ตอนที่ 5
“สวัสดีครับมัดหมี่ เราเจอกันอีกแล้วนะครับ” ฟารฮานเอ่ยทักใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตากวาดมองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางแสงไฟเรียบร้อยแล้ว แต่ในตอนนี้แม่สาวมัดหมี่กลับมีหน้ากากสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับด้วยเกร็ดเพชรปกปิดใบหน้าอยู่ ทำให้มองเห็นไม่ชัด
“คะ...คุณทักมัดหมี่หรือคะ แล้วเอ่อ...ไม่ทราบว่า เรารู้จักกันหรือคะ?” ปิยาพัชรถามตรงๆ เพราะชายหนุ่มตรงหน้าก็ปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากสีดำสนิท ดวงตาที่อยู่ใต้หน้ากากดูน่ากลัวด้วยเหมือนกับซุกซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ ทั้งแข็งกร้าวและเรียกร้องแปลกๆ
“จำผมไม่ได้จริงๆ หรือสาวน้อย...” ฟารฮานทอดเสียงนุ่ม กลิ่นเนื้อกายสาวและกลิ่นเครื่องประทินผิวที่ใช้ผสมผสานกันจนหอมจรุงใจ เท้าแข็งแกร่งค่อยๆ เดินเข้าไปหาอย่างเชื่องช้า เหมือนกับราชสีห์จ้องตะครุบเหยื่อแสนโอชะ ใบหน้าคมเข้มมีรอยยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปาก มือใหญ่ยื่นปลายนิ้วไปหวังเกลี่ยเอาหน้ากากอันใหญ่ออกจากใบหน้าสาวน้อย เพื่อที่เขาจะได้ยลโฉมแม่สาวน้อยมัดหมี่ถนัดๆ เสียที
ปิยาพัชรใจสั่นไหว ดวงตาเบิกกว้าง เท้าเรียวยาวพาเอาร่างบอบบางถอยไปจนชิดผนังห้อง รู้สึกหวาดกลัวกับอำนาจบางอย่างที่แผ่ซ่านมาจากกายใหญ่ โอบล้อมเรือนกายบอบบางเหมือนกับราชสีห์ตัวใหญ่ยักษ์กับหนูตัวน้อยนิด ใบหน้าสวยหันรีหันขวางมองหาทางเอาตัวรอดจากชายหนุ่มร่างใหญ่ที่เข้ามาทัก ริมฝีปากขบเม้ม พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ
“จะ...จำไม่ได้ค่ะ ระ...เราเคยเจอกันที่ไหนหรือคะ?”
น้ำเสียงใสดุจระฆังทองแต่สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด สร้างความพึงพอใจให้กับฟารฮานเป็นอย่างมาก อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้รู้และมั่นใจแล้วว่าแม่สาวมัดหมี่ยังไม่มีแมลงใดๆ ไต่ตอม แต่ถ้าให้ดีก็ขอลองลิ้มชิมรสจูบจากริมฝีปากอวบอิ่มนั่นสักหน่อยก็แล้วกัน ดูท่าทางจะหวานดีใช่หยอก
“ว้า...น่าเสียดายจังที่มัดหมี่จำผมไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมทบทวนความจำให้ดีกว่านะ” มือใหญ่คว้าเอวเล็กคอดและดึงอย่างรวดเร็ว จนเรือนกายบอบบางถลาเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดหนาและแข็งแกร่ง อีกมือจับปลายคางมนพร้อมกับก้มหน้าลงไปหาอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับลงไปบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็ม บดคลึงด้วยแรงปรารถนาที่ซุกซ่อนอยู่ในเรือนกายตั้งแต่เมื่อแรกที่ได้เห็นแม่สาวน้อยมัดหมี่ถลาเข้ามาซบอกอุ่น มือใหญ่จับรั้งแขนเรียวยาวที่พยายามยกขึ้นประทุษร้ายกายแกร่งไพล่หลัง อีกมือก็รัดร่างน้อยจนลอยจากพื้นและพาไปยังมุมหนึ่งใกล้ห้องบอลลูม ซึ่งเป็นมุมอับลับจากสายตาคน
“อื้อ...อื้อ...” ปิยาพัชรเบิกตากว้าง ความกลัวแผ่ซ่านคลุมกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สองมือสองเท้าเย็นเฉียบ หัวใจเต้นโครมครามเหมือนกับมีใครเอากลองใบใหญ่มาตีอยู่ แต่ความโกรธเพราะถูกล่วงเกินจากชายหนุ่มซึ่งไม่เคยรู้จักก็มีมากอยู่ ทำให้พยายามเอาตัวรอดจากอารมณ์แปลกประหลาดที่โอบล้อมรอบเรือนกายอยู่ ใบหน้าขาวพยายามเบือนหนี แต่ดูเหมือนว่าริมฝีปากหนาร้อนยังคงตามติดไม่ให้ถอยหนีได้เสียด้วย
“ฉันว่าเอาไอ้หน้ากากนี่ออกดีกว่านะมัดหมี่ ให้ฉันได้เห็นหน้าเธอชัดเจนหน่อยนะสาวน้อย” ฟารฮานเปลี่ยนสรรพนามเรียกมัดหมี่เสียใหม่อย่างไม่ค่อยชินกับการใช้คำว่าผมเท่าไหร่นัก
ชายหนุ่มไม่รอให้มัดหมี่ตอบปฏิเสธ ปลายนิ้วใหญ่เกี่ยวเอาหน้ากากที่สวมใส่อยู่ตกลงบนพื้น พร้อมกับริมฝีปากหนาอุ่นร้อนทาบทับไปทั่วใบหน้ารูปไข่ อีกทั้งมือใหญ่ที่ว่างอยู่ก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย ลากไล้ไปทั่วลำตัวบอบบาง ไม่ว่าแตะไปตรงจุดใดก็ทิ้งความร้อนผ่าวเหมือนถ่านไฟทาบบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม ก่อนจะมาหยุดนิ่งบนเนินทรวงสล้างและอวบอิ่ม ปลายนิ้วลากไล้ตามรอยขอบเสื้อ
“มะ...ไม่...” ปิยาพัชรตัวสั่นระริกและอ่อนระทวย สองขาสั่นไหวเหมือนจะยืนทรงตัวไม่อยู่กับจุมพิตวาบหวามและเรียกร้อง ลมหายใจหอบพร่าเหมือนจะหายใจไม่ออก จำต้องเปิดริมฝีปากสูดเอาลมหายใจเข้าปอด แต่ไม่รู้เลยว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้กับฟารฮาน
ปลายลิ้นสากร้อนค่อยๆ ล่วงล้ำเข้าไปภายในโพรงปากนุ่ม แตะแต้มตามไรฟัน กระพุ้งแก้ม ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดเข้ากับปลายลิ้นเล็กๆ ที่พยายามขับไล่สิ่งบุกรุกออกไป ดูดกลืนซอกซอนหาความหอมหวานจากโพรงปากนุ่มอิ่มเต็มอย่างชื่นฉ่ำใจ แม้จะนอนกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกอิ่มเอมและมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่นอนด้วยก็เพียงแค่บำบัดความใคร่ แต่กับสาวน้อยในอ้อมแขนนี้กลับให้ความรู้สึกแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“จะหนีทำไมล่ะมัดหมี่” ชายหนุ่มทอดเสียงนุ่ม มือหนาซอกซอนไปด้านหลัง เกี่ยวเอาซิปรูดลงแต่ก็เพียงเล็กน้อยก่อนวกกลับมาด้านหน้า เพื่อสัมผัสกับปทุมถันกลมกลึงอย่างถนัดถนี่ที่ความนุ่มหยุ่น ทำให้เขาคิดถึงจนอดใจไม่ไหวต้องรีบปิดปากอิ่มด้วยมือหนา ก่อนละริมฝีปากอุ่นร้อนทาบลงมาตามผิวกายเนียนนุ่มและหอมกรุ่น จนได้พบกับเนินทรวงสล้างขาวผ่องซึ่งยังซุกซ่อนไว้ในกรวยสีหวาน จมูกโด่งเป็นสันกดลงไปอย่างหยอกล้อ
