Out to be
:: 2 ::
หรือจะเป็นเพราะอุบัติรัก
ด้วยเพราะรอคิงอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานที่อู่พ่อฉัน อู่จะปิดเวลาสองทุ่มและคิงมักจะไปทำเวลาที่เลิกเรียน พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรให้เงินเป็นรายชั่วโมงให้กับเขา อีกอย่างคิงใกล้ฝึกงานแล้วกับเทอมสองก็เลยเหมือนมาเรียนรู้ไปในตัว ระหว่างนั้นฉันก็เอาของกินที่พี่เคลียร์ซื้อมาเพราะเป็นห่วงน้องชายอย่างมาก เนื่องจากเธอย้ายไปอยู่กับพี่สองถึงจะไปๆ มาๆ ก็ไม่ได้ค้างที่คอนโด ส่งผลให้คิงจะพาใครมานอนที่นี่ก็ได้โดยไม่ต้องเกรงใจพี่สาว
เมื่อเอาของสดแช่ตู้เย็นและของแห้งใส่บนชั้นในครัวก็เดินออกมาปะทะเข้ากับร่างสูงที่สวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีด ดีหน่อยที่ไม่ได้สวมเสื้อช้อปของวิทยาลัยถึงว่าทำไมให้ฉันรอกลับพร้อมกัน เพราะขืนมาตอนที่คิงกำลังไปเรียนหรือมีเรียน ฉันคงไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเขาหรอก มองร่างสูงที่เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดขวดก็โยนใส่ถังขยะ
“พรุ่งนี้ฉันเลิกเรียนเร็วจะแวะมาทำความสะอาดห้องให้ นายเลิกเรียนกี่โมง?”
“บ่ายโมง” ฉันเลิกเรียนตอนเที่ยงเดี๋ยวแวะมาทำความสะอาดให้หน่อยดีกว่า ถึงคิงจะรักสะอาดแต่บางอย่างมันก็ดูสกปรกยังไงบอกไม่ถูกดิ พี่เคลียร์ไม่อยู่ห้องเลยซกมกไปหมด “พรุ่งนี้ทำความสะอาดเสร็จ เดี๋ยวคืนคีย์การ์ดให้”
“ไม่ต้อง” คิงบอกปัดและเดินไปหยิบมือถือยัดลงกระเป๋ากางเกงพร้อมกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ “เคลียร์ให้เธอ เอาไปคืนกับเคลียร์”
“ฉันก็ไม่รู้จะบังเอิญเจอพี่เคลียร์ตอนไหน”
“งั้นก็เก็บไว้” ทิ้งตัวนั่งลงสวมรองเท้าหุ้มข้อสีดำตัดขาวและเอี้ยวใบหน้าที่แสนเย็นชามามองฉัน “เผื่ออยากมาหาฉัน จะได้ไม่ต้องมานั่งรอข้างนอกให้เสียเวลา”
“มาแล้วเจอภาพบาดตาก็ไม่อยากมาหรอก”
“แสดงว่าเห็นฉันกับโรส?”
“...”
“โกหกเหรอผิง” ร่างสูงลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินต้อนฉันจนแผ่นหลังกระทบกับกำแพงห้อง คิงเอามือยันกำแพงเพื่อไม่ให้ฉันขยับหนีเขาไปไหน ขณะโน้มใบหน้าลงมาใกล้จำต้องเอามือยันแผงอกแกร่งให้ถอยห่าง “ไม่มีมารยาท”
“เออ ฉันมันไร้มารยาทที่แอบดู แอบฟังนายกับเธอ พอใจยัง?!”
“ขึ้นเสียงทำไม” หึงไง ไม่เข้าใจเหรอเด็กบ้า!
“ไปได้ยัง ฉันมีรายงานต้องทำ”
“คืนนี้แวะไปหา”
“ไม่ต้อง”
“ห้ามได้?”
“จะล็อกกลอนหน้าต่าง อยากมาก็ตามใจ”
ผลักร่างสูงให้ถอยห่าง จากนั้นฉันก็เดินนำคิงเข้ามาในลิฟต์เขาก็หัวเราะในลำคอจนฉันหันไปมองค้อนเขา เหอะ ยังมีหน้ามาขำฉันอีกนะ ตัวเองทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นต่อหน้าฉันได้ลงคอ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยให้ตายสิเด็กบ๊อง!
