Out to be
:: 8 ::
ปกป้องใครไม่ได้หรอก
“นี่มันเสื้อช้อปเด็กช่างกลที่วิทยาลัย xx นี่หว่า” แต้งท์อ่านข้อความจากด้านหลังซึ่งอย่างที่บอกเสื้อของเด็กช่างแต่ละสถาบันจะไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับเสื้อของเชสเองก็ด้วย
“ไปเอาเสื้อช้อปเด็กช่างกลมาจากไหน?” คิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“คะ คือว่า...”
“รู้จักกับเด็กช่างกลด้วยเหรอขนมผิง” คำถามนี้เป็นของเอ็มที่เดินมาจับเสื้อช้อปของเชสและมองมายังป้ายสถาบัน
“ไม่เชิง”
“อะไรไม่เชิง?” สบตากับคิงที่ยังคาดคั้นฉันด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชา “ไปเอามาจากไหน ก็แค่ตอบ”
“ฉันไม่ตอบนายก็ได้” เถียงคิงกลับไป “ส่งข้อความให้ไปรับก็ไม่เห็นอ่านข้อความ”
“เปลี่ยนเรื่องเพื่อ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นอะ ฉันจะเข้าบ้านแล้ว”
กลบเกลื่อนคำตอบของตัวเองด้วยการหมุนตัวเดินหนีคิงมาถึงบ้าน ฉันก็รีบขึ้นห้องมาทันทีพลางถอดเสื้อช้อปของเชสออกวางบนเตียงและเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นชุดธรรมดาเอาเสื้อผ้ามาแช่ไว้ก่อน เพื่อให้คราบต่างๆ ที่น้ำกระเด็นใส่หลุดจะได้ซักได้ง่ายขึ้น
บอกคิงไม่ได้หรอก... ยังไงก็บอกไม่ได้ ถึงพวกเขาจะไม่ได้มีปัญหาต่างสถาบันกันก็ตามที แต่ฉันก็แอบกลัวไงเพราะเป็นคนกลางก็ไม่ได้อยากให้สองสถาบันต้องมาเจอกันหรือมีปัญหากัน บางเรื่องคิงยังไม่บอกฉันเลย เพราะงั้นเรื่องของเชสฉันก็จะไม่บอกเขาเหมือนกัน
:: KING TALK ::
สายตาของผมลอบมองแผ่นหลังบอบบางที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินหนีไปแบบไม่คิดจะให้คำตอบผมว่า ‘ไปเอาเสื้อช้อปของเด็กช่างกลมาจากไหน?’ ทำไมขนมผิงต้องปิดบังผมด้วย ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยกับคำถามที่เกิดขึ้นในหัว
“เสื้อเด็กช่างกล รุ่นเดียวกับเราด้วยนะ แต่สถาบันนี้ไม่ใช่คู่อริสถาบันเราด้วยซ้ำ” ไอ้แต้งท์พูดขึ้น
“เมื่อกี้กูเห็นชื่อที่ปักอยู่นะ ชื่อชัชรัญ ขจรเดช” ชัชรัญ? ชื่อไม่คุ้นหูเอาเสียเลย “เดี๋ยวกูลองไลน์ถามไอ้ชุนดีกว่า มันน่าจะรู้อยู่ ยังไงสถาบันก็ไม่ได้เยอะมาก มีใครบ้างจะไม่รู้จักวะ”
“เออถามเลยไอ้เอ็ม กูอยากรู้เหมือนกัน”
“คุ้นๆ แต่กูนึกไม่ออกว่ะ” ผมลอบมองไอ้แต้งท์กับไอ้เอ็มที่กำลังส่งข้อความหาไอ้ชุนที่วันนี้ไม่ได้มาทำงานที่อู่ เนื่องจากมันกับไอ้หม่องต้องทำรายงานที่วิทยาลัยจนดึกเนื่องจากโดนอาจารย์สั่งว่าถ้ามันไม่ทำ อาจจะโดนหักคะแนนและมีผลต่อการสอบครั้งหน้า
“ไอ้คิง มึงคิดเหมือนกูไหม” จู่ๆ ไอ้แต้งท์ก็พูดขึ้นมาขณะกอดคอไอ้เอ็มที่กำลังส่งข้อความหาไอ้ชุน “ขนมผิงดูตอบไม่ตรงคำถาม ปกติไม่ใช่แบบนี้ใช่ปะ”
“อือ”
“หรือว่าเด็กช่างกลมาจีบขนมผิง”
“...” คิ้วของผมขมวดเข้าหากันทันที ฉับพลันนึกไปถึงคำถามของขนมผิงที่ถามผมวันนั้นที่คอนโดว่าถ้ามีคนมาจีบเธอ ผมจะทำยังไง ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำแค่หวังว่าถ้าผู้ชายคนนั้นมันดีก็ให้เธอเปิดใจไปเลย แต่ถ้าไม่ดีก็ถอยห่าง ดังนั้นก็เลยมั่นใจได้ว่ามันอาจจะเป็นอย่างที่ไอ้แต้งท์พูดว่าเด็กช่างกลคนนั้น กำลังตามจีบขนมผิงแน่และยัยนั่นชอบทำตัวเหมือนเคลียร์ที่เห็นใครเจ็บต่อหน้าก็พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือ
พอปะติดปะต่อเรื่องได้ผมก็ยกมือเส้นผมสีเทาควันบุหรี่ของตัวเองขึ้นไป
“ให้ตายสิวะ หาเรื่องไม่เข้าท่า”
“อะไรวะมึง”
“ผิงเคยเล่าให้ฟังว่าเห็นเด็กช่างตีกันจนหัวแตก” ผมตอบเพื่อนทั้งสองและหันกลับมาทำงานของตัวเองต่อ คือการซ่อมรถยนต์ที่เข้าอู่มาได้สองวันแล้วและวันนี้ต้องเสร็จก่อนอู่ปิด “ยัยนั่นใจดีเอาผ้าเช็ดหน้าให้เด็กช่างซับเลือด”
“กูว่าละ ใช่แน่นอน... มันคิดว่าขนมผิงอ่อยมันแน่”
“แต่ปกติเด็กช่างไม่ค่อยถอดช้อปให้ใครใส่นะ โดยเฉพาะผู้หญิงถ้าไม่อยากแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ”
“ต้องรู้ให้ได้ว่าช้อปตัวนั้นเป็นของเด็กช่างกลคนไหน” ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดและซ่อมรถโดยใช้เวลาเกือบทั้งวัน เพราะฉะนั้นผมก็เลยไม่ได้อ่านข้อความของขนมผิงไง ปกติผมเป็นพวกไม่ค่อยอ่านข้อความและไม่รับสายใครทั้งนั้นเวลาจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า “โง่”
“ด่ากูเหรอ?”
“เปล่า” ผมพึมพำกับตัวเองแต่ไอ้แต้งท์ก็เสือกได้ยินอีก ที่ผมว่าน่ะคือขนมผิงต่างหาก ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะไปรับเสื้อช้อปของเด็กช่างมาสวมได้ยังไงกัน มันอันตรายเกินไปขนาดผมเองยังไม่เคยให้เธอใส่เลยนอกเสียจากให้ถือไว้คลุมขาตอนเธอสวมชุดเดรสสั้นๆ “หงุดหงิด มึงมาทำแทนกูดิ”
“หึงหรือไง?”
“ไอ้แต้งท์” มองมันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนมันหุบปากเน่าๆ ของตัวเอง “เจอผู้ชายดีๆ ก็จะไม่ว่า”
“มันอาจจะดีก็ได้ปะ”
“...”
“อาจจะชอบขนมผิงจริงก็ได้ ติดแค่ว่าขนมผิงชอบมึงไง เลยไม่มองใคร”
“แต่ก็ไม่แน่ใจ สักวันขนมผิงอาจจะมองคนอื่นบ้าง เพราะคนที่ชอบก็ยังไม่ยอมเปิดใจให้สักที” ผมกอดอกมองไอ้แต้งท์กับไอ้เอ็มที่หัวเราะชอบใจ จนผมตบกบาลพวกมันสองตัวทันทีด้วยความหงุดหงิด “ทำไมต้องปิดตัวเองขนาดนั้นวะไอ้คิง ถ้ามึงไม่ดีขนมผิงคงไม่ชอบมึงขนาดนั้นหรอก”
“มึงจะให้กูคบกับใครได้ ทุกวันนี้ไปทางไหนก็เจอแต่คู่อริ”
“...”
“กูปกป้องใครไม่ได้หรอก แม้แต่เคลียร์เองกูก็ยังทำไม่ได้”
ถอนหายใจออกมานึกไปถึงวันที่เคลียร์พี่สาวเพียงคนเดียวของผมถูกคู่อริของผมอย่างไอ้โยทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นผมกะจะไปเอาคืนไอ้โยให้ตายห่าคาตีนด้วยซ้ำ สุดท้ายหน้าของเคลียร์ก็ลอยเข้ามาเสียก่อน ถ้าผมฆ่ามันแล้วเคลียร์จะอยู่ยังไง คิดได้ก็เลยหยุดแต่ก็เกือบติดคุกแล้วถ้าไม่ได้พี่สองแฟนเคลียร์ช่วยเหลือเอาไว้ พอเห็นพี่สาวได้เจอผู้ชายที่ดีปกป้องเธอได้ดีกว่าผม
ถึงได้วางใจว่าเคลียร์จะไม่มีวันเจอเรื่องราวบ้าๆ ที่ผมคนนี้เป็นคนสร้างมันขึ้นมาอีกต่อไป จึงเหลือแค่ขนมผิงที่ผมไม่เปิดใจให้เธอ เรื่องของเรามันเป็นความลับส่วนหนึ่งผมก็ไม่อยากให้เธอต้องเป็นแบบเคลียร์ไง ไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมกับเธอเราสนิทสนมกัน มันอันตรายเกินไปยิ่งไปกว่านั้นเฮียเข้มพ่อของขนมผิง ท่านไม่ชอบให้ผมไปยุ่งวุ่นวายกับลูกสาวของท่าน เพียงเพราะเขาเองก็เคยเป็นเหมือนกับผม ที่สูญเสียทุกๆ อย่างเพียงเพราะเคยเป็นเหมือนกับผม ท่านไม่อยากให้ลูกสาวที่ท่านรักต้องมาเสียใจเพราะคนอย่างผม ไม่อยากให้ผมเข้าใกล้เธอด้วยซ้ำ ทว่าท่านรู้อยู่แก่ใจว่าลูกสาวของท่านชอบผมมากแค่ไหน
ที่สำคัญผมไม่ได้อยากเล่นกับความรู้สึกของขนมผิงเลยนะ แต่ว่าผมก้าวขาลงไปแล้วหนึ่งขา มันจะยกขึ้นก็ยากเย็นซะเหลือเกิน ดังนั้นความสัมพันธ์ของเราจึงเป็นแบบไร้สถานะ มีเพียงเซ็กซ์เท่านั้นที่ผมต้องการและเธอต้องการ เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่มานอนกับผมนั่นแหละ การได้เล่นกับใจของผู้หญิงมันสนุกดีนะ ราวกับชีวิตมันมีสีสันมากยิ่งขึ้น ยกเว้นก็แต่ขนมผิงไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นไง ตรงนี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมพยายามบอกเธอเสมอว่า ‘เจอใครที่ดีกว่าก็ไปเถอะ’ อย่าจมปรักกับคนแบบผมเลย คนแบบผมที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถจับมือใครให้เดินไปพร้อมๆ กันได้หรอก
“ไอ้ชุนตอบมาแล้วว่ะ”
“ว่าไงบ้าง” ไอ้แต้งท์ชะโงกหน้าไปมองจอมือถือของไอ้เอ็มที่ยืนพิงเสาโครงสร้างอู่เฮียเข้มที่กว้างขวาง ที่นี่จะเป็นที่ฝึกงานของผมในเทอมหน้าด้วย
“ไอ้ชุนบอกว่าคุ้นชื่อ ถามไอ้หม่องแล้วก็คุ้น แต่จำไม่ได้”
“อะไรวะ? หรือพวกเราไม่ได้มีเรื่องกับพวกมันก็เลยไม่รู้ แต่ชื่อมันน่ะน่าจะเลื่องลืออยู่นะ” พอไม่ได้คำตอบที่ต้องการผมก็ขยับมาทำงานของตัวเองต่อ ไอ้แต้งท์มองหน้าผมพลางเท้าเอว “เอาไงไอ้คิง”
“ค่อยว่ากัน”
[50%]
*---------------------------------------------*