“ไม่มีความสุขกับสัมผัสของฉันหรือมัดหมี่”
ปากหนาขบเม้มไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่มและเกือบจะครอบครองทับทิมผลนุ่มอยู่แล้ว แต่ยังคิดได้ ถ้าเขาขืนแตะต้องไปตามแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้น มีหวังเมื่อมัดหมี่เดินเข้างานคงจะต้องเป็นที่จับตาของหนุ่มหลายๆ คน ใบหน้าคมซบซุกกับเนินทรวงขาวผ่อง ขบเม้มริมฝีปากหนาร้อนวนเวียนจากซ้ายไปขวาอย่างไม่ยอมให้สองปทุมถันอวบอิ่มได้หยุดพัก ลมหายใจสาวหอบกระชั้นและถี่รัว ทรวงอกอวบสะท้อนขึ้นและลงอย่างน่ามอง
ไม่รู้ว่ามือเล็กถูกปล่อยตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงตอนนี้มันได้เคลื่อนไปจับต้องกายกำยำและดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวใหญ่ พร้อมเอนกายบอบบางอิงแอบแนบชิดร่างหนาแกร่ง ลมหายใจหอบเป็นห้วงๆ ดวงตากลมโตเจิดจรัสเปล่งประกายระยิบระยับ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยออ้าเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
“มัดหมี่...ชื่อจริงชื่ออะไรหืม...” ฟารฮานถามเสียงหวานนุ่ม ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้แผ่วเบาไปตามเรือนกายบอบบางและซอกซอนบีบนวดลำขาเรียวยาวแผ่วเบา ใบหน้าคมซบซุกขบเม้มริมฝีปากหนาอุ่นร้อนกลับขึ้นไปใหม่ ริมฝีปากหนาขบเม้มปลายติ่งหู และรอฟังคำตอบจากเรียวปากอวบอิ่ม แต่เมื่อเห็นว่าแม่สาวมัดหมี่ยังไม่ยอมที่จะตอบคำถาม ปลายลิ้นสากร้อนจึงกระเซ้าเย้าแหย่ไปในช่องหูนุ่ม
ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้ม คลื่นความร้อนผ่าวจากกึ่งกลางท้องน้อยแผ่ซ่านโอบรอบเรือนกายอย่างรวดเร็ว สองมือเล็กที่จับเสื้อตัวใหญ่ไว้สั่นเทา ใบหน้าขาวสวยแหงนหงายไปด้านหลัง ความร้อนผ่าวทาบทับตั้งแต่เนินทรวงอวบอิ่ม ตลอดไปจนถึงลำคอและใบหูนุ่ม
“ว่าไงมัดหมี่...ชื่อจริงชื่ออะไร แล้วทำงานกับซัลจาร์ไท คอร์ปอร์เรชั่นมานานเท่าไหร่แล้วหืม...” มือใหญ่ลากไล้บีบนวดเรือนกายบอบบางผ่านผ้าเนื้อนุ่มเข้าไปกอบกุมปทุมถันอวบอิ่ม ปลายนิ้ววนเวียนรอบผลเชอรี่ก่อนกดคลึงแรงๆ จนร่างน้อยสะดุ้ง
“ปิ...ปิยาพัชร ทำงานกับซัลจาร์ไท คอร์ปอร์เรชั่นมาหะ...หกเดือนแล้วค่ะ”
“ทำแผนกไหนล่ะ” ฟารฮานไม่ยอมให้โอกาสดีที่มีหลุดรอดหายไป เสียดายว่าถ้าคืนนี้จัดงานที่บริษัท เขามีห้องพักส่วนตัวอยู่ด้านบน จะได้อิงแอบแนบชิดและมีความสุขกับแม่สาวมัดหมี่ แต่เมื่อยังอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมก็คงทำได้เพียงแค่เอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน แต่คนอย่างเขาไม่ยอมให้สาวน้อยแสนสวยและหวานแบบนี้หลุดรอดน้ำมือไปได้หรอก ก็ทั้งหวานและหอมยั่วใจขนาดนี้ ใครปล่อยให้หลุดรอดเงื้อมมือไปก็โง่เต็มทีแล้ว