Out to be
:: 9 ::
เด็กช่างยนต์ & เด็กช่างกล
วิทยาลัยอาชีวะ xx
ผมกับพวกไอ้แต้งท์ตื่นกันเกือบเที่ยงดีหน่อยที่มีเรียนแค่วิชาเดียวเท่านั้นเป็นการเรียนภาคปฏิบัติและพื้นฐาน เพื่อเตรียมตัวสำหรับฝึกงานเทอมสองที่กำลังจะมาถึงอีกนานหลายเดือน รั้ววิทยาลัยมีหลากหลายสาขาช่างเป็นวิทยาลัยช่างส่วนใหญ่และมีผู้ชายเรียนถึง 90% ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะมีเรียนไฟฟ้ากับอิเล็กทรอนิกส์ซะมากกว่า หลังจากเรียนเสร็จพวกผมก็ขับรถมาจอดที่หน้าวิทยาลัยยืนพิงรั้วสูบบุหรี่โดยหันไปมองไอ้ชุนกับไอ้หม่องที่ยืนกอดคอสาวบัญชีที่ควงกันๆ อยู่ ตรงนี้มีกลุ่มผมและกลุ่มของเด็กช่างคนอื่นที่ซื้อของกินข้างทาง
นิ้วมือขวาผมคีบบุหรี่เข้าปากจากนั้นก็พ่นควันสีเทาพวยพุ่งเหนือศีรษะ สางเส้นผมสีเดียวกับควันที่ลอยและหายวับไปกับตาขึ้นไป ส่งผลให้สาวๆ หลายคนที่เดินผ่านหน้าผ่านตามองผมราวกับต้องการจะทำความรู้จัก ผมสวมเสื้อช้อปสีเทาและด้านในเป็นเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อคู่โปรดพลางพูดคุยกับไอ้แต้งท์ที่นั่งยองๆ คีบบุหรี่อีกมือก็ถือแก้วชานมไข่มุก ดูแบบอ่อนหวานเชียวนะทั้งที่หน้าตาอยู่ในโหมดโหดแต่ดูดชานมสตอร์วเบอรี่แก้วละสิบบาทหน้าวิทยาลัยที่มีของกินจอดเรียงเกือบห้าถึงหกร้าน มอเตอร์ไซค์จากนักเรียนในวิทยาลัยจอดเรียงตรงฟุตบาทเพราะด้านในรถจอดจนล้นออกมาก็คิดดูเอาเองว่าใหญ่โตขนาดไหน
“มึงไปไหนต่อวะไอ้คิง”
“ทำงานที่อู่เฮียเข้มไง หรือมึงจะไม่ไป?” ไอ้เอ็มยักไหล่พลางหันไปฉีกยิ้มให้กับสาวบัญชีที่สวยมาก
“พอดีกูไม่ว่างแล้วว่ะ”
“แล้วแต่” ผมเบ้ปากและทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นจากนั้นก็หยิบแก้วน้ำหวานดื่มแก้คอแห้ง
“คิงไม่อยากไปสนุกด้วยกันเหรอ?” สาวบัญชีที่เป็นกลุ่มเพื่อนกันเอ่ยถามผม ราวกับเธอกำลังหาคู่อยู่ด้วยซ้ำไป
“ไม่อะ”
“เธอไม่ต้องไปชวนมันหรอก มันอยากสนุกกับใครเดี๋ยวมันก็สวบเอง” ไอ้ชุนเป็นคนให้คำตอบสาวคนนั้นที่ดูเหมือนจะหัวเสียเล็กน้อยที่ผมปฏิเสธไปหลับนอนกับหล่อน “มึงล่ะไอ้แต้งท์”
“น่าจะไปอู่กับไอ้คิงว่ะ กูขี้เกียจ”
“มึงนี่ตั้งแต่พี่เคลียร์มีแฟนคือไม่ค่อยเอาสาวเลยนะ” ดูเหมือนไอ้หม่องจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ส่งผลให้ไอ้แต้งท์ถึงกับนิ่งไปทันทีและดูดชานมไข่มุกไม่ตอบอะไร “กูขอโทษ”
“ช่างแม่งเหอะ” ไอ้แต้งท์ตอบ ผมเพิ่งจะรู้ว่าไอ้แต้งท์แอบชอบเคลียร์มานานแล้ว ทว่าเคลียร์กลับไม่เคยคิดอะไรกับไอ้แต้งท์และมันเองก็ไม่ได้เสียใจอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่ามันไม่สบายใจเพราะกลัวผมจะว่ามันเรื่องที่มันแอบชอบเคลียร์
“เรื่องมันผ่านมาละ” เอาตีนสะกิดขามันที่พยักหน้ารับ จากนั้นผมก็สูบบุหรี่ต่ออีกมวนเพราะเวลาไปทำงานที่อู่ก็คือแทบจะไม่ได้แตะบุหรี่เลยเนื่องจากเฮียเข้มไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่
“นั่นเด็กช่างกลปะวะ มาเดินเหี้ยอะไรแถวนี้ก่อน”
ผมถึงกับหันไปมองตามที่ไอ้เอ็มพยักเพยิดหน้า ไอ้แต้งท์ลุกขึ้นยืนมองกลุ่มเด็กช่างกลที่สวมเสื้อช้อปสีกรมท่า เดินคีบบุหรี่กันทุกคนมากันเป็นกลุ่มนับสิบ อันที่จริงเด็กช่างกลจากวิทยาลัย xx ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับวิทยาลัยผมไง ดังนั้นพอเห็นพวกนั้นเดินผ่านโดยไม่เกรงกลัวว่าเจอหน้าจะวิ่งเข้าใส่ เด็กช่างวิทยาลัยผมก็มองกลุ่มเด็กช่างกลและบางคนก็เหมือนจะรีบเดินหาที่หลบเพราะกลัวว่าจะเกิดการไล่ตีกันเหมือนที่ผ่านมา
“ไอ้เหี้ยตรงกลางคงเป็นหัวโจกนะ” ไอ้แต้งท์กอดคอผมพลางจ้องมองไปยังร่างสูงใหญ่ที่สูงเท่ากับผม มีใบหน้าที่หล่อเหลาตัดผมทรงมัลเล็ตรากไทร ข้อมือซ้ายมีผ้าพันแผลพันเอาไว้และหน้าผากก็มีผ้าก็อตที่มีเลือดซึมบ่งบอกว่าคงจะผ่านสนามรบมาไม่ต่างจากผมหรอก ที่สภาพก็ไม่ได้ต่างจากกลุ่มเด็กช่างกลต่างสถาบัน “แต่เดี๋ยวนะ ช้อปมันคุ้นๆ ว่ะ?”
“...” ใช่อย่างที่ไอ้แต้งท์บอก เสื้อช้อปคุ้นตามากยิ่งกลุ่มเด็กช่างกลเดินมาใกล้ๆ สายตาของผมก็จดจ้องมองคนที่อยู่ตรงกลางมันเสมองผมพลางแสยะยิ้มมุมปากพ่นควันบุหรี่เป็นวงกลมราวกับกำลังกวนประสาทผมอยู่ ทว่าพอไล่มองชื่อที่ติดอยู่อกขวาก็ทำให้คิ้วขมวดเข้าหากันทันที
ชัชรัญ?
พอมันเดินผ่านไปผมก็ลอบมองแผ่นหลังกว้างที่ด้านหลังเสื้อช้อป เหมือนกับเสื้อที่ขนมผิงใส่มาเมื่อวานนี้ ทันทีที่กลุ่มเด็กช่างกลเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง หมอนั่นก็หันมามองผมพลางทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นราวกับกำลังจะประกาศศักดาอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้คิดไปเองแน่เพราะสายตาและรอยยิ้มมันบ่งบอกชัดเจนขนาดนั้น
“มันนั่นแหละ”
“ใครวะ?” เสมองไอ้แต้งท์ที่ทำหน้ามึนงง
“ชัชรัญ เสื้อที่ผิงใส่เมื่อวานมันเป็นคนให้”
“ถะ ถามจริง!” เพื่อนของผมถึงกับหันไปมองกลุ่มเด็กช่างกลที่เดินห่างออกไปไกล เนื่องจากถัดจากวิทยาลัยผมมันจะมีห้างและเป็นโซนร้านค้าหลากหลายให้ไปเดินเล่นหรือหาอะไรกินรองท้อง
“นั่นเชส”
“ใครนะ เธอพูดอีกทีดิ” ไอ้หม่องถึงกับถามสาวบัญชีที่ทำหน้ามึนงง “ว่าไง”
“เขาชื่อเชส เด็กช่างกลวิทยาลัย xx ไง พวกนายก็มีเรื่องกับคู่อริต่างสถาบัน ไม่รู้จักกับเชสเหรอ?”
“ไม่อะ”
“ฉันคิดว่าพวกนายรู้ซะอีก เชสเป็นเพื่อนกับโยไง โยคู่อริของพวกนาย”
“!”
ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นทันทีไม่ต่างจากสบตากับพวกมันที่ตกใจกับความจริงที่ค้นหามานาน มิน่าไอ้หม่องกับไอ้ชุนถึงได้คุ้นชื่อไอ้เชสมากๆ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แต่ผมตกใจนิดหน่อยตรงที่ทำไมต้องมีชื่อไอ้โยเข้ามาเอี่ยวอีกแล้ว มันหายหัวไปใช่ว่าจะหายไปสนิทสินะ ไอ้เวรนี่มันจะจองล้างจองผลาญผมไปถึงไหนวะเนี่ย ถึงจะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เถอะ
“มันไม่น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับมึงหรอก”
“อือ”
“คงบังเอิญที่ขนมผิงดันไปช่วยมัน” มันบังเอิญอย่างที่ไอ้แต้งท์พูดนั่นแหละ ไอ้โยคงไม่รู้หรอกว่าผมกับขนมผิงเราสนิทสนมกัน เนื่องจากผมมักจะไม่เคยไปไหนมาไหนกับเธอถ้าไม่จำเป็น “หรือมันจะชอบขนมผิงจริงๆ”
“...”
“อยู่ที่มึงแล้วนะ จะปล่อยให้มันจีบขนมผิงจริงดิ”
“กูไม่ใช่เจ้าของชีวิตผิง” ตอบไอ้แต้งท์พลางทิ้งก้นบุหรี่ที่สูบจนหมดมวนลงพื้น และใช้ปลายรองเท้าขยี้จนแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี “จะคบกับมันหรือกับใคร ก็ไม่เกี่ยวกับกู”
“เดี๋ยวดิไอ้คิง รอกูด้วย!”
ไม่สนใจคำพูดของไอ้แต้งท์ผมก็ขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองพร้อมสวมหมวกกันน็อก ขับออกจากหน้าวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับรู้เสียทีว่าผู้ชายที่เอาเสื้อช้อปให้ขนมผิงมันเป็นใคร แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะวนเวียนกับชีวิตของผมอีกจนได้คือเชสเป็นเพื่อนกับไอ้โย ผมไม่เคยรู้มาก่อนจนกระทั่งมารู้ก็ตอนนี้ หวังแค่ว่ามันจะเข้าหาขนมผิงเพราะชอบไม่ได้หวังจะทำเรื่องเหี้ยอะไรใส่เธอนะ เพราะเรื่องของผมกับไอ้โยก็คือเรื่องของศักดิ์ศรี การที่มันจะเล่นงานคนรอบข้างของผมมันไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยสักนิด ถ้ามันไม่ทำอะไรก็ดีไปแต่ถ้าเกิดทำ คราวนี้ผมไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่
เพราะเรื่องเมื่อวานทำให้เราสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกัน ไม่สิ ต้องบอกก่อนนะว่าผมเป็นพวกที่ไม่ชอบคุยก่อน ดังนั้นขนมผิงจะโกรธผมที่ไม่ยอมอ่านข้อความก็ไม่แปลก เธอรู้อยู่แก่ใจว่าผมไม่ชอบอ่านข้อความ ไม่ชอบโทรกลับก็ยังจะทำทั้งที่มันไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้ผมหันไปมองขนมผิงที่เลิกเรียนพร้อมผมและได้รับมอบหมายจากเฮียเข้มให้ช่วยดูแลเรื่องลูกค้าจะเอารถมาเข้าอู่กับมารับรถเนื่องจากเฮียเข้มพาแม่ของขนมผิงไปทำธุระกลับทีก็เย็นเลย
“กุญแจค่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการนะคะ”
“ไม่คิดเลยว่าเฮียเข้มจะมีลูกสาวสวยขนาดนี้” ผมหรี่สายตามองขนมผิงที่แลดูอึดอัดไม่น้อย เมื่อชายวัยกลางคนกำลังรับกุญแจจากมือเธอแต่ดันคุกคามด้วยการจับมือขนมผิงไม่ยอมปล่อย รีบสาวเท้าเดินไปหยุดด้านหลังขนมผิงที่หันมามองผม
“รถมีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีนี่”
“แล้วทำไมยังไม่ไสหัวกลับไป”
“อะ อะไรนะ!”
“คิง ใจเย็น” ขนมผิงเอามือดันหน้าท้องผมให้ถอยห่าง เพราะพูดจาไม่ดีใส่ลูกค้า เหอะ ลูกค้าหัวงูแบบนี้ไม่โดนผมกระทืบตายก็ดีแค่ไหนแล้ว ถือว่าระงับอารมณ์ได้ดีสุดๆ แล้วนะผมน่ะ “ขอโทษด้วยนะคะ นี่กุญแจค่ะ”
“ปากดีนะไอ้เด็กคนนี้”
“ยังดีกว่าไอ้แก่หัวงูลวนลามผู้หญิงรุ่นลูกก็แล้วกัน” เสียงของผมดังกึกก้องไปทั่วส่งผลให้ช่างหลายคนถึงกับหยุดการทำงานและมองมาที่ไอ้แก่บ้ากามคนนี้ ถึงกับมุดหน้าหนีขึ้นรถและขับออกจากอู่ไปทันที “ไอ้เวร”
“ใจเย็น”
“ทีหลังหัดปัดป้องบ้าง ไม่ใช่ยืนให้มันจับมือถือแขนอยู่ได้”
“ก็ทำแล้ว” ขนมผิงเถียงผมที่มองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ “หงุดหงิดเรื่องอะไรเนี่ย?”
[30%]
*--------------------------------------------------------*