สายตาของเธอไม่เคยมองใครนอกจากเขา
เว้นแต่เขา... ที่มักจะเล่นกับใจของคนอื่น โดยเฉพาะเหยียบย่ำหัวใจของเธอ
มีสักครั้งไหมที่บอก ‘รัก’ หรือที่ผ่านมาไม่เคยแม้แต่จะมองมาด้วยซ้ำ
ก๊อก ก๊อก~
ปลายนิ้วชี้เคาะบานกระจกที่ใสจนเห็นด้านในว่าตอนนี้มีร่างบอบบางที่สวมชุดนอนกระโปรงสีขาวแขนกุดนั่งอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ก พอเธอหันมามองก็ต้องตกใจรีบปิดโน้ตบุ๊กพลางวิ่งมาเปิดหน้าต่างด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ทำแบบนี้อีกแล้วนะ”
“...”
“ตกลงไปคอหักตาย จะทำยังไง?”
“จะตกก็ตรงที่เธอไม่ถอยให้ฉันเข้าไปในห้องนี่ล่ะ” คนตรงหน้าทำหน้าบูดบึ้งก่อนจะเอี้ยวตัวให้ผมกระโดดลงไปยืนในห้องที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของอะไรบางอย่าง มันบอกไม่ถูกเหมือนกันนะ เพราะแตกต่างจากห้องพี่สาวของผม รายนั้นมีแต่กลิ่นของกระดาษกับดินสอซะส่วนใหญ่ หากแต่ว่าห้องโทนสีม่วงอ่อนมีกลิ่นคล้ายลูกกวาดชนิดหนึ่งที่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“เข้ามาดีๆ ไม่เป็น ชอบปีนชอบป่ายคิดว่าตัวเองเป็นลิงเป็นค่างหรือไง”
“หยุดบ่นสักที” ผมกลอกตาขึ้นบนหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนกอดอกหลังจากปิดหน้างต่างและผ้าม่านเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าในห้องนอนของลูกสาวอู่ซ่อมรถเฮียเข้ม มีผู้ชายปีนเข้ามาหาดึกๆ ดื่นๆ “ขืนเข้ามาทางปกติ คิดว่าเฮียเข้มจะให้ฉันเข้ามาไหม?”
“แล้วไปไหนมาถึงมาดึกขนาดนี้” ไม่ได้ให้คำตอบเธอในทันทีหรอกนะ ผมก็ถอดเสื้อช้อปสีเทาออกโยนไว้ตรงปลายเตียงพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ ที่ติดกับบานหน้าต่าง เอามือทั้งสองหนุนศีรษะมองร่างเล็กที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงกวาดสายตามองผมพลางเลิกคิ้วขึ้น “ไม่มีตรงไหนบอบช้ำ”
“มีก็เห็น”
เธอส่ายหน้าไปมาก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะทำงานตามเดิมและเปิดจอโน้ตบุ๊กขึ้นเพื่อทำรายงาน โดยมีสายตาของผมลอบมองใบหน้าสวยด้านข้างและเบนกลับมามองไปรอบห้องนอนที่เคยเข้ามาที่นี่หลายต่อหลายครั้ง เป็นการเข้ามาแบบลักลอบคล้ายกับโจรเสียมากกว่าเด็กช่างยนต์ที่ทำงานอู่ซ่อมรถพ่อของเธอ
ผมมีชื่อว่า ‘คิง คริษฐ์ จิณธรรมวัตร’ ชายหนุ่มวัย 18 ปี สูง 187 ซม. เรียนปวช.3 สาขาช่างยนต์ มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อว่าเคลียร์ตอนนี้ยัยนั่นไปอยู่กับแฟนหนุ่มเด็กศิลป์เป็นที่เรียบร้อย แต่เป็นการไปๆ มาๆ เสียมากกว่า หลังจากที่เจอกับผู้ชายห่วยแตกแฟนเก่าไปและมีแฟนใหม่ที่ดีจนผมไม่ต้องเป็นห่วงพี่สาวอีกต่อไป ผมเป็นเด็กช่างเรียนอยู่วิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง มีนิสัยค่อนข้างใจร้อนมักจะต่อยตีกับคู่อริอยู่เรื่อยจนได้แผลมาไม่เว้นวัน ผมมาสมัครทำงานที่อู่ซ่อมรถของเฮียเข้มเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แม้ว่าจะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินก็ตามที แต่ผมเป็นพวกที่อยู่ว่างๆ ไม่ค่อยจะเป็นด้วยก็เลยหางานทำดีกว่านั่งๆ นอนๆ รอเงินจากป้าที่ส่งมาให้ใช้ทุกเดือนไม่เคยขาด
“วันนี้นอนด้วย”
“จะบ้าหรือไง?!”
“ตอนเช้ามืดเดี๋ยวไปเอง” เพราะเฮียเข้มค่อนข้างดุมาก ดังนั้นเรื่องของผมกับลูกสาวของเขาจึงเป็น ‘ความลับ’ ระหว่างเราที่มีแค่คนรอบข้างเราเท่านั้นที่รู้ในความสัมพันธ์ว่าเธอรู้สึกยังไงกับผม ยกเว้นแต่ผมที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ ผมเป็นพวกที่ชอบเล่นกับหัวใจผู้หญิงเสียมากกว่า นอนกับผู้หญิงทุกคนที่อยากนอนด้วยและใช่ ลูกสาวเฮียเข้มก็คือหนึ่งในนั้น “เฮียเข้มยังไม่ตื่นหรอก”
“รู้ว่าพ่อยังไม่ตื่น แต่มันเสียเวลานาย”
“ตรงไหน?” เลิกคิ้วขึ้นมองใบหน้าสวยที่ถอนหายใจพลางส่ายหน้า “หรือไม่อยากให้นอนด้วยก็บอก”
“มาถึงห้องขนาดนี้คิดว่าฉันจะไล่นายกลับทำไม”
“...”
“ชอบทำอะไรตามใจอยู่เรื่อยเลยนายน่ะ”
ผมกระตุกยิ้มมุมปากมองเธอที่หันไปทำงานรายงานต่อ ผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าผมมีชื่อว่า ‘ขนมผิง เขมิกา ครองแก้ว’ หญิงสาววัย 19 ปี สูง 160 ซม. นักศึกษาปี 1 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวารสาร ผมรู้แค่ว่าขนมผิงชอบเขียนนิยายเป็นที่สุดเคยอยากลองอ่านแต่เธอก็ไม่ยอม ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้นิยายที่ว่ามันคืออะไรและมันเป็นแบบไหน เคยจะแอบอ่านอยู่แต่โดนจับได้เกือบโดนขนมผิงตีตายคิดดู หวงอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้กลัวผมจะไปอ่านเจออะไรที่มันไม่ควรเจอหรือเปล่า
“มานอนกับฉันได้แบบนี้ ไม่มีสาวให้นอนด้วยสินะ”
“ถ้ามีจะมานอนกับเธอทำไม” คำตอบของผมทำให้ขนมผิงหันมามองค้อนและหันกลับไปจ้องจอโน้ตบุ๊กต่อ
“นายน่ะชอบเล่นกับใจฉันตลอด”
“อย่างี่เง่า” ผมเอ็ดขนมผิงเสียงแข็ง เธอเบ้ปากใส่ผมอีกต่างหากนะ
“ติดสนุกจนเป็นนิสัย”
“บ่นอีกคำเดียว คืนนี้เธอไม่ได้นอนแน่ผิง” ไม่ใช่คำขู่ขนมผิงรู้ดี “เธอรู้ใช่ไหมว่าถ้าทำให้ฉันหงุดหงิด เธอจะเป็นยังไง”
คนตัวเล็กนั่งนิ่งไปเลยทั้งที่เมื่อกี้ยังต่อปากต่อคำกับผมเสียยกใหญ่ รู้สิไม่งั้นจะเงียบเหรอ ผมทำจริงแน่เคยทำให้เธอไม่ได้นอนทั้งคืนจนเกือบไปเรียนสายก็ทำมาแล้ว ขนมผิงถึงได้เงียบปากสนิทเพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำรอยถ้าขืนยังพูดอะไรที่ไม่เข้าหูผม
ผมกับขนมผิงเราสองคนมีสัมพันธ์กันเมื่อห้าเดือนก่อนที่ผมมาทำงานที่อู่ซ่อมรถพ่อของเธอตอนยู่ปวช.2 ขนมผิงชอบผมข้อนี้รู้อยู่แก่ใจดีเลยล่ะ เธอพยายามที่จะบอกผมเสมอว่ารู้สึกยังไง กลับกันผมที่ไม่ได้รู้สึกอะไร มีนิสัยชอบเล่นกับใจของผู้หญิงที่เข้าหาก็เลยไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลยใช่ไหมล่ะ ขนมผิงก็เลยยินยอมมอบกายให้ผมแบบได้เป็นคนแรกของเธอด้วยซ้ำ
รู้ว่าเธอชอบผมมาก เคยถามถึงความสัมพันธ์ของเราแต่ผมปฏิเสธ... แต่รู้ว่าขนมผิงไม่ยอมแพ้ก็เลยปล่อยเลยตามเลยไป เดี๋ยวเธอก็คงจะหยุดไปเองนั่นแหละ เพราะเรื่องมีแฟนไม่ได้อยู่ในสมองของผมเลยสักนิด ผมชอบเล่นกับความรู้สึกผู้หญิงที่เข้าหาเพราะว่ามันสนุกดี หึ
“มานี่ได้แล้ว” ผมเรียกขนมผิงที่ถอนหายใจพลางปิดโน้ตบุ๊กและลุกขึ้นปิดไฟในห้องเหลือแค่โคมไฟหัวเตียงที่เปิดให้ความสว่างบางๆ เป็นสีม่วงอ่อนเป็นสีที่เธอชอบมากที่สุด เธอเคยบอกผม ขนมผิงเดินมานั่งคร่อมบนตัวผมโดยไม่ต้องบอกให้เธอนั่งด้วยซ้ำ มองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเฉยชาแต่บ่งบอกความ ‘อยาก’ “ทีหลังไม่ต้องสวมบรา”
“ทำไมอีกล่ะ”
“ขี้เกียจถอด” กระตุกยิ้มมุมปาก ขณะสอดมือเข้าใต้ชุดนอนกระโปรงของขนมผิงที่มัดผมรวบขึ้นเป็นมวยไว้ตรงท้ายทอย เพียงมือเดียวก็สามารถปลดตะขอบราเซียเธอออกมาได้ในพริบตา “ฉันไม่ชอบสีนี้”
“นายไม่ได้ใส่ จะมาไม่ชงไม่ชอบอะไร” บราเซียลูกไม้สีขาวมันไม่เหมาะกับขนมผิงเลยสักนิด
“เสริมฟองน้ำเพื่อ?”
“ดันทรง”
“หึ ไม่ต้องดันก็ใหญ่จนกำไม่มิดแล้ว” โยนบราเซียทิ้งลงไปบนพื้นจากนั้นก็บีบเค้นทรวงอกอวบผ่านชุดนอนตัวบาง หน้าอกหน้าใจใหญ่คัพดีของขนมผิงทำให้ผมรู้สึกดีเวลาที่ได้เคล้นคลึง หุ่นของเธอเป็นทรงนาฬิกาทรายเอวคอด สะโพกผายและเรียวขาก็ยาวเล็ก หุ่นเพอร์เฟกจะตายแต่แต่งตัวไม่ค่อยจะเป็นแต่เธอเคยบอกนะว่าสวมชุดนักศึกษาก็ต้องเรียบร้อย ชุดปกติก็เรียบร้อยจนผมเห็นแล้วหงุดหงิดนะบางที มีดีไม่ค่อยจะโชว์
ขนมผิงบิดหน้าไปมาขณะที่รูดซิปกางเกงยีนส์ของผมออกหล่นลงมาเล็กน้อยเพื่อนั่งทาบทับบนท่อนเอ็นนูนใหญ่ภายใต้กางเกงในสีดำ ไม่รีรอที่จะถอดชุดนอนออกจากทางศีรษะ เรือนร่างที่เห็นมาจนชินแต่ก็ไม่เคยชินสักที เพราะเวลามองยอดอกสีชมพูน่ากลืนกินทีไรก็อยากจะดูดให้หายอยาก ไล่สายตามองมาถึงเนินสวาทที่มีขนสีดำขึ้นปิดรำไรกำลังโยกเอวเดินหน้าถอยหลังเพื่อถูไถด้านนอกให้ผมเสียวแปลบตรงส่วนหัว ขนมผิงกลายเป็นสาวสวยยั่วสวาทผมได้อย่างดีเยี่ยมหลังจากที่ผ่านมาผมคอยสอนให้เธอปรนเปรอผมและควรทำยังไงให้ผมมีความสุข จนตอนนี้เหรอชำนาญยิ่งกว่าผมซะอีก
“อ๊ะ! อย่าบี้ตรงนี้ มันเสียว”
“เธอชอบให้ฉันบี้ให้ตลอดนี่นา” ผมยิ้มอ่อนขณะที่ปลายนิ้วโป้งบดคลึงขยี้ตรงจุดเสียว จนขนมผิงแอ่นตัวมาข้างหน้า ครางเสียงกระเส่าทั้งโดนผมบีบนมทั้งโดนผมขยี้จุดเสียว ต้านทานไม่ไหวก็ลองดู “ครางเบาๆ เดี๋ยวพ่อเธอก็ขึ้นมาได้ยิน”
ถึงห้องของขนมผิงจะอยู่ชั้นสองของบ้างและพ่อกับแม่เธอจะนอนด้านล่าง เวลานี้พวกท่านก็น่าจะหลับไปแล้ว ห้องของขนมผิงเป็นแบบเก็บเสียงที่บอกก็แค่อยากให้เธอครางให้มันเบากว่านี้เพราะต้องการแกล้งคนตัวเล็กต่างหาก
“คะ คิงพอได้แล้ว” เธอจับมือผมออกหอบหายใจเหนื่อย ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นนั่งโน้มใบหน้าดูดเลียยอดอกอีกข้างก็บีบเค้นทรวงอกเธอไปด้วยจนขนมผิงจิกนิ้วระบายความเสียวด้วยการจิกนิ้วลงบนบ่าผม พอเลียทรวงอกเธอจนพอใจผมก็พลิกตัวให้ขนมผิงเป็นฝ่ายนอนราบบนเตียง ถอดกางเกงไปกองตรงหัวเข่าขณะที่ท่อนเอ็นยาวใหญ่ชูชันพร้อมออกรบ โน้มใบหน้าซุกไซ้ลำคอหอมที่มีกลิ่นคล้ายลูกกวาดมันมาจากตัวของขนมผิงเองสินะ “ถุงยางอยู่ลิ้นชักหัวเตียง”
“ซื้อมาแล้ว?” ขนมผิงพยักหน้ารับเนื่องจากวันก่อนเกือบจะได้ทำแต่ถุงยางดันหมด ก็เลยอดทำได้เพียงเล้าโลมกันเท่านั้น ผมโน้มตัวไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบกล่องถุงยางออกมาแกะใหม่คาบซองสีเงินน้ำเงินเอาไว้จากนั้นก็ถอดเสื้อยืดสีดำออกโยนทิ้งไปที่ไหนสักแห่งในห้องนอนของเธอ “แบบบาง”
“อยากได้แบบไหนก็บอกสิ”
“มีปุ่ม”
“!”
“ทีหลังซื้อแบบมีปุ่มมา” ใบหน้าสวยถึงกับเบิกตากว้างพร้อมพวงแก้มใสที่เต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อ “เธอยังไม่เคยลอง มันฟินมากกว่าผิวเรียบอีก”
“ลองกับคนอื่นแล้วสินะ”
“...”
“ไม่ต้องมาลองกับฉัน ฉันไม่เอา” ขนมผิงเบือนหน้าหนีผมที่ถ่างเรียวขาเธอออกกว้าง ขณะสวมถุงยางลงบนท่อนเอ็นเป็นที่เรียบร้อย ผมโน้มใบหน้าลงไปจรดจูบบนกลีบปากบางเรียกสายตากลมโตให้หันมามองกัน ก่อนที่เธอจะห่อปากด้วยความเสียวซ่านเมื่อผมดันตัวตนขนาดใหญ่เข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มไร้ซึ่งการเบิกทางก่อนทุกครั้งที่ทำกัน “จะ เจ็บนะ ไม่เบิกทางก่อน”
“ลงโทษที่งี่เง่า”
ค่ำคืนนั้นก็อบอวลไปด้วยเซ็กซ์ของผมกับขนมผิงที่ผลัดกันให้ความสุขกันและกันอย่างสุขสม จนถุงยางที่ถูกใช้งานแล้วมัดเป็นปมทิ้งไว้บนพื้นเพื่อกักเก็บน้ำขาวขุ่นของผมเอาไว้ถึงสองอัน สุดท้ายผมก็เหนื่อยแทบขาดใจเวลาที่ได้เอากับขนมผิง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหมดแรงขนาดนี้ ยัยนี่ชอบรีดน้ำผมจนหมดตัวอยู่เรื่อยเลย ถึงขนาดทิ้งตัวลงนอนทับร่างเล็กซุกหน้าลงตำแหน่งซอกคอหอมกรุ่นที่มีกลิ่นเหงื่อโชยเข้ามาในร่างกาย
ลอบมองใบหน้าสวยที่หอบหายใจหนักหลับตาพริ้มราวกับเหนื่อยเสียเต็มประดากับการทำกับผมไปถึงสองรอบ เธอโอบกอดแผ่นหลังผมและกดศีรษะผมให้ซุกหน้าลงที่ลำคอของเธอไม่ให้ขยับหนีด้วยซ้ำ ใช่ ผมมักจะไร้เรี่ยวแรงตอนมีเซ็กซ์กับขนมผิงอยู่ตลอด ขนมผิงกินแล้วสากคอ ทำไมขนมผิงชิ้นนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่มสักทีนะผม...
ยิ่งได้กินก็อยากกินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีวันที่เบื่อกันไปข้าง ผมสนใจแค่เซ็กซ์จากขนมผิงก็เท่านั้น ส่วนเธออยากได้มากกว่าเซ็กซ์ผมก็ให้เธอไม่ได้ไง ในเมื่อผมยังชอบที่จะใช้ชีวิตเสเพลไปเรื่อย ไม่คิดลงเอยกับใครหรือจริงจังกับใคร แม้กระทั่งขนมผิงเองก็ตามที
“ฉันชอบนาย”
รู้แล้ว... เธอบอกฉันทุกวันตอนที่เอากันจบ บอกจนผมเบื่อที่จะฟังมันแล้ว เมื่อไหร่จะตัดใจจากผมและโฟกัสแค่เรื่องนี้อย่างเดียวสักที ไม่ได้อยากให้เธอมาจมปรักกับคนอย่างผมหรอกนะ ยิ่งขนมผิงพยายามมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งออกห่างเธอไปไกลมากขึ้นเท่านั้น ใช่ เธอรู้แต่ก็ยังพยายามเอาชนะใจผม ฉันน่ะไม่เหมาะกับเธอหรอกขนมผิง
*----------------------------------------------------*