกเร็นต่างๆ นานาว่าอยากไปนั่นอยากไปนี่สุดท้ายพอห่างหรือลับสายตาของเร็นเมื่อไหร่ก็จัดการหักหลังเขาด้วยการหนีไปที่อื่น ไปสนุกกับเพื่อน ไปดื่มกับเพื่อน ไปเต้นแร้งเต้นกากับเพื่อน และสุดท้ายก็ถูกตามลากตามถูจากเร็น เจ้าชีวิตฉัน มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งไปไม่รู้สิว่าฉันเก็บกดมากหรือเปล่ากับการที่วันๆ จะต้องอยู่แต่ในห้องคอนโดหรูชั้นสี่สิบกลางกรุงไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอกับวิวสวยๆ สามร้อยหกสิบองศาแต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้มีความสุขมีรอยยิ้มและก็มีเสียงหัวเราะเพราะฉันรับรู้ว่าตัวเองมีแค่บริเวณแค่เพียงคอนโดเท่านั้นที่สามารถไปไหนมาไหนได้จะออกไปข้างนอกทีหนึ่งไกลสุดก็ซุปเปอร์มาร์เก็ตด้านล่างคอนโด ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นใช่ไหมล่ะทุกคน? ชีวิตของนกน้อยในกรงทองที่แท้จริง วงจรชีวิตของฉันก็เหมือนจะมีอยู่แต่นี้แหละเพราะตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงดีเด่นอะไรทั้งที่รุ่นเดียวกันเช่นอีขิมตอนนี้ก็ใกล้จบแล้วอยู่ปีสี่ส่วนฉันเรียนไม่จบมีดีก็แค่บ้านรวยจึงไม่แปลกที่จะถูกส่งไปเรียน LA ตั้งแต่จบมัธยมปลาย ฉันเลือกใช้ชีวิตสบายๆ ในเมืองนอกไม่เรียนไม่รับรู้อะไรนอกจากการใช้เงินทิ้งๆ ขว้างๆ ไปวันๆ ทั้งที่มีเฮียรูธคอยคุมชีวิตบังคับให้เรียนแต่มันก็แค่นั้นในเมื่อฉันไม่ทำตามอะไรๆ ทุกอย่างก็เหมือนสูญเปล่าอีกอย่างหนึ่งก็คือเฮียรูธไม่ได้อยู่ LA คุมฉันตลอดจะไปก็แค่เดือนละครั้งส่วนมากก็จะโทรสั่งมากกว่าเมื่อแมวไม่อยู่หนูจึงร่าเริงใช่ไหมจนกระทั่งมีความจำเป็นบางอย่างต้องกลับมาไทยใช้ชีวิตอยู่กับเร็นผู้ชายตรงหน้า “ให้โอกาสดิ” ไม่ได้ขอร้องเพียงแค่พูดจาธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ “โอกาส?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD