“อ้อมทางนี้” เบนหรือเบนจามีนตะโกนพร้อมยกมือขึ้นโบกเรียกอ้อมรักที่อยู่ในชุดนักศึกษา
อ้อมรักกรีดยิ้มเมื่อได้ยินและเห็นการกระทำของเพื่อน
“เสียงดังอีกแล้วนะเบน ไม่อายคนบ้างเหรอ” อ้อมรักเอ่ยถามพร้อมนั่งลงที่โต๊ะม้าหินอ่อน
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันของการมาศึกษาเล่าเรียนเอาความรู้ แม้ว่าจะเหนื่อยจากงานกลางคืน แต่เมื่อถึงยามเรียนอ้อมรักฝืนได้เสมอ
“ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาแกเคยเห็นมันอายอะไรบ้างอ้อม” เจมิกซ์เพื่อนในกลุ่มอีกคนถาม
“ก็ไม่น่าจะมีนะ” อ้อมรักตอบตามความจริง ที่ติดไปทางขบขัน
“อะไรอะ นี่ไม่ได้กินข้าวเช้ามาอีกแล้วเหรอ” เบนจามีนถามเมื่อเห็นเพื่อนรักอย่างอ้อมรักหยิบถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งออกจากกระเป๋าสะพาย
“อืม กลัวสาย เลยแวะซื้อหน้ามอไง เอาไหมอะ” ตอบเพื่อนพร้อมยื่นหมูปิ้งให้ด้วย
“โนจ้ะ ฉันจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว และหมูปิ้งมันเยิ้มแบบนั้นฉันกินไม่ลง” เบนจามีนเมินหน้าหนี
“ตอแหลนะมึง มานี่กูกินเอง” เจมิกซ์ว่าแขวะและหยิบหมูปิ้งไม้ที่อ้อมรักยื่นให้มากินใส่หน้าเบนจามีน
การหยอกล้อของเบนจามีนและเจมิกซ์ทำให้อ้อมรักยิ้มได้เป็นประจำ
เบนจามีนกับเจมิกซ์เป็นเพื่อนสนิทของอ้อมรัก ทั้งสองคนเป็นเพศทางเลือก ใจเป็นหญิงแต่กายเป็นชาย อ้อมรักบังเอิญสนิทกับสองคนนี้ด้วยความบังเอิญ
และความบังเอิญทำให้ทั้งสามได้เป็นเพื่อนรักกัน
“น้ำครับน้องอ้อมรัก” น้ำเปล่าแช่เย็นวางลงตรงโต๊ะม้าหินอ่อนตรงหน้าของอ้อมรัก
“ขอบคุณค่ะพี่เปลว” อ้อมรักเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท “แต่ว่าอ้อมซื้อมาแล้ว งั้นขอให้เบนแทนนะคะ” เธอยื่นขวดน้ำเปล่าแช่เย็นให้เพื่อนรัก
“ตามใจน้องอ้อมรักเลยครับ เพราะพี่จะถือว่าน้องอ้อมรักรับไปแล้ว” เปลวรุ่นพี่ต่างคณะยิ้มละมุน เปลวตามจีบรุ่นน้องสาวสวยคนนี้มาได้สักพักใหญ่ แต่ดูเหมือนรุ่นน้องจะไม่สนใจเล่นด้วย
ซึ่งเปลวที่เคยจีบใครไม่เคยพลาด จึงไม่ยอมลดละความพยายาม แต่กระนั้นอ้อมรักก็หาได้ใส่ใจผู้ชายเพลย์บอยเช่นเปลว
การนิ่งเฉยของอ้อมรักมักเป็นคำตอบของการปฏิเสธที่ดีเสมอ หนุ่มหน้าไหนที่มาขายขนมจีบ ถ้าเธอนิ่งชายหนุ่มเหล่านั้นจะล่าถอย
จะมีผิดแผกก็ผู้ชายที่ชื่อเปลวคนนี้ที่ตามตื๊อไม่เลิก
ซึ่งอ้อมรักก็ปล่อยให้เปลวทำต่อไป ส่วนเธอนั้นไม่สนใจ
การใช้ชีวิตที่มันซ้ำซากจำเจของอ้อมรักยังคงเป็นแบบนั้นเรื่อยมา จากวันเลื่อนไปเป็นเดือนหมุนผ่านเป็นปี อ้อมรักยังคงไปเรียนและทำงานที่ร้านเหล้าเหมือนเช่นเคย
ชีวิตของเธอหาความสุขไม่ได้ เพราะว่าเธอไม่รู้เลยว่าแบบไหนเรียกว่าความสุข
กระทั่งวันหนึ่งมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ
AOMRUK TALK
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันเหนื่อยกับการใช้ชีวิตมาก ๆ ทั้งที่ฉันอายุแค่ 21 ปีเอง หมายถึงวันนี้น่ะมันคือวันเกิดฉัน เพราะนี่มันก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว ก็เท่ากับว่าวันนี้คือวันเกิดของฉัน แต่ก็นะ ไม่ว่าจะกี่ปี ครบรอบวันเกิดของฉันทีไรมันก็เหมือนเป็นวันธรรมดาทั่วไป ฉันมันไม่ได้มีค่ามากมายขนาดที่จะมีคนใส่ใจวันเกิดของฉันขนาดนั้น
และปีนี้ก็คงจะเหมือนทุก ๆ ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรพิเศษทั้งนั้น
ฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
แต่มันติดตรงที่ว่าฉันไม่รู้ว่าคำว่าความสุขนั้นต้องทำยังไงถึงจะได้มันมา
หมับ!
“กรี๊ด!” ฉันร้องเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อมีมือของใครบางคนจับที่ข้อเท้าของฉัน ระหว่างที่ฉันเดินกลับบ้าน ซึ่งบ้านที่ฉันพักอยู่มันติดทะเล
ฉันว่าคนเมาแน่ ๆ แถวนี้ชอบมีคนเมาเยอะ
ฉันกำลังจะสะบัดขาแรง ๆ แต่เสียงทุ้มกลับดังขึ้น “ชะ…ช่วยด้วย”
เขาร้องขอความช่วยเหลือฉันจึงก้มลงมองที่ข้อเท้าของตัวเอง เห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนคว่ำกับพื้นทราย มือของเขาจับที่ข้อเท้าของฉัน
เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน ใบหน้าของเขามีบาดแผล เลือดไหลนอง
ฉันล้วงหามือถือเพื่อที่จะกดโทรแจ้งเหตุ
“ยะ…อย่า ขอร้องอย่าโทร อย่าพาฉันไปโรงพยาบาล อย่าให้ใครเห็นฉัน ช่วยฉันด้วย…” เขาร้องห้ามด้วยเสียงที่ขาดห้วงก่อนที่เขาจะฟุบหน้าลงกับพื้นทราย
“เอาไงดีล่ะอ้อมรัก ปล่อยไว้แบบนี้ดีไหมนะ”
‘เวลาเจอคนเดือดร้อน ถ้าอ้อมช่วยได้ อ้อมต้องยื่นมือช่วยนะลูก เผื่อว่าวันหนึ่งอ้อมเดือดร้อนจะได้มีคนยื่นมือเข้าช่วย’ คำพูดของยายผุดขึ้นมาในหัวของฉันทันทีที่คิดจะก้าวขาถอยห่างจากผู้ชายตรงหน้า
สุดท้ายแล้วฉันจึงพยุงเขากลับมาที่บ้านด้วย ยังดีที่เขาไม่ได้หมดสติไปเลยเขาจึงมีแรงเดินด้วยตัวเองอยู่บ้าง ถ้าเขาหมดสติฉันคงหมดปัญญา
ฉันพาชายแปลกหน้าเดินเข้ามาทางหลังบ้าน แม้ว่าป้าของฉันจะต้องการอิสระด้วยการอยู่คนละบ้านกัน แต่บ้านของฉันกับป้าไม่ได้อยู่ห่างกันนัก และการพาผู้ชายเข้าบ้านเป็นสิ่งที่ป้าไม่มีทางเห็นดีด้วย
ถ้าพูดตามหลักความจริง แม้แต่เพื่อนก็ไม่เคยได้มาบ้านของฉันสักคน เนื่องด้วยป้าชอบความเป็นส่วนตัว
“คุณไม่ไปโรงพยาบาลแน่เหรอ” ฉันวางเขาลงที่เตียงนอน คือไม่รู้ว่าจะวางเขาไว้ที่ไหนแล้วไง
“ใช่ ขอร้อง…อย่าพาฉันไป” ชายแปลกหน้าขยับมือมาจับมือของฉันไว้แน่น
“อื้ม ก็ได้” เมื่อฉันรับปากเขาจึงค่อย ๆ คลายมือและหลับตาลง
“คุณอย่าหลับนะคุณ กินยาก่อน” เห็นท่าว่าเขาเหมือนจะหลับ ฉันจึงรีบลุกขึ้นหายาแก้ปวดและแก้อักเสบมาให้เขากินก่อน
ที่บ้านของฉันมีแค่ยาสามัญประจำบ้าน และแก้อักเสบเล็กน้อยที่ฉันซื้อมากินแล้วเหลือติดค้างที่บ้าน
เขาอ้าปากกินยาที่ฉันป้อนถึงปาก ฉันยื่นน้ำให้เขาดื่มตาม เขาสำลักเล็กน้อยก่อนจะหายใจอ่อนลง
“ฉันว่าคุณไปหาหมอดีกว่าไหม เกิดฉันทำคุณตายขึ้นมาจะทำยังไง” มองสภาพของเขาแล้วทำให้ฉันอดวิตกกังวลไม่ได้เลย
ถ้าเกิดเขาตายฉันจะไม่กลายเป็นฆาตกรหรือไง
“ไม่…ถ้าจะตาย ก็ให้ฉันตายที่นี่ อย่าพาฉันไปหาหมอเด็ดขาด ถ้าฉันตายเธอก็โยนฉันลงทะเลได้เลย” เขายังยืนกราน ในขณะที่ฉันเริ่มสงสัยว่าเขาทำอะไรผิดกฎหมายมาหรือเปล่า
ไหนจะแนะนำให้ฉันอำพรางศพอีก
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามต่อ เขานั้นก็หลับไปแล้ว
หลับแหละ ไม่น่าจะตาย
ฉันเริ่มจากการสำรวจบาดแผลตามร่างกายของเขาว่ามีแผลตรงไหนบ้าง บริเวณที่เลือดยังสด ๆ ฉันรีบเอาผ้าซับ เอาสำลีชุบน้ำเกลือล้างแผล และรีบทำการปิดแผลให้เขา สภาพของเขามันยับเยินมาก มีเลือดไหลออกที่หัวด้วย หน้าผากเช่นกัน ไหนจะแขนที่มีรอยแผลขนาดใหญ่ คือสภาพแบบนี้สมควรไปหาหมอจริง ๆ มากกว่าให้หมอจำเป็นแบบฉันช่วย
ฉันน่ะเดินออกจากร้านเพื่อกลับมาบ้านตอนตี 1 บ้านกับร้านเหล้าของป้าอยู่ใกล้กัน ร้านเหล้าริมทะเล บ้านของฉันและป้าก็อยู่ติดริมทะเล และตอนนี้เป็นเวลาตี 3 ซึ่งฉันเพิ่งจะทำแผลพร้อมเช็ดตัวให้คนแปลกหน้าเสร็จสิ้น คือตอนแรกไม่ได้อยากจะเช็ดให้นะ เพราะว่าฉันไม่เคยแตะตัวผู้ชายแปลกหน้าขนาดนี้ แต่พอเห็นคราบเลือดที่ติดตามร่างกายของเขามันทำให้ฉันไม่กล้าที่จะปล่อยเขาไว้ในสภาพแบบนี้
ไหนจะแผลที่สมควรจะได้รับการเย็บ แต่ฉันก็เลือกทำตามความต้องการของเขา คือไม่พาเขาไปหาหมอ
คราวนี้จึงต้องมาลุ้นกันว่าเขาจะรอดหรือจะตาย