คิงเดินออกจากลิฟต์ออกจากคอนโดก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ Harley สีดำด้านราคาเจ็ดแสน ซึ่งป้าวิไลที่อยู่ต่างประเทศซื้อให้คิงขับไปเรียนและขับไปไหนมาไหน คิงบอกเสมอว่าชอบขับมอเตอร์ไซค์มากกว่าแต่ก็ไม่คิดไงว่าจะเลือกรถคันเกือบล้านมาขับ เป็นรถทรงสวยมากและมีเบาะให้นั่งซ้อนท้ายแบบแยกด้วย ฉันรับหมวกกันน็อกสีดำมาสวมและนั่งหันข้างเอากระเป๋าผ้าวางบนตัก พอคิงออกตัวรถกระชากแบบแรงๆ ส่งผลให้ฉันตกใจรีบกอดเอวสอบเอาไว้แน่น
“ว้าย!” กรีดร้องจนเสียงดังลั่นจากนั้นก็ฟาดมือลงบนแผ่นหลังกว้างอย่างแรง “จะออกตัวก็บอกก่อนสิ”
“ไม่มีใครบอก เวลาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ให้กอดเอว”
“ไม่มี” ปกติได้นั่งซ้อนท้ายคิงบ่อยๆ ซะที่ไหนกันล่ะ นับครั้งได้ รอบนี้คือครั้งที่สองด้วยซ้ำ
“บอกแล้วก็จำไว้ด้วย”
“ก็ไม่ได้ซ้อนท้ายนายบ่อย ไม่เห็นต้องจำ”
“งี่เง่านะ คืนนี้โดนดี”
“ฝันไปเถอะ” คืนนี้ฉันจะล็อกหน้าต่างและแกล้งไม่สนใจถ้าคิงมาเคาะเรียก เชื่อสิ! ฉันจะไม่ยอมเขาเหมือนกัน ลงโทษเด็กบ้าที่กล้าทำเรื่องนั้นต่อหน้าฉัน ถึงคิงจะไม่ได้สนใจก็เถอะ มองค้อนเขาที่ขับรถออกจากคอนโดเพื่อตรงไปยังอู่ซ่อมรถของพ่อฉันที่อยู่ห่างไกลจากคอนโดคิงประมาณสิบห้านาทีได้ไม่บวกรถติดนะ สายตาของฉันมองไปยังวิวข้างทางที่ไม่ได้มีอะไรน่ามองเท่ากับแผ่นหลังกว้างของเด็กคนนี้ อายุ 18 แต่โตเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แถมชอบให้ร่างกายตัวเองมีร่องรอยการถูกทำร้าย
ฉันก็ไม่รู้นะว่าคิงกับเพื่อนทำไมถึงชอบหาเรื่องใส่ตัวกันด้วย ชอบกันหรือไงที่ไปหาเรื่องหรือดักเจอคู่อริเนี่ย ขึ้นสถานีตำรวจก็แล้ว ไม่คิดจะจำเลยอยากรู้เหมือนกันนะว่าถ้าคนรอบข้างของคิงเป็นอะไรไปอีกสักคน ถึงตอนนั้นเขาจะยอมหยุดเรื่องนี้หรือเปล่า? เด็กหัวดื้ออย่างเขาก็คงจะไม่ยอมง่ายๆ หรอกมั้ง
อู่ซ่อมรถเฮียเข้ม
รถของคิงมาจอดที่หน้าทางเข้าอู่ซ่อมรถของพ่อฉันใต้ต้นไม้ใหญ่มีรถมอเตอร์ไซค์แบบเดียวกับคิงแต่คันละสีจอดสามคัน ฉันกระโดดลงจากรถของคิงและถอดหมวกกันน็อกให้คิงที่ยกมือยีเส้นผมสีดำสนิทของตัวเอง รอยสักบนตัวของคิงและใบหูที่เจาะทั้งสองข้างดูเหมาะกับเขาทุกอย่าง ทรงแบดบอยสาวไม่กรี๊ดก็บ้าแล้ว
“มาแล้วเหรอมึง มากับผิงได้ไงอะ?” ฉันเดินเคียงคู่เข้ามาในอู่ของพ่อที่กว้างใหญ่เป็นโดมแบบยกสูงด้านบนจะทำเป็นทรงตัวแอลมีบันไดขึ้นไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของพ่อและเป็นห้องรับรองลูกค้าที่เอารถมาซ่อม เสียงเครื่องมือกระทบกันดังไปทั่วและช่างของที่อู่ของพ่อมีประมาณสิบกว่าคนยังไม่รวมคิงกับเพื่อนที่ประกอบไปด้วยแต้งท์ เอ็ม ชุนและหม่อง
เด็กช่างกลุ่มคิงหล่อเกินต้านจริงๆ นั่นแหละ เหตุผลที่มีลูกค้าผู้หญิงเอารถมาซ่อมที่อู่ก็เป็นห้ายอดกุมารที่หน้าตาดีจนเรียกลูกค้าขาประจำเอารถมาเช็กได้ทุกวี่ทุกวัน ใช่ไง พวกเขาเพิ่งอายุสิบแปดแต่ก็บรรลุนิติภาวะกันแล้ว ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่สนใจผู้หญิงที่ไหน ก็นะนิสัยไม่มีแฟนแต่ถูกใจสาวคนไหนก็นอนไปเรื่อย
“ผิงแวะเอาของที่เคลียร์ฝากไปที่ห้อง”
“แบบนี้เอง ถึงว่ามาด้วยกันได้” แต้งท์เอ่ยปากแซวพลางกอดคอคิง “วันนี้แดกเหล้ากัน”
“เออกูเห็นด้วย กูเสี้ยนเหล้าจัด” ชุนบอก ส่วนฉันก็ยืนกอดอกมองกลุ่มคิงที่ยืนคุยกันเสียงดังแข่งกับเสียงซ่อมรถที่ดังกึกก้องไปทั่วอู่
“ขนมผิง!” หากแต่ว่าเสียงอันทรงพลังก็ดังขัดจังหวะพวกเราทั้งหมด ส่งผลให้หันขึ้นไปมองด้านบนก็เห็นพ่อยืนเท้ามือบนราวเหล็กกั้นและมองฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ขึ้นมาหาพ่อหน่อย”
“ค่ะ”
“ผิงจะโดนเฮียเข้มดุปะ ยิ่งเฮียไม่อยากให้มายุ่งกับไอ้คิงด้วย” ฉันสบตากับเอ็มที่ยักไหล่ราวกับกลัวพ่อฉันมาก ยกเว้นก็แต่คิงที่ไม่ได้เกรงกลัวพ่อฉันเลย อาจจะเป็นเหมือนมือขวาของพ่อเรื่องที่เขาทำงานได้ดีจนพ่อชมอยู่บ่อยครั้ง แต่ใช่ว่าทำงานดีแล้วพ่อจะชอบนะ เปล่าเลย พ่อชมแค่งานส่วนเรื่องอื่นพ่อก็ยังไม่ชอบคิงอยู่ดีนั่นแหละ
“เฮียจะดุได้ไง รู้ๆ อยู่ว่าผิงน่ะ...” หม่องปิดท้ายราวกับจะพูดอะไรแต่พอเห็นแววตาของฉันก็กลืนคำพูดนั้นลงคอไป
“ไปทำงานดีกว่า! เลิกงานจะได้ไปกินเหล้ากัน แยกย้ายๆ”
ทั้งห้าคนต่างพากันแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ฉันยืนมองคิงที่ถอดแหวนเงินที่เขาชอบสวมใส่ออกจากนิ้วมือและยัดลงกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็เดินผ่านหน้าฉันไปหยิบอุปกรณ์เพื่อซ่อมรถและคุยกับคนงานประจำอู่ที่จะมอบหมายงานให้กับเขา ฉันสูดลมหายใจเข้ากระชับถุงเสื้อผ้าในมือเดินขึ้นบันไดไปด้านบน เคาะประตูห้องทำงานพ่อเปิดเข้าไปเห็นพ่อกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานกำลังเคลียร์เอกสารของลูกค้าอยู่ พ่อมองฉันที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาขณะที่ท่านถอดแว่นสายตาออก
“พ่อมีอะไรจะคุยกับผิงเหรอคะ?”
“ผิง พ่อว่าพ่อบอกผิงชัดแล้วนะ” ไม่ต้องเดาให้มากเรื่องที่พ่อจะบอกคือเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องของคิง “ลูกมีแฟน ชอบใครหรือรักใครพ่อไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่คิง”
“...”
“ลูกรู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร?”
“ผิงรู้ค่ะ”
“แล้วทำไมถึงยังไปไหนมาไหนกับคิง เกิดเจอคู่อริต่างสถาบันขึ้นมา ผิงจะเป็นอันตรายนะ” ฉันนั่งเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นขณะนั่งฟังพ่อบ่นเรื่องนี้ทุกครั้งที่เห็นฉันไปไหนมาไหนกับคิง รู้ว่าพ่อเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน
“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ผิงดูแลตัวเองได้”
“พ่อไม่ได้ห่วงเรื่องนี้” พ่อจ้องหน้าฉันตาเขม็ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมมานั่งโซฟาตรงข้ามกัน “คิงไม่ใช่ผู้ชายที่ดี คิงปกป้องลูกไม่ได้ด้วยซ้ำ ขนาดพี่สาวตัวเองโดนคู่อริทำร้าย คิงยังไม่หยุดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”
“...”
“นับประสาอะไรกับผิงที่เป็นแค่คนอื่น พ่อเตือนลูกด้วยความหวังดีนะผิง ลูกโตแล้วพ่อไม่อยากบังคับขู่เข็ญลูก โดยเฉพาะเรื่องความรัก” ใช่ เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้หรอก “ลูกรู้อยู่แก่ใจว่าคิงเป็นผู้ชายยังไง อย่าเอาใจตัวเองลงไปเล่นให้เจ็บฟรีๆ สิ ลูกมีค่านะผิง”
“ผิงขอบคุณนะคะที่พ่อเป็นห่วง”
“แล้วลูกจะเข้าใจ ในสิ่งที่พ่อเตือนด้วยความหวังดี” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้กับพ่อที่ถอนหายใจ “กลับบ้านเถอะ”
“ค่ะ”
หลังจากพ่อสวดฉันเสียยกใหญ่และอีกนานก็คงไม่ได้เรียกมาบ่นบ่อยๆ หรอก พ่อเป็นผู้ชายที่แบบบ่นแล้วฉันฟังก็คือฟัง ไม่เชื่อก็อีกเรื่องให้ตัดสินใจ ให้ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ฉันรู้ว่าพ่อเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน หากแต่ว่าฉันเองก็ยังมีความหวังว่าจะทำให้คิงหันมามองฉันบ้างและถึงตอนนั้นที่ฉันเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเอาชนะใจเขา เมื่อนั้นฉันจะหยุดเองไม่ต้องรอให้พ่อมาสั่งหรือบังคับ เพราะหัวใจของฉันมันบังคับของมันเองได้ไง
ฉันเดินผ่านอู่ซ่อมรถระหว่างนั้นก็เสมองคิงที่นอนอยู่ใต้ท้องรถก่อนจะขยับออกมาเลือกอุปกรณ์สำหรับซ่อม เขาเงยหน้ามองฉันแวบหนึ่ง พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันดำๆ ฉันก็ผุดขำขึ้นมาจนคิงขมวดคิ้ว เดินผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วเปิดประตูรั้วสีขาวขนาดเล็กเข้ามาในบ้านที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างปูหญ้าและปลูกต้นไม้ล้อมรอบ แม่ของฉันเป็นแม่บ้านและมักจะไปช่วยพ่อที่อู่อยู่เสมอ แม่น่ะเป็นกุลสตรีสุดๆ ส่วนฉันน่ะเหรอแทบจะไม่ได้แม่มาเลยด้วยซ้ำ
“กลับมาแล้วค่ะ”
“เรียนเป็นยังไงบ้างลูก?”
“ดีค่ะ” แม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและอ่อนโยน ก่อนที่ฉันจะก้าวเท้าขึ้นบันไดเพื่อขึ้นห้อง “ผิงขอไม่ทานข้าวเย็นนะคะ วันนี้ต้องทำรายงาน”
“งั้นแม่ทำแซนวิชให้ดื่มกับนม เอาไหม?”
“ขอบคุณนะคะ”
โน้มใบหน้าจูบแก้มแม่ที่กำลังกวาดบ้านอยู่ อันที่จริงฉันช่วยงานบ้านเกือบทุกอย่าง ส่วนใหญ่ทำแค่หยุดเสาร์อาทิตย์เพราะแม่บอกว่าให้ฉันตั้งใจเรียนดีกว่า เข้าห้องมาฉันก็วางกระเป๋ากับของทุกอย่างลงบนเตียง มองไปยังบานหน้าต่างที่คิงชอบปีนมาหาเวลาที่อยากทำกับฉัน ดังนั้นวันนี้ฉันจะลงโทษเขาเหมือนกันที่ให้ฉันเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนั้น ดังนั้นจึงลงกลอนประตูปิดผ้าม่าน ตั้งใจหลังจากทำรายงานเสร็จก็จะแต่งนิยายต่อ ทว่าตอนนี้ฉันก็เปลี่ยนชุดนักศึกษาที่สวมใส่เป็นชุดที่น้ำหนึ่งซื้อให้ พอสวมแล้วมองกระจกฉันเองก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย หุ่นก็ดีแต่เป็นพวกที่เทสการแต่งตัวไม่ค่อยเก่งดังนั้นก็เลยมักจะแต่งแนวสาวเท่จนบางทีไปไหนกับน้ำหนึ่งคนมองว่าฉันน่ะเป็นแฟนกับน้ำหนึ่งเลยนะ
[50%]
*---------------------------------------------------------*