1

1184 Words
         “หล่อมาก อย่างกับเอาดารานักร้องหล่อ ๆ มาปั่นรวมกันอย่างนั้นแหละ”                “หยุดมองเลยนะ คนนั้นน่ะของฉันย่ะ”                “ฉันจองแล้ว ของฉัน”                “พวกหล่อนหุบปากเถอะ สุดหล่อคนนั้นสามีฉันต่างหาก”                ปลายฝนในวัยสิบห้าปีปรายตามองเพื่อน ๆ ที่คุยกันสนุกปาก คึกคะนอง ก่อนจะกวาดสายตาไปยังคนที่เพื่อนกำลังกล่าวถึง เศษเสี้ยววินาทีที่ดวงตาสองคู่สบกันพอดี ก็ให้รู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าจาง ๆ จี้ที่ตรงหัวใจ มันกระตุกเต้นจนผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง จนเธอต้องสูดลมหายใจเข้าเบา ๆ กับอาการแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น แล้วตอนนั้นเอง ปลายฝนถึงได้ยืดตัว ขยับลุกขึ้นยืน พร้อมกับประกาศความเป็นเจ้าของออกไปว่า “ของฉัน”                เพื่อนในกลุ่มอ้าปากหวอเมื่อได้ยิน บางคนสะบัดหน้าหนี บางคนร้องออกมาอย่างเซ็ง ๆ                ปลายฝน อัศวหาญญ์วรกุลเคยแย่งของใครที่ไหนกัน เจ้าตัวออกจะใจใหญ่ รักพวกพ้อง และทรงอิทธิพลกับเพื่อนฝูงอยู่ไม่น้อย แต่หากบอกว่าจะเอาขึ้นมาแล้ว มีใครกล้าหืออย่างนั้นหรือ ฃ  เด็กสาวลุกขึ้นแล้ว หาได้ตรงไปยังคนที่ตนประกาศออกไปว่าเป็นเจ้าของ แต่ตรงไปที่ร้านขายเครื่องดื่มแทน ยืนเลือกอยู่ครู่ ได้น้ำอัดลมมาหนึ่งกระป๋อง โยนเล่นในมือแล้วถึงค่อยตรงไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น คนที่ซึ่งใคร ๆ ต่างพากันชี้นิ้วมอง จับจองว่าเป็นของตนเอง เขานั่งอยู่ในกลุ่มเด็กต่างโรงเรียนกับเธอ แต่คงรวมกลุ่มกับเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันอยู่ เพราะได้ยินเรื่องราวที่พวกเขากำลังพูดคุยกันดูเป็นเรื่องภายในที่คุยกันอย่างออกรส คนอื่น ๆ ในกลุ่มใช่ว่าจะหน้าตาดูไม่ได้ เด็กชายโรงเรียนนี้คัดหน้าตามาเรียนกันหรืออย่างไร ถึงได้หล่อกันแทบทุกคน ผิวขาวสะอาด คิ้ว คาง ปากได้รูปดูหล่อดี ดวงตาสุกใส บางคนหน้าคมเข้ม บางคนหน้าตากระเดียดไปทางฝรั่ง ส่วนคนที่ปลายฝนกำลังเดินตรงไปหานั่น หน้าตาเขาเหมือนเอาดารานักร้องหล่อ ๆ มาปั่นรวมกันอย่างที่เพื่อนพูดไว้จริง ๆ ด้วย คนหล่อก็มีตั้งมากมาย แต่เด็กหล่อคนนี้ดึงดูดสายตา ดึงดูดหัวใจขงอปลายฝนได้มากกว่าคนอื่น ๆ แววตาของเขาไม่เหมือนใคร เรียบนิ่ง เหมือนกับน้ำในบ่อที่มองลงไปเท่าไร ก็มองไม่เห็นก้นบึ้ง ว่าลึกสุดขนาดไหน น่าค้นหา น่าสนใจและน่าหลงใหลในคราวเดียวกัน มีเด็กหนุ่มทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่หรือแม้กระทั่งรุ่นน้องให้ความสนใจปลายฝนออกเยอะแยะ แต่เจ้าตัวไม่เคยให้ความสนใจใครเลยสักคน เธอครองตัวโสดมาถึงสิบห้าปี ก็เพื่อมาเจอผู้ชายคนนี้นี่เอง คิดแล้วก็อดยิ้มในใจไม่ได้  ปลายฝนมองนิ่งที่เด็กหนุ่มคนนั้น เขานั่งอยู่ในตำแหน่งริมสุดที่ม้านั่งตัวยาว เด็กหนุ่มที่นั่งรวมกลุ่มอยู่ด้วย ผิวปากแซวลั่นบริเวณ เมื่อเห็นเธอเดินตรงไปหา “สวย ใส ใจกล้า มาเป็นเด็กพี่ไหมน้อง” ปลายฝนมองคนแซวด้วยสายตาหมิ่น ๆ ตอบกลับไปว่า “ฉันเป็นลูกคนเดียว” แล้วตรงไปยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้เด็กหนุ่มคนที่จับจองไว้แล้วในใจ                “เชี่ยภูแม่งเสน่ห์แรงจริง ๆ เลยเว้ย นั่งเฉย ๆ สาวแม่งก็วิ่งเข้าไปหา พกของดีอะไรวะ เอามาแบ่งกูมั่งดิ”                คนถูกแซวที่เพื่อน ๆ เรียกว่า ‘ภู’ มองกระป๋องน้ำอัดลมที่ส่งมาตรงหน้า แล้วถึงเลื่อนสายตามองที่มือเล็ก ๆ ไต่ไล่ขึ้นไปสบสายตากับเด็กสาววัยเดียวกัน                พอได้สบตาในระยะที่ใกล้กว่าเดิม หัวใจที่เต้นผิดจังหวะอยู่แล้ว เต้นผิดจังหวะยิ่งขึ้นไปอีก แต่ปลายฝนไม่มีอาการประหม่าเลยแม้แต่นิด บอกชื่อของตนเองออกไป “เราชื่อฝน”                เขามองสบดวงตาใสวาวราวลูกแก้ว ยิ้มมุมปากนิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ ตอบกลับว่า “ชื่อภูผาครับ เรียกภูแบบคนอื่นก็ได้”                “ฝนไม่อยากเป็นคนอื่นสำหรับภู อยากเป็นคนพิเศษ...ได้ไหมล่ะ” จบคำพูดเชิงรุก เสียงผิวปากดังขึ้นอีกครั้ง ปลายฝนยื่นมืออีกข้างแบออกตรงหน้า เอ่ยขอ “ยืมโทรศัพท์หน่อย”                คนถูกขอร้องถามสุภาพกลับไปว่า “ทำไมครับ”                “เร็วสิ” ปลายฝนเร่งด้วยน้ำเสียงและสีหน้าน่ารัก                 ภูผามองนิ่ง ๆ เดี๋ยวเดียว ค่อยล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ส่งสิ่งที่ถูกร้องขอราวกับต้องมนต์ ปลายฝนรับมาแล้วก็จิ้มหน้าจอไปมา กดโทรออก พร้อมบันทึกชื่อตัวเองลงไปในนั้นเรียบร้อย                “เราคบกันไหมภู”                เด็กหนุ่มมองเจ้าของประโยคคำถามสั้น ๆ ด้วยท่าทีอึ้งเล็กน้อย ยิ้ม แต่ไม่ตอบอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว จนคนถามต้องย้ำว่า “ยิ้มแบบนี้คืออะไร ‘ตกลง’ ใช่ไหม”                เอาแต่ยิ้มเอียงอายอยู่นั่น ซึ่งมันก็น่ามองมากขึ้นไปอีก แก้เก้อด้วยการดึงห่วงฝากระป๋องน้ำอัดลมออก ปลายฝนมองแล้วก็เข้าไปดึงเอาจากมืออีกฝ่าย หักออกจนเหลือแต่ห่วงอย่างเดียว ชูขึ้นตรงหน้า “ถือว่านี่เป็นแหวนหมั้นก็แล้วกัน ทำงาน หาเงินได้เมื่อไร ขอแบบที่มันแพงกว่านี้หน่อย เอาให้สมน้ำสมเนื้อกับฝน แค่นั้นฝนก็พอใจแล้วละ” ไม่มีเสียงปฏิเสธจากเด็กหนุ่มที่ชื่อภูผา มีเพียงสายตาที่มองตอบราวกับจะให้คำมั่นอย่างเงียบ ๆ ทั้งคู่มองกันนิ่งอึดใจเดียว ก่อนละจากกันไป เมื่อมีเสียงสบถดังขึ้นที่ด้านข้าง                     “เชี่ยเอ้ย” เสียงสบถด่าดังออกมาจากปากคนขับ ดึงความคิดของปลายฝนให้กลับมาจดจ่อกับเหตุการณ์ตรงหน้า หญิงสาวมองตรงไป ก็ให้เห็นบิ๊กไบค์คันหนึ่งกำลังเสียหลักจะล้มมิล้มแหล่อยู่แล้ว ก่อนที่คนขับจะกระชากรถเข้าไปเบียดซ้ำ จนทางนั้นเสียหลัก ล้มกลิ้งกับพื้นถนนในที่สุด เธอตกใจกับภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้มาก จนหัวใจแทบหยุดเต้น มือยกแตะตรงหน้าอก ลูบจี้ที่สวมติดคอไว้ตลอด อย่างต้องการปลอบโยนตัวเอง แว่วเสียงเยาะเย้ยดังมาจากปริน คนที่อาสาขับรถให้ในคืนนี้ “สมน้ำหน้า คิดจะมาลองถนนกับกูหรือไงไอ้เด็กเมื่อวานซืน”  ลูกชายเพื่อนบิดาเย้ยจบ เหมือนเพิ่งรู้ตัว หันมาปั้นยิ้มอบอุ่นส่งให้ ปลายฝนปลดเข็มขัดนิรภัยออก เพื่อเอี้ยวดูคู่กรณี เห็นมอเตอร์ไซค์คันนั้นอยู่ในระยะไกลลิบแล้ว เพราะผ่านมาพอสมควร ค่อยหันไปถามชายหนุ่มที่หลังพวงมาลัยรถยนต์ “พี่ปรินไม่จอดดูหน่อยหรือคะ” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD