“มันจะไม่แรงไปหน่อยหรือค่ะ พวกเราก็แค่ชอบพี่เท่านั้น ไม่เห็นต้องตำหนิหรือดุด่าพวกเราขนาดนี้เลย” สาวน้อยนามหลินหลินโวยขึ้นอย่างไม่ชอบใจกับคำพูดของสาวหล่อที่เธอให้ความสนใจ
“มันไม่มากไปหรอกสาวน้อย เพราะถ้าพวกเธอเป็นลูกหรือน้องสาวของฉัน รับรองได้เลยว่าชีวิตพวกเธอได้ดับอนาถแน่”
“...” สาวน้อยทั้งสองถึงกับเงียบกริบ หน้าแดงก่ำเพราะความตกใจผสมกับความหวาดกลัวเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นมองสาวหล่อที่ยืนตำหนิพวกเธอ
“ดูจากหน้าตาแล้วพวกเธออายุน่าจะไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ แต่กล้าวิ่งเข้ามาขอเบอร์ผู้ชายแบบนี้ คิดบ้างหรือเปล่า?...ว่ามันอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตของพวกเธอได้” ลัลนาพูดตำหนิสองสาวต่ออย่างเหลืออด
“เอ่อ...” สาวน้อยทั้งสองยิ่งพูดไม่ออกเมื่อเจอคำถามของสาวหล่อ
“ถ้าเจอผู้ชายดีๆ มันก็ดีไป แต่ถ้าเจอพวกไม่ดีขึ้นมาล่ะ พวกเธอจะทำยังไง หน้าตาพวกเธอก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ ถ้าถูกพวกไม่ดีลากไปข่มขืนหรือรุมโทรมพร้อมกับถ่ายคลิปเอาไว้เอาไปแพร่บนอินเทอร์เน็ต แบบนั้นชีวิตพวกเธอไม่ยิ่งดับอนาถหรอกเหรอ? ต่อให้พ่อแม่ของพวกเธอรวย มีอิทธิพลมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยพวกเธอได้ทันหรอก อะไรที่มันเสียไปแล้ว มันไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้หรอกนะ” คำพูดของลัลนาเรียกความสนใจจากลูกค้าที่อยู่ภายในโรงแรมได้ไม่น้อย ทุกสายตาพุ่งมายังจุดที่บรรดาสาวน้อยทั้งห้ายืนอยู่ รวมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของร่างสูงโปร่งระหงก็เป็นเจ็ดคนด้วยสีหน้าแปลกใจและสงสัยไม่ต่างกัน
“พวกเราไม่ทันคิดนะคะ” สาวน้อยนามหลินหลินเป็นคนพูดออกมาทันทีที่สาวหล่อพูดจบ เธอลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท นั่นสินะ...ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างที่สาวหล่อผู้นี้พูดจริงๆ ทุกอย่างก็คงสายไปแล้ว ถึงจัดการพวกที่ทำร้ายเธอได้ ก็ใช่ว่าจะทำให้ชีวิตเธอกลับมาเหมือนเดิมได้
“ฉันเตือนเพราะความหวังดี” ลัลนาพูดจบก็เดินออกมาจากโรงแรม เสียเวลาอยู่กับเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นเกือบยี่สิบนาที ให้ตายเถอะ หน้าตาและบุคลิกเธอนี่มันชอบเรียกความซวยเข้ามาในชีวิตจริงๆ
“ถ้าพวกเธอไม่มีอะไรแล้ว...ฉันขอตัว”
“ฉันกลับบ้านก่อนนะเหม่ยจู”
“อ้าว...แล้วไม่ไปเที่ยวกันต่อเหรอหลินหลิน”
“ไม่ล่ะ ฉันกลับบ้านเลยดีกว่า”
“ทำแบบนี้ได้ไงหลินหลิน พวกเรานัดรุ่นพี่เอาไว้ที่ผับแล้วนะ” หนึ่งในเพื่อนสนิทอีกคนของหลินหลินพูดขึ้น ขณะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินหลินและเหม่ยจู
“นั่นสิ พวกเราอุตส่าห์นัดพี่ไมเคิลออกมาให้แกนะหลินหลิน”
“ฝากขอโทษพี่ไมเคิลของแกด้วยล่ะกันซาร่า” สาวน้อยหลินหลินหันไปบอกเพื่อนสนิท ก่อนเดินออกมาจากโรงแรมของญาติหนุ่ม สายตามองตรงไปยังร่างสูงโปร่งระหงของสาวหล่อที่เดินไปขึ้นแท็กซี่หน้าถนนใหญ่ด้วยแววตาลุ่มลึก ก่อนเดินไปขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกจากโรงแรมมุ่งหน้ากลับบ้าน
///////
วันต่อมา...
ลัลนารีบตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวออกไปทัวร์กรุงปักกิ่ง หลังจากกลับมาจากทานอาหารเมื่อคืน เธอก็ซื้อคู่มือนำเที่ยวมาอีกสองเล่มพร้อมกับแผนที่นำเที่ยวกรุงปักกิ่ง และที่ลืมไม่ได้ก็คือแหล่งอาหารขึ้นชื่อที่เธออยากไป เกือบเก้าโมงเช้าลัลนาก็ออกมาจากห้องพัก แวะทานอาหารที่ห้องอาหารและดื่มกาแฟแก้วหนึ่ง ก่อนออกมานั่งตรวจเช็คสถานที่ท่องเที่ยวของเธอในวันนี้อีกครั้งตรงโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ของโรงแรม
โดยที่ลัลนาไม่รู้เลยว่าปัญหาใหญ่กำลังพุ่งเข้ามาชนเธออีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าครั้งนี้หนักหนาที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ เสียงทะเลาะอยู่ด้านหลังเธอไม่สามารถทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์สนใจได้ เพราะหูทั้งสองข้างถูกปิดเอาไว้ด้วยหูฟังราคาแพง บวกกับเพลงที่เปิดอยู่ ทำให้กลบเสียงทะเลาะของลูกค้ากลุ่มหนึ่งซึ่งนั่งอยู่โซฟาหลังเธอได้อย่างดี
“เรื่องนี้เราคุยกันแล้วนะคะน้าเหวิน”
“แต่เธอไม่ควรทำแบบนี้ รู้ไหมว่ามันสร้างปัญหาให้ฉันแค่ไหน”
“แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของเยวี่ยเอ๋อร์นะคะน้าเหวิน เยวี่ยเอ๋อร์โตแล้วนะคะ สิ่งที่เยวี่ยเอ๋อร์มันธรรมดาจะตายไป เพื่อนเยวี่ยเอ๋อร์ยังทำได้เลย แล้วทำไมเยวี่ยเอ๋อร์ถึงทำไม่ได้ล่ะคะ”
“เธอเพิ่งจะสิบแปดนะเยวี่ยเอ๋อร์ เธอควรตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่ใช่วิ่งไล่จับผู้ชายแบบนี้” น้าเหวิน หรือ เจ้าเหวินหลงเตือนหลานสาวคนโตเสียงกร้าว ดวงตาคู่คมกริบมองลูกสาวของพี่สาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก ความจริงแล้วหน้าที่ดูแลอบรมลั่วเหม่ยเยวี่ยและลั่วหลินหลิน นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขาเลย เพราะพี่สาวเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน เขาเลยจำเป็นต้องรับลูกสาวทั้งสองของพี่สาวมาดูแล ส่วนบิดาผู้ให้กำเนิดหลานสาวทั้งสองของเขา ก็หายหน้าหายตาไปทันที หลังจากเสร็จงานศพของภรรยา
“จำไม่ได้หรือไงเหม่ยเยวี่ยว่าฉันเป็นผู้ปกครองของเธอ”
“ทีหลินหลินไล่จับผู้ชาย น้าเหวินไม่เห็นว่าสักคำ แต่พอเยวี่ยเอ๋อร์จะมีแฟนบ้าง น้าเหวินกลับมาด่าเยวี่ยเอ๋อร์แบบนี้ มันไม่ยุติธรรมเลย” เยวี่ยเอ๋อร์ หรือ ลั่วเหม่ยเยวี่ยร้องถามผู้เป็นน้าอย่างน้อยใจ เธอทำอะไรก็ไม่ถูกใจสักอย่าง ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็ผิดเสมอ ไม่เหมือนหลินหลิน รายนั้นจะทำอะไรก็ถูกเสมอ อยากได้อะไรก็ได้ แบบนี้ไม่เรียกว่าลำเอียงแล้วเรียกว่าอะไรกันล่ะ!
เจ้าเหวินหลงหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม เมื่อหลานสาวพาดพิงไปถึงหลานสาวอีกคน ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าหลานสาวคนเล็กประพฤติตัวยังไง แต่จะให้คอยตามดูแลทุกฝีก้าวคงไม่ได้ เขามีงานที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ถึงเขาไม่ชอบพฤติกรรมของหลานสาวคนเล็กก็ตามที แต่หลานสาวคนเล็กก็ยังทำตัวดีกว่าหลานสาวคนโตมากทีเดียว อย่างน้อยหลานสาวคนเล็กก็ไม่บ้าผู้ชายเหมือนหลานสาวคนโต คนที่คุมยากก็นั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่แหละ เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่น ไม่นึกถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเลยหรือไงกัน?
“น้าเหวินลำเอียง รักหลานไม่เท่ากัน” ลั่วเหม่ยเยวี่ยบอกอย่างน้อยใจกับสิ่งที่อาหนุ่มกระทำลงไป
“เป็นอย่างนั้นเหรอ? ฉันลำเอียงรักหลานไม่เท่ากันแน่หรือเยวี่ยเอ๋อร์”
“ใช่ค่ะ น้าเหวินรักหลานไม่เท่ากัน น้าเหวินรักยัยหลินหลินมากกว่าเยวี่ยเอ๋อร์ ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละค่ะ”
“งั้นฉันควรรักหลานให้เท่ากันสินะ” เจ้าเหวินหลงถามย้ำเสียงเข้มขึ้น
“ค่ะ” ลั่วเหม่ยเยวี่ยรับคำอย่างงอนๆ
“ดีมากเยวี่ยเอ๋อร์ ดีมากที่เธอพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ ฉันจะได้จัดการให้มันเด็ดขาดเสียที” เจ้าเหวินหลงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มจัด เขาควรจัดการเรื่องของหลานสาวทั้งสองให้เด็ดขาดเสียที นั่นก็คือส่งหลานสาวคนเล็กเข้าโรงเรียนประจำ ส่วนหลานสาวคนโตก็ส่งกลับไปอยู่บ้านเดิมที่พี่สาวเคยอยู่ พร้อมกับจำกัดค่าใช้จ่าย นับตั้งแต่เขารับทั้งสองมาอยู่ด้วย ดูเหมือนหลานสาวคนโตจะใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก อยากได้อะไรก็ซื้อ โดยไม่คำนึงเลยว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้หรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ชอบแหกกฎที่เขาตั้งเอาไว้เสมอ นี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่เขายอมรับไม่ได้
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...