“หล่อมาก อย่างกับเอาดารานักร้องหล่อ ๆ มาปั่นรวมกันอย่างนั้นแหละ”
“หยุดมองเลยนะ คนนั้นน่ะของฉันย่ะ”
“ฉันจองแล้ว ของฉัน”
“พวกหล่อนหุบปากเถอะ สุดหล่อคนนั้นสามีฉันต่างหาก”
ปลายฝนในวัยสิบห้าปีปรายตามองเพื่อน ๆ ที่คุยกันสนุกปาก คึกคะนอง ก่อนจะกวาดสายตาไปยังคนที่เพื่อนกำลังกล่าวถึง
เศษเสี้ยววินาทีที่ดวงตาสองคู่สบกันพอดี ก็ให้รู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าจาง ๆ จี้ที่ตรงหัวใจ มันกระตุกเต้นจนผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง จนเธอต้องสูดลมหายใจเข้าเบา ๆ กับอาการแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น
แล้วตอนนั้นเอง ปลายฝนถึงได้ยืดตัว ขยับลุกขึ้นยืน พร้อมกับประกาศความเป็นเจ้าของออกไปว่า “ของฉัน”
เพื่อนในกลุ่มอ้าปากหวอเมื่อได้ยิน บางคนสะบัดหน้าหนี บางคนร้องออกมาอย่างเซ็ง ๆ
ปลายฝน อัศวหาญญ์วรกุลเคยแย่งของใครที่ไหนกัน เจ้าตัวออกจะใจใหญ่ รักพวกพ้อง และทรงอิทธิพลกับเพื่อนฝูงอยู่ไม่น้อย แต่หากบอกว่าจะเอาขึ้นมาแล้ว มีใครกล้าหืออย่างนั้นหรือ ฃ
เด็กสาวลุกขึ้นแล้ว หาได้ตรงไปยังคนที่ตนประกาศออกไปว่าเป็นเจ้าของ แต่ตรงไปที่ร้านขายเครื่องดื่มแทน ยืนเลือกอยู่ครู่ ได้น้ำอัดลมมาหนึ่งกระป๋อง โยนเล่นในมือแล้วถึงค่อยตรงไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น คนที่ซึ่งใคร ๆ ต่างพากันชี้นิ้วมอง จับจองว่าเป็นของตนเอง
เขานั่งอยู่ในกลุ่มเด็กต่างโรงเรียนกับเธอ แต่คงรวมกลุ่มกับเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันอยู่ เพราะได้ยินเรื่องราวที่พวกเขากำลังพูดคุยกันดูเป็นเรื่องภายในที่คุยกันอย่างออกรส
คนอื่น ๆ ในกลุ่มใช่ว่าจะหน้าตาดูไม่ได้ เด็กชายโรงเรียนนี้คัดหน้าตามาเรียนกันหรืออย่างไร ถึงได้หล่อกันแทบทุกคน ผิวขาวสะอาด คิ้ว คาง ปากได้รูปดูหล่อดี ดวงตาสุกใส บางคนหน้าคมเข้ม บางคนหน้าตากระเดียดไปทางฝรั่ง
ส่วนคนที่ปลายฝนกำลังเดินตรงไปหานั่น หน้าตาเขาเหมือนเอาดารานักร้องหล่อ ๆ มาปั่นรวมกันอย่างที่เพื่อนพูดไว้จริง ๆ ด้วย คนหล่อก็มีตั้งมากมาย แต่เด็กหล่อคนนี้ดึงดูดสายตา ดึงดูดหัวใจขงอปลายฝนได้มากกว่าคนอื่น ๆ
แววตาของเขาไม่เหมือนใคร เรียบนิ่ง เหมือนกับน้ำในบ่อที่มองลงไปเท่าไร ก็มองไม่เห็นก้นบึ้ง ว่าลึกสุดขนาดไหน น่าค้นหา น่าสนใจและน่าหลงใหลในคราวเดียวกัน
มีเด็กหนุ่มทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่หรือแม้กระทั่งรุ่นน้องให้ความสนใจปลายฝนออกเยอะแยะ แต่เจ้าตัวไม่เคยให้ความสนใจใครเลยสักคน เธอครองตัวโสดมาถึงสิบห้าปี ก็เพื่อมาเจอผู้ชายคนนี้นี่เอง คิดแล้วก็อดยิ้มในใจไม่ได้
ปลายฝนมองนิ่งที่เด็กหนุ่มคนนั้น เขานั่งอยู่ในตำแหน่งริมสุดที่ม้านั่งตัวยาว เด็กหนุ่มที่นั่งรวมกลุ่มอยู่ด้วย ผิวปากแซวลั่นบริเวณ เมื่อเห็นเธอเดินตรงไปหา
“สวย ใส ใจกล้า มาเป็นเด็กพี่ไหมน้อง”
ปลายฝนมองคนแซวด้วยสายตาหมิ่น ๆ ตอบกลับไปว่า “ฉันเป็นลูกคนเดียว” แล้วตรงไปยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้เด็กหนุ่มคนที่จับจองไว้แล้วในใจ
“เชี่ยภูแม่งเสน่ห์แรงจริง ๆ เลยเว้ย นั่งเฉย ๆ สาวแม่งก็วิ่งเข้าไปหา พกของดีอะไรวะ เอามาแบ่งกูมั่งดิ”
คนถูกแซวที่เพื่อน ๆ เรียกว่า ‘ภู’ มองกระป๋องน้ำอัดลมที่ส่งมาตรงหน้า แล้วถึงเลื่อนสายตามองที่มือเล็ก ๆ ไต่ไล่ขึ้นไปสบสายตากับเด็กสาววัยเดียวกัน
พอได้สบตาในระยะที่ใกล้กว่าเดิม หัวใจที่เต้นผิดจังหวะอยู่แล้ว เต้นผิดจังหวะยิ่งขึ้นไปอีก แต่ปลายฝนไม่มีอาการประหม่าเลยแม้แต่นิด บอกชื่อของตนเองออกไป “เราชื่อฝน”
เขามองสบดวงตาใสวาวราวลูกแก้ว ยิ้มมุมปากนิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ ตอบกลับว่า “ชื่อภูผาครับ เรียกภูแบบคนอื่นก็ได้”
“ฝนไม่อยากเป็นคนอื่นสำหรับภู อยากเป็นคนพิเศษ...ได้ไหมล่ะ” จบคำพูดเชิงรุก เสียงผิวปากดังขึ้นอีกครั้ง ปลายฝนยื่นมืออีกข้างแบออกตรงหน้า เอ่ยขอ “ยืมโทรศัพท์หน่อย”
คนถูกขอร้องถามสุภาพกลับไปว่า “ทำไมครับ”
“เร็วสิ” ปลายฝนเร่งด้วยน้ำเสียงและสีหน้าน่ารัก
ภูผามองนิ่ง ๆ เดี๋ยวเดียว ค่อยล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ส่งสิ่งที่ถูกร้องขอราวกับต้องมนต์ ปลายฝนรับมาแล้วก็จิ้มหน้าจอไปมา กดโทรออก พร้อมบันทึกชื่อตัวเองลงไปในนั้นเรียบร้อย
“เราคบกันไหมภู”
เด็กหนุ่มมองเจ้าของประโยคคำถามสั้น ๆ ด้วยท่าทีอึ้งเล็กน้อย ยิ้ม แต่ไม่ตอบอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว จนคนถามต้องย้ำว่า “ยิ้มแบบนี้คืออะไร ‘ตกลง’ ใช่ไหม”
เอาแต่ยิ้มเอียงอายอยู่นั่น ซึ่งมันก็น่ามองมากขึ้นไปอีก แก้เก้อด้วยการดึงห่วงฝากระป๋องน้ำอัดลมออก ปลายฝนมองแล้วก็เข้าไปดึงเอาจากมืออีกฝ่าย หักออกจนเหลือแต่ห่วงอย่างเดียว ชูขึ้นตรงหน้า “ถือว่านี่เป็นแหวนหมั้นก็แล้วกัน ทำงาน หาเงินได้เมื่อไร ขอแบบที่มันแพงกว่านี้หน่อย เอาให้สมน้ำสมเนื้อกับฝน แค่นั้นฝนก็พอใจแล้วละ”
ไม่มีเสียงปฏิเสธจากเด็กหนุ่มที่ชื่อภูผา มีเพียงสายตาที่มองตอบราวกับจะให้คำมั่นอย่างเงียบ ๆ ทั้งคู่มองกันนิ่งอึดใจเดียว ก่อนละจากกันไป เมื่อมีเสียงสบถดังขึ้นที่ด้านข้าง
“เชี่ยเอ้ย”
เสียงสบถด่าดังออกมาจากปากคนขับ ดึงความคิดของปลายฝนให้กลับมาจดจ่อกับเหตุการณ์ตรงหน้า หญิงสาวมองตรงไป ก็ให้เห็นบิ๊กไบค์คันหนึ่งกำลังเสียหลักจะล้มมิล้มแหล่อยู่แล้ว ก่อนที่คนขับจะกระชากรถเข้าไปเบียดซ้ำ จนทางนั้นเสียหลัก ล้มกลิ้งกับพื้นถนนในที่สุด
เธอตกใจกับภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้มาก จนหัวใจแทบหยุดเต้น มือยกแตะตรงหน้าอก ลูบจี้ที่สวมติดคอไว้ตลอด อย่างต้องการปลอบโยนตัวเอง แว่วเสียงเยาะเย้ยดังมาจากปริน คนที่อาสาขับรถให้ในคืนนี้ “สมน้ำหน้า คิดจะมาลองถนนกับกูหรือไงไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
ลูกชายเพื่อนบิดาเย้ยจบ เหมือนเพิ่งรู้ตัว หันมาปั้นยิ้มอบอุ่นส่งให้ ปลายฝนปลดเข็มขัดนิรภัยออก เพื่อเอี้ยวดูคู่กรณี เห็นมอเตอร์ไซค์คันนั้นอยู่ในระยะไกลลิบแล้ว เพราะผ่านมาพอสมควร ค่อยหันไปถามชายหนุ่มที่หลังพวงมาลัยรถยนต์
“พี่ปรินไม่จอดดูหน่อยหรือคะ”