ตอนที่ 2

1473 Words
ตอนที่ 2 แล้วผู้ชายที่ยืนอยู่ก็ยังเคาะกระจกรถไม่ยอมหยุดเสียอีก ใบหน้าขาวสวยซีดเผือด ส่งยิ้มแหยๆ ไปนอกรถ ดวงตาผลุบมองลงไปภายในรถอย่างต้องการหาอะไรมาป้องกันตัวเองสักชิ้น ก่อนจะลงไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่มาเคาะถามหาความช่วยเหลืออยู่ ถึงแม้จะมีแสงสว่างจากไฟด้านหน้ารถ แต่มองเห็นอะไรไม่เห็นอยู่ดี แล้วใบหน้าขาวสวยก็มีรอยยิ้ม เพราะนึกออกว่าวันก่อนกัญญาพัชรเคยมอบมีดพับเล่มเล็กให้ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกโต เพราะความไม่สนใจของตัวเอง รับมาได้ก็เอามาโยนๆ ไว้ในรถอย่างไม่สนใจ แล้วเป็นไงล่ะพอถึงเวลาจะใช้ขึ้นมาก็ต้องควานหาเหมือนคนบ้าอย่างนี้ เฮ้อ...คิดแล้วก็สมน้ำหน้าตัวเองเหมือนกัน ตลอดเวลาเอาแต่พึ่งพี่สาวอยู่เสมอ จะไปไหนมาไหนทีก็ออดอ้อนให้ไปส่งไปรับ แล้วดูซิพอกัญญาพัชรป่วยไม่สามารถไปส่งไปรับได้ ก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง แต่ดันมาเกิดปัญหาเอาเสียด้วยซิ แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ความจริงไม่ได้อยากไปงานนี้มากนักหรอก แต่ได้ข่าวมา เจ้าของบริษัทมาเอง ใครๆ ก็พูดว่าฟารฮาน คอลีฟา ยา อูซาหมัด รูปหล่ออย่าบอกใคร ถึงปากจะบอกว่าไม่สนใจ แต่ก็ยังแอบคิดเล่นๆ ตามประสาสาวน้อยช่างฝัน วันหนึ่งจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวบุกป่าฝ่าดงพี่สาวจอมหวงรับไปเป็นเจ้าหญิงประดับใจ แต่เรื่องแบบนี้มันคงเป็นได้เพียงแค่ในนิทานเท่านั้นเอง รู้ก็รู้อยู่ว่าคนทุกวันนี้เป็นยังไง เห็นแก่ตัวเสียเป็นส่วนใหญ่ ไอ้ที่คิดช่วยเหลืออย่างจริงใจหาได้น้อยแล้วในสังคมเมืองปัจจุบัน อีกอย่างในงานจะมีการประกาศพนักงานดีเด่น คนที่ได้นอกจากจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศฟรีแล้ว ยังได้เงินรางวัลอีกจำนวนหนึ่ง ไหนจะยังมีการมอบของขวัญอีกหลายชิ้น หนึ่งในนั้นคือทองคำจำนวนยี่สิบบาท สำหรับคนอื่นไม่รู้แต่สำหรับเธอแค่รางวัลชิ้นเล็กๆ สักชิ้นและเงินโบนัสที่ทางบริษัทบอกว่าจะแจกเต็ม สำหรับพนักงานที่เข้าร่วมงานในวันนี้ก็เพียงพอแล้ว คร่าวๆ มาว่าน่าจะได้ประมาณคนละเป็นหมื่นขึ้น แต่ถ้าใครไม่เข้าร่วมกิจกรรมจะโดนหักออกครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าบอกความจำเป็นว่าทำไมถึงไม่เข้าร่วมงานได้ โดนหักเหมือนกันแต่ไม่มากเท่าข้อแรก ใครจะว่าเธองกก็ช่าง แต่เธอและพี่สาวไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมานี่นา แค่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะขยันเก็บหอมรอมริบ และใช้จ่ายอย่างประหยัด มือเรียวควานสะเปะสะปะไปทั่ว ก่อนที่รอยยิ้มจะแต่งแต้มไปบนใบหน้ารูปไข่ ถึงจะไม่เก่งอย่างกัญญาพัชรที่เก่งการต่อสู้ทุกรูปแบบ แต่อย่างน้อยมีมีดอยู่ในมือก็ทำให้พออุ่นใจได้บ้าง อีกอย่างถึงรู้ว่าเขาตั้งใจมาช่วยเหลือ แต่ใครจะรู้ได้ล่ะ คนที่มาให้ความช่วยเหลือจะไม่คิดร้ายในภายหลังน่ะ ยังไงก็ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนตามที่พี่สาวและสุภาษิตไทยสอนไว้ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน เดี๋ยวจะจนใจเอง ปิยาพัชรสูดลมหายใจเข้าปอด ค่อยๆ ไขกระจกรถลงแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ได้ชมหรอกว่าสวย แต่ก็น่ารักก็แล้วกัน ใครชมไม่ชมไม่รู้ พี่สาวชมและตักเตือนอยู่ทุกวันนี่นา “เราไม่ใช่คนสวยนะมัดหมี่ แต่น่ารัก ใครเห็นก็เตะตาอยากอยู่ใกล้ แล้วอีกอย่างเข้ากับคนได้ง่าย ไม่เคยคิดไม่เคยดูหรือสังเกตอะไรเลยว่าคนที่เข้ามาใกล้น่ะเขาต้องการอะไร หวังดีหรือหวังร้าย” “เป็นอะไรมากหรือเปล่าคุณ ทำไมเรียกแล้วไม่ยอมตอบ” อินซอฟถามอย่างหงุดหงิด จนน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเกือบจะเป็นแข็งกระด้าง ปิยาพัชรยิ้มแหยๆ พยายามทำใจดีสู้เสือ แม้จะกลัวสายตาของชายหนุ่มตรงหน้าจนตัวสั่น หัวใจเต้นแรงเร็ว ดวงตามองหนุ่มร่างใหญ่อย่างขอโทษที่ทำให้เสียเวลา และตอบกลับไปยาวเป็นรถไฟ “ปะ...เปล่าค่ะ มัดหมี่แค่ตกใจมากไปหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ลงมาจากรถซิ ผมจะได้ช่วยเอารถลงจากขอบถนนนี่ให้” “เอ่อ...เอ่อ...คือว่า...” อินซอฟสบถเป็นภาษาซัลจาร์บาเมียออกมาอย่างหัวเสีย แม้เขากับนายจะเข้ามาอยู่ในเมืองไทยได้เกือบสองปีแล้ว แต่เมื่อไหร่ที่เผลอก็มักหลุดภาษาประจำชาติออกมาเสมอ ผู้หญิงบ้าอะไรเรื่องมากชะมัด แค่คนเขาจะช่วยเหลือยังอิดออดอยู่ได้ เดี๋ยวพอไปเสียเลย ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ตกลงคุณจะรับความช่วยเหลือของผมไหม ถ้าไม่ผมจะได้ไปเสียที ผมไม่มีเวลาว่างจะมาทำก้อร่อก้อติกอย่างที่คุณคิดหรอกนะ” ปิยาพัชรยิ้มแหยๆ สองจิตสองใจว่าจะลงจากรถดีหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ลงเธอคงไม่มีปัญญาเอารถลงจากขอบถนนอย่างปลอดภัยแน่ ดีไม่ดีอาจไถลไปอีกฝั่งแล้วได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าไปนอนในโรงพยาบาลก็ได้ แต่ถ้าลงแล้วจะมั่นใจได้ไงว่าผู้ชายตรงหน้าจะไม่ทำอันตรายเอาน่ะ “เรียบร้อยหรือยังอินซอฟ จะได้ไปเสียที” ฟารฮานร้องถาม มือใหญ่วางแฟ้มเอกสารลงและก้าวตามลูกน้องหนุ่มไป เสียงเรียกถามของฟารฮานทำให้ปิยาพัชรตัดสินใจเปิดประตูรถออกมา และเดินไปหยุดตรงที่มีแสงไฟอย่างเชื่องช้าและไม่มั่นใจ มือเล็กข้างหนึ่งกำมีดพับที่ซุกซ่อนไว้ในเสื้อตัวใหญ่ ศีรษะทุยหันรีหันขวางมองไปที่รถสลับกับมองร่างสูงใหญ่ในชุดสีขาวแปลกตายาวกรอมเท้า อีกทั้งยังมีผ้าโพกศีรษะให้ทั้งน่าสงสัยและน่าสนใจ ด้วยความไม่ระมัดระวังและอย่างที่บอกวันนี้ไม่ใช่วันดีของเธอ อีกทั้งยังไม่ชินกับการที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงปรี๊ด เพราะปกติแล้วรองเท้าที่ใส่ส้นสูงที่สุดคือหนึ่งนิ้วครึ่ง ปิยาพัชรเผลอสะดุดขาตัวเองอย่างจังจนร่างบางถลาเข้าไปในอ้อมแขนกว้าง “ว้าย!! ตายแล้ว พ่อแก้วแม่แก้วช่วยมัดหมี่ด้วย” ปิยาพัชรร้องอุทานด้วยความตกใจ โอ๊ย!! ทำไมวันนี้ถึงมีแต่เรื่องไม่ดีมากนักนะ แล้วจะมีเรื่องดีๆ เข้ามาบ้างหรือเปล่านี่ “เอ่อ...ขอโทษนะคะคุณ” ใบหน้าขาวสวยแหงนมองไปยังคนที่ให้การช่วยเหลือ ด้วยความสูงเพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบแปดเซนติเมตร แม้จะอยู่บนรองเท้าส้นสูงสามนิ้วแล้วยังสูงเพียงแค่บ่ากว้างเลย อุ๊ย!! อีตายักษ์นี่กินอะไรเข้าไปนะ ถึงได้สูงและหนาเป็นยักษ์ปักหลั่นถึงขนาดนี้ แบ่งมาให้เราบางก็ยังดี แม้จะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม แต่ปิยาพัชรยังอดไม่ได้ที่จะคิดพิเรนทร์ๆ มือเรียวยกขึ้นตบอกตัวเองเบาๆ เป็นการเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับคืนมา มือเล็กเรียวรีบยกขึ้นยันร่างหนาใหญ่ให้ออกห่าง แต่เพียงได้สัมผัสกับแผงอกกว้างอุ่นร้อนเหมือนกับมีกระแสไฟอุ่นๆ แล่นผ่านมือไปตามลำแขนเรียวยาวและเข้าสู่หัวใจดวงน้อยอย่างรวดเร็ว ใบหน้าขาวสวยเห่อแดงขึ้นอย่างกะทันหัน หัวใจดวงน้อยเต้นเหมือนกับมีใครกำลังตีกลองอยู่ภายใน “ขะ...ขอโทษค่ะคุณ ขอโทษจริงๆ ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปสั่นสะท้านแต่ยังนุ่มนวลและหวานหู ใบหน้าขาวสวยก้มมองพื้นอย่างรวดเร็ว ถึงจะถอยมายืนอยู่ไกลๆ แต่ความอบอุ่นจากกายหนาร้อนยังแผ่ซ่านซึมเข้ามาโอบรอบเรือนกาย จนทำให้อากาศที่เย็นยะเยือกกลายเป็นอบอุ่นและสบายๆ ไปในทันที แม้จะเป็นเพียงแค่แวบเดียว แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกับกลิ่นดอกไม้และกลิ่นกายหอมรวยรินจากเรือนกายบอบบางโชยเข้าไปแตะจมูก ฟารฮานเผลอสูดเข้าไปเต็มปอดและติดตรึงต้องใจในทันที ดวงตาคมเพ่งมองว่าสาวร่างอรชรอ้อนแอ้นที่โผเข้ามาในอ้อมกอดนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร ด้วยความมืดและความระมัดระวังตัวของสาวเจ้าทำให้มองไม่เห็น คงมีแต่กลิ่นดอกไม้ที่ยังชัดเจนในจมูก